กรุงเทพฯ--7 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (7 มีนาคม 2543) นายดอน ปรมัตถ์วินัย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่สมเด็จพระราชาธิบดีฟาฮัด บินอับดุลอาซีซ อัลซาอุด ได้รับสั่งให้ทางการซาอุดิอาระเบียอุปถัมภ์ชาวมุสลิมเอเชียที่มีฐานะยากจนและมีความประสงค์จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์จำนวน 1,500 คนนั้น ทางการซาอุดิอาระเบีย ได้เช่าเหมาลำเครื่องบินของ The Orient Thai Airlines จำนวน 3 เที่ยวบิน (เครื่องบินแบบ Lockheed Tri Star จำนวน 299 ที่นั่ง) นำชาวไทยมุสลิมที่ได้รับการคัดเลือกจำนวน 500 คน เดินทางไปนครมักกะฮ์ ในวันที่ 8,9 และ 11 มีนาคม 2543 ตามลำดับ
สำหรับเที่ยวบินแรกจะออกเดินทางจากกรุงเทพในวันที่ 8 มีนาคม 2543
เวลา 14.30 น. โดยมีชาวมุสลิมไทยชุดแรกจำนวน 53 คน และจะมีชาวมุสลิมจากประเทศเพื่อนบ้านอันได้แก่ มุสลิมจากกัมพูชา 103 คน จากเวียดนาม ประมาณ 20-30 คน จากลาว 9 คน จากพม่า 25 คน ร่วมเดินทางไปกับเที่ยวบินเที่ยวแรกดังกล่าวด้วย โดย ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ จะเดินทางไปส่งชาวมุสลิมดังกล่าวที่สนามบินกรุงเทพ ร่วมกับ ดร.มูฮัมหมัด อัล ตุรกี รองรัฐมนตรีกระทรวงกิจการศาสนา และอุปทูตซาอุดิอาระเบีย ในเวลา 13.00 น. ณ Terminal หมายเลข 2 สำนักงานสายการบินโอเรียนท์ไทย แอร์ไลน์
สำหรับกระบวนการคัดเลือกชาวไทยมุสลิมที่มีความเหมาะสมที่จะได้รับการอุปถัมภ์จากทางการซาอุดิอาระเบียนั้น จะคัดเลือกจากประชาชนไทยมุสลิม และองค์กรมุสลิมจากภาคต่างๆ ของประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 500 คน ซึ่งมีฐานะยากจน และได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทย และไม่มีความสามารถที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการประกอบพิธีฮัจญ์ดังกล่าวได้
สำหรับกระบวนการเตรียมการและดูแลชาวไทยมุสลิม และชาวมุสลิมจากประเทศเพื่อนบ้าน สำหรับเที่ยวบินเที่ยวแรกในวันที่ 8 มีนาคม 2543 นี้ ทางการซาอุดิอาระเบียจะมอบหนังสือเดินทางที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทการเดินทางไปแสวงบุญให้แก่ผู้เดินทาง ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงฯ ได้อำนวยความสะดวกเร่งรัดการออกหนังสือเดินทางธรรมดา รวมถึงหนังสือเดินทางชนิดพิเศษสำหรับผู้เดินทางไปแสวงบุญที่นครมักกะฮ์ เป็นกรณีเฉพาะ มีอายุใช้งาน 1 ปี ซึ่งกระทรวงฯ มีนโยบายอำนวยความสะดวกเช่นนี้เป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ ทางการซาอุดิอาระเบีย จะแจกผ้านุ่ง และผ้าห่มสีขาวสำหรับการแสวงบุญ (หรือที่เรียกว่า “เอียฮะรอม”) จำนวน 1 ชุดแก่ผู้แสวงบุญทุกคน รวมทั้งทางการซาอุฯจะออกบัตรประจำตัวพิเศษสำหรับผู้เดินทางทุกคนด้วย
อนึ่ง สำหรับเที่ยวบินที่เหลืออีก 2 เที่ยวบิน ที่จะนำชาวไทยมุสลิมไปนครมักกะฮ์ คือ เที่ยวบินที่ OX 6003 ออกจากกรุงเทพในวันที่ 9 มีนาคม 2543 เวลา 14.30 น. และเที่ยวบินที่ OX 6007 ออกจากกรุงเทพในวันที่ 11 มีนาคม 2543 เวลา 13.30 น.--จบ--
วันนี้ (7 มีนาคม 2543) นายดอน ปรมัตถ์วินัย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่สมเด็จพระราชาธิบดีฟาฮัด บินอับดุลอาซีซ อัลซาอุด ได้รับสั่งให้ทางการซาอุดิอาระเบียอุปถัมภ์ชาวมุสลิมเอเชียที่มีฐานะยากจนและมีความประสงค์จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์จำนวน 1,500 คนนั้น ทางการซาอุดิอาระเบีย ได้เช่าเหมาลำเครื่องบินของ The Orient Thai Airlines จำนวน 3 เที่ยวบิน (เครื่องบินแบบ Lockheed Tri Star จำนวน 299 ที่นั่ง) นำชาวไทยมุสลิมที่ได้รับการคัดเลือกจำนวน 500 คน เดินทางไปนครมักกะฮ์ ในวันที่ 8,9 และ 11 มีนาคม 2543 ตามลำดับ
สำหรับเที่ยวบินแรกจะออกเดินทางจากกรุงเทพในวันที่ 8 มีนาคม 2543
เวลา 14.30 น. โดยมีชาวมุสลิมไทยชุดแรกจำนวน 53 คน และจะมีชาวมุสลิมจากประเทศเพื่อนบ้านอันได้แก่ มุสลิมจากกัมพูชา 103 คน จากเวียดนาม ประมาณ 20-30 คน จากลาว 9 คน จากพม่า 25 คน ร่วมเดินทางไปกับเที่ยวบินเที่ยวแรกดังกล่าวด้วย โดย ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ จะเดินทางไปส่งชาวมุสลิมดังกล่าวที่สนามบินกรุงเทพ ร่วมกับ ดร.มูฮัมหมัด อัล ตุรกี รองรัฐมนตรีกระทรวงกิจการศาสนา และอุปทูตซาอุดิอาระเบีย ในเวลา 13.00 น. ณ Terminal หมายเลข 2 สำนักงานสายการบินโอเรียนท์ไทย แอร์ไลน์
สำหรับกระบวนการคัดเลือกชาวไทยมุสลิมที่มีความเหมาะสมที่จะได้รับการอุปถัมภ์จากทางการซาอุดิอาระเบียนั้น จะคัดเลือกจากประชาชนไทยมุสลิม และองค์กรมุสลิมจากภาคต่างๆ ของประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 500 คน ซึ่งมีฐานะยากจน และได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทย และไม่มีความสามารถที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการประกอบพิธีฮัจญ์ดังกล่าวได้
สำหรับกระบวนการเตรียมการและดูแลชาวไทยมุสลิม และชาวมุสลิมจากประเทศเพื่อนบ้าน สำหรับเที่ยวบินเที่ยวแรกในวันที่ 8 มีนาคม 2543 นี้ ทางการซาอุดิอาระเบียจะมอบหนังสือเดินทางที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทการเดินทางไปแสวงบุญให้แก่ผู้เดินทาง ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงฯ ได้อำนวยความสะดวกเร่งรัดการออกหนังสือเดินทางธรรมดา รวมถึงหนังสือเดินทางชนิดพิเศษสำหรับผู้เดินทางไปแสวงบุญที่นครมักกะฮ์ เป็นกรณีเฉพาะ มีอายุใช้งาน 1 ปี ซึ่งกระทรวงฯ มีนโยบายอำนวยความสะดวกเช่นนี้เป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ ทางการซาอุดิอาระเบีย จะแจกผ้านุ่ง และผ้าห่มสีขาวสำหรับการแสวงบุญ (หรือที่เรียกว่า “เอียฮะรอม”) จำนวน 1 ชุดแก่ผู้แสวงบุญทุกคน รวมทั้งทางการซาอุฯจะออกบัตรประจำตัวพิเศษสำหรับผู้เดินทางทุกคนด้วย
อนึ่ง สำหรับเที่ยวบินที่เหลืออีก 2 เที่ยวบิน ที่จะนำชาวไทยมุสลิมไปนครมักกะฮ์ คือ เที่ยวบินที่ OX 6003 ออกจากกรุงเทพในวันที่ 9 มีนาคม 2543 เวลา 14.30 น. และเที่ยวบินที่ OX 6007 ออกจากกรุงเทพในวันที่ 11 มีนาคม 2543 เวลา 13.30 น.--จบ--