ข่าวในประเทศ
1. ธปท. ยังคงดำเนินนโยบายการเงินผ่านคณะกรรมการนโยบายการเงิน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินผ่านคณะกรรมการนโยบายการเงินเช่นเดิม โดยมีการจัดประชุมทุก 6 สัปดาห์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้ผู้ว่าการ ธปท. สรรหากรรมการคนใหม่แทนผู้ที่ลาออก และเมื่อสรรหากรรมการครบจำนวนแล้วจะได้มีการหารือกันอีกครั้งว่าจะยังคงใช้ระบบเป้าหมายเงินเฟ้อเป็นเป้าหมายหลักในการดำเนินนโยบายการเงินต่อหรือไม่ในที่ประชุมต่อไป (แนวหน้า, ข่าวสด 15)
2. กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ มีภาระเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3 พัน ล.บาทต่อปีเมื่อปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดอาร์/พี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายจัดการกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการปรับอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ประเภท 14 วันเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เป็นร้อยละ 2.5 นั้น ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินในตลาดดังกล่าวสูงขึ้นประมาณ 3 พัน ล.บาทต่อปี อย่างไรก็ตามนายสมหมาย ภาษี รองปลัด ก.คลังกล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ ว่า ประเด็นที่ต้องแก้ไขคือ วงเงินต้นของกองทุนฟื้นฟูฯ ที่ต้องกู้ในตลาดเงินจำนวนมีจำนวนมากซึ่งจะต้องหารือกันอีกครั้ง. (ไทยรัฐ 15)
3. ระบบสถาบันการเงินจะเข้าสู่กลไกปกติหลังสถาบันการเงินโอนเอ็นพีแอลไปยังทีเอเอ็มซี นายโอฬาร ไชยประวัติ กรรมการติดตามและประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจ ก.คลัง กล่าวถึงสถานการณ์ของระบบสถาบันการเงินในช่วงครึ่งหลังปี 44 ว่า จะกลับเข้าสู่กลไกการทำงานตามปกติ หลังจากมีการโอนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไปให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (ทีเอเอ็มซี) บริหารภายในเดือน ก.ค.44 ซึ่งจะทำให้สถาบันการเงินขยายสินเชื่อได้อย่างเต็มที่ และน่าจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้นภายในระยะเวลา 6-12 เดือน และดอกเบี้ยเงินกู้ก็มีโอกาสขยับลงได้ ทั้งนี้ ในส่วนของการปล่อยสินเชื่อให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) นั้น บรรษัทค้ำประกันสินเชื่อขนาดย่อม (บสย.) จะค้ำประกันสินเชื่อให้กับสถาบันการเงินร้อยละ 50 โดยขณะนี้ ธนาคารรัฐ 4 แห่ง ได้แก่ ธ.กรุงไทย ธ.ไทยธนาคาร ธ.นครหลวงไทย และ ธ.ศรีนคร มีเป้าหมายขยายสินเชื่อเอสเอ็มอีแล้วรวม 2.8 หมื่น ล.บาท (ไทยโพสต์ 15)
4. ไอเซปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปี 44 ประธานบริหารสถาบันนโยบายสังคมและเศรษฐกิจ (ไอเซป) เปิดเผยว่า ไอเซปได้ประเมินสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมในช่วงครึ่งหลังปี 44 ว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวขึ้นอย่างเต็มที่ และคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ทั้งปีจะขยายตัวร้อยละ 1-2 ซึ่งต่ำกว่าที่ภาครัฐประเมินไว้ที่ระดับร้อยละ 2-4 ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4 และการส่งออกขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 9 ทั้งนี้เนื่องจากในครึ่งหลังปี 44 ยังมีปัญหาหลายประการที่เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย คือ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของญี่ปุ่นและ สรอ. รวมทั้งราคาน้ำมันที่เชื่อว่าจะปรับลดลงได้ยาก(เดลินิวส์ 15)
ข่าวต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้ผลิตของ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ในเดือน พ.ค. 44 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 14 มิ.ย. 44 ก. แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) โดยรวม เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1ในเดือน พ.ค. 44 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ในเดือน เม.ย. 44 ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่า จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 โดยในเดือนดังกล่าว ราคาอาหาร ลดลงร้อยละ 0.4 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ในเดือน เม.ย. ส่วนราคาพลังงาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ขณะเดียวกัน ดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน (Core PPI) ที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน เม.ย.44 รายงานครั้งนี้ ยิ่งสนับสนุนข่าวที่ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินจะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในช่วงปลายเดือน มิ.ย. นี้ (รอยเตอร์14)
2. สินค้าคงคลังของธุรกิจ สรอ. ในเดือน เม.ย.44 ลดงร้อยละ 0.4 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 14 มิ.ย.44 ก.พาณิชย์เปิดเผยว่า เดือน เม.ย.44 สินค้าคงคลังโดยรวมของธุรกิจ (หลังปรับฤดูกาล) มีมูลค่า 1,198.9 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ลดลงร้อยละ 0.4 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน มี.ค.44 โดยสินค้าคงคลังในระดับค้าปลีกลดลงร้อยละ 0.2 แต่ในระดับอุตสาหกรรมการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ยอดขายโดยรวมของธุรกิจในเดือน เม.ย.มีมูลค่า 833.8 พัน ล.ดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 0.5 เทียบกับเดือน มี.ค.ที่ลดลงร้อยละ 0.6 โดยยอดขายของอุตสาหกรรมการผลิตลดลงร้อยละ 2.5 ขณะที่ยอดขายของผู้ค้าปลีกเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 สำหรับสัดส่วนสินค้าคงคลัง/ยอดขายในเดือน เม.ย. อยู่ที่ระดับ 1.44 เดือน สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.42 ที่เท่ากับ 1.44 เดือนเช่นกัน เทียบกับเดือน มี.ค.44 ที่เท่ากับ 1.43 และ 1.39 ในเดือน เม.ย.43 (รอยเตอร์ 14)
3. ความเชื่อมั่นของคนญี่ปุ่นสูงขึ้นในเดือน พ.ค.44 รายงานจากโตเกียวเมื่อ 14 มิ.ย.44 Cabinet Office เปิดเผยผลการสำรวจว่า ประชาชนเชื่อว่าภาวะธุรกิจในเดือน พ.ค.44 จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากช่วง 3 เดือนก่อน แต่ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้ต้องระมัดระวังในการใช้จ่าย ทั้งนี้ เดือน พ.ค.44 Diffusion index เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 มาอยู่ที่ระดับ 42.3 จากระดับ 41.1 ในเดือน เม.ย.44 Leading indicator index เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 มาอยู่ที่ระดับ 48.4 จากระดับ 48.1 ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า ผลการสำรวจดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อ นรม.คนปัจจุบันของญี่ปุ่น (รอยเตอร์ 14)
4. บริษัทล้มละลายของญี่ปุ่นยังคงเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค. 44 รายงานจากโตเกียวเมื่อ 14 มิ.ย. 44 บริษัทวิจัยเอกชน Teikoku Databank เปิดเผยว่า เดือน พ.ค. 44 บริษัทล้มละลายของญี่ปุ่นมีจำนวน 1,724 บริษัท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 จากระยะเดียวกันปี 43 ขณะเดียวกัน หนี้สินของบริษัทล้มละลายในเดือนดังกล่าว มีจำนวน 1.21 ล้านล้านเยน ลดลงร้อยละ 39 จากระยะเดียวกันปี 43 โดยเกือบร้อยละ 80 ของคดีล้มละลายเป็นผลจากความอ่อนแอของระบบเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อยาวนาน ทั้งนี้ มีสัญญาณต่างๆบ่งชี้ว่า บริษัทล้มละลายจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ในญี่ปุ่นได้เพิ่มความเข้มงวดในการให้เงินกู้แก่บริษัทลูกค้าที่มีเสี่ยง ซึ่งจะกระตุ้นให้จำนวนบริษัทล้มละลายในธุรกิจขนาดเล็กสูงขึ้น (รอยเตอร์14)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 14 มิ.ย. 44 45.337 (45.339)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 14 มิ.ย. 44ซื้อ 45.1406 (45.0967) ขาย 45.4522 (45.4103)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,800 (5,750) ขาย 5,900 (5,850)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 26.47 (26.88)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 15.99 (15.99) ดีเซลหมุนเร็ว 14.44 (14.14)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท. ยังคงดำเนินนโยบายการเงินผ่านคณะกรรมการนโยบายการเงิน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินผ่านคณะกรรมการนโยบายการเงินเช่นเดิม โดยมีการจัดประชุมทุก 6 สัปดาห์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้ผู้ว่าการ ธปท. สรรหากรรมการคนใหม่แทนผู้ที่ลาออก และเมื่อสรรหากรรมการครบจำนวนแล้วจะได้มีการหารือกันอีกครั้งว่าจะยังคงใช้ระบบเป้าหมายเงินเฟ้อเป็นเป้าหมายหลักในการดำเนินนโยบายการเงินต่อหรือไม่ในที่ประชุมต่อไป (แนวหน้า, ข่าวสด 15)
2. กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ มีภาระเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3 พัน ล.บาทต่อปีเมื่อปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดอาร์/พี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายจัดการกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการปรับอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ประเภท 14 วันเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เป็นร้อยละ 2.5 นั้น ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินในตลาดดังกล่าวสูงขึ้นประมาณ 3 พัน ล.บาทต่อปี อย่างไรก็ตามนายสมหมาย ภาษี รองปลัด ก.คลังกล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ ว่า ประเด็นที่ต้องแก้ไขคือ วงเงินต้นของกองทุนฟื้นฟูฯ ที่ต้องกู้ในตลาดเงินจำนวนมีจำนวนมากซึ่งจะต้องหารือกันอีกครั้ง. (ไทยรัฐ 15)
3. ระบบสถาบันการเงินจะเข้าสู่กลไกปกติหลังสถาบันการเงินโอนเอ็นพีแอลไปยังทีเอเอ็มซี นายโอฬาร ไชยประวัติ กรรมการติดตามและประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจ ก.คลัง กล่าวถึงสถานการณ์ของระบบสถาบันการเงินในช่วงครึ่งหลังปี 44 ว่า จะกลับเข้าสู่กลไกการทำงานตามปกติ หลังจากมีการโอนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไปให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (ทีเอเอ็มซี) บริหารภายในเดือน ก.ค.44 ซึ่งจะทำให้สถาบันการเงินขยายสินเชื่อได้อย่างเต็มที่ และน่าจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้นภายในระยะเวลา 6-12 เดือน และดอกเบี้ยเงินกู้ก็มีโอกาสขยับลงได้ ทั้งนี้ ในส่วนของการปล่อยสินเชื่อให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) นั้น บรรษัทค้ำประกันสินเชื่อขนาดย่อม (บสย.) จะค้ำประกันสินเชื่อให้กับสถาบันการเงินร้อยละ 50 โดยขณะนี้ ธนาคารรัฐ 4 แห่ง ได้แก่ ธ.กรุงไทย ธ.ไทยธนาคาร ธ.นครหลวงไทย และ ธ.ศรีนคร มีเป้าหมายขยายสินเชื่อเอสเอ็มอีแล้วรวม 2.8 หมื่น ล.บาท (ไทยโพสต์ 15)
4. ไอเซปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปี 44 ประธานบริหารสถาบันนโยบายสังคมและเศรษฐกิจ (ไอเซป) เปิดเผยว่า ไอเซปได้ประเมินสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมในช่วงครึ่งหลังปี 44 ว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวขึ้นอย่างเต็มที่ และคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ทั้งปีจะขยายตัวร้อยละ 1-2 ซึ่งต่ำกว่าที่ภาครัฐประเมินไว้ที่ระดับร้อยละ 2-4 ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4 และการส่งออกขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 9 ทั้งนี้เนื่องจากในครึ่งหลังปี 44 ยังมีปัญหาหลายประการที่เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย คือ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของญี่ปุ่นและ สรอ. รวมทั้งราคาน้ำมันที่เชื่อว่าจะปรับลดลงได้ยาก(เดลินิวส์ 15)
ข่าวต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้ผลิตของ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ในเดือน พ.ค. 44 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 14 มิ.ย. 44 ก. แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) โดยรวม เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1ในเดือน พ.ค. 44 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ในเดือน เม.ย. 44 ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่า จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 โดยในเดือนดังกล่าว ราคาอาหาร ลดลงร้อยละ 0.4 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ในเดือน เม.ย. ส่วนราคาพลังงาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ขณะเดียวกัน ดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน (Core PPI) ที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน เม.ย.44 รายงานครั้งนี้ ยิ่งสนับสนุนข่าวที่ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินจะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในช่วงปลายเดือน มิ.ย. นี้ (รอยเตอร์14)
2. สินค้าคงคลังของธุรกิจ สรอ. ในเดือน เม.ย.44 ลดงร้อยละ 0.4 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 14 มิ.ย.44 ก.พาณิชย์เปิดเผยว่า เดือน เม.ย.44 สินค้าคงคลังโดยรวมของธุรกิจ (หลังปรับฤดูกาล) มีมูลค่า 1,198.9 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ลดลงร้อยละ 0.4 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน มี.ค.44 โดยสินค้าคงคลังในระดับค้าปลีกลดลงร้อยละ 0.2 แต่ในระดับอุตสาหกรรมการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ยอดขายโดยรวมของธุรกิจในเดือน เม.ย.มีมูลค่า 833.8 พัน ล.ดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 0.5 เทียบกับเดือน มี.ค.ที่ลดลงร้อยละ 0.6 โดยยอดขายของอุตสาหกรรมการผลิตลดลงร้อยละ 2.5 ขณะที่ยอดขายของผู้ค้าปลีกเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 สำหรับสัดส่วนสินค้าคงคลัง/ยอดขายในเดือน เม.ย. อยู่ที่ระดับ 1.44 เดือน สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.42 ที่เท่ากับ 1.44 เดือนเช่นกัน เทียบกับเดือน มี.ค.44 ที่เท่ากับ 1.43 และ 1.39 ในเดือน เม.ย.43 (รอยเตอร์ 14)
3. ความเชื่อมั่นของคนญี่ปุ่นสูงขึ้นในเดือน พ.ค.44 รายงานจากโตเกียวเมื่อ 14 มิ.ย.44 Cabinet Office เปิดเผยผลการสำรวจว่า ประชาชนเชื่อว่าภาวะธุรกิจในเดือน พ.ค.44 จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากช่วง 3 เดือนก่อน แต่ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้ต้องระมัดระวังในการใช้จ่าย ทั้งนี้ เดือน พ.ค.44 Diffusion index เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 มาอยู่ที่ระดับ 42.3 จากระดับ 41.1 ในเดือน เม.ย.44 Leading indicator index เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 มาอยู่ที่ระดับ 48.4 จากระดับ 48.1 ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า ผลการสำรวจดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อ นรม.คนปัจจุบันของญี่ปุ่น (รอยเตอร์ 14)
4. บริษัทล้มละลายของญี่ปุ่นยังคงเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค. 44 รายงานจากโตเกียวเมื่อ 14 มิ.ย. 44 บริษัทวิจัยเอกชน Teikoku Databank เปิดเผยว่า เดือน พ.ค. 44 บริษัทล้มละลายของญี่ปุ่นมีจำนวน 1,724 บริษัท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 จากระยะเดียวกันปี 43 ขณะเดียวกัน หนี้สินของบริษัทล้มละลายในเดือนดังกล่าว มีจำนวน 1.21 ล้านล้านเยน ลดลงร้อยละ 39 จากระยะเดียวกันปี 43 โดยเกือบร้อยละ 80 ของคดีล้มละลายเป็นผลจากความอ่อนแอของระบบเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อยาวนาน ทั้งนี้ มีสัญญาณต่างๆบ่งชี้ว่า บริษัทล้มละลายจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ในญี่ปุ่นได้เพิ่มความเข้มงวดในการให้เงินกู้แก่บริษัทลูกค้าที่มีเสี่ยง ซึ่งจะกระตุ้นให้จำนวนบริษัทล้มละลายในธุรกิจขนาดเล็กสูงขึ้น (รอยเตอร์14)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 14 มิ.ย. 44 45.337 (45.339)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 14 มิ.ย. 44ซื้อ 45.1406 (45.0967) ขาย 45.4522 (45.4103)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,800 (5,750) ขาย 5,900 (5,850)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 26.47 (26.88)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 15.99 (15.99) ดีเซลหมุนเร็ว 14.44 (14.14)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-