ข่าวในประเทศ
1. ธปท. ดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยโดยคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.สายสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ กล่าวถึงนโยบายอัตราดอกเบี้ยในประเทศว่า จะคำนึงถึงปัญหาเศรษฐกิจในประเทศเป็นสำคัญ และประเมินถึงเศรษฐกิจที่ต้องฟื้นตัวต่อเนื่องอย่างเข้มแข็ง ในภาวะที่ต่างประเทศมีความเสี่ยงและมีปัจจัยลบมากขึ้น โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมันสูงขึ้น ค่าเงินสกุลยุโรปอ่อนลง และความต้องการสินค้าส่งออกที่ลดลง ล้วนเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด ทำให้ ธปท.ต้องดำเนินนโยบายในเรื่องอัตราดอกเบี้ยเพื่อเป็นแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อไป ในกรณีที่ ธพ.เสนอให้ผ่อนผันการสมทบเงินฝากร้อยละ 0.4 เข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อเอื้อต่อการปรับลดดอกเบี้ยว่า ธปท.ยอมรับฟังข้อเสนอดังกล่าว และเข้าใจดีว่าการลดอัตราดอกเบี้ยเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องดูแล ซึ่งเร็วๆ นี้จะนัดหารือกับ ธพ.โดยแนวโน้มดอกเบี้ยในระยะต่อไปจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของประเทศ (มติชน 9)
2. ธปท.กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของบัญชีผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ ผู้ว่าการ ธปท.เปิดเผยว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทในขณะนี้ยังเป็นไปตามภาวะปกติตามความต้องการของตลาด ส่วนความเคลื่อนไหวบัญชีเงินบาทของผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูอีกระยะหนึ่ง การที่ ธปท.ให้สถาบันการเงินรายงานการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศให้ละเอียดมากขึ้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้ชัดเจน ทั้งนี้ ยอดเงินในบัญชีดังกล่าวมีจำนวนประมาณ 53,200 ล.บาท ในเดือน ก.ย.43 เพิ่มขึ้นจากเดือน ส.ค.43 ที่มีจำนวนประมาณ 48,000 ล.บาท ขณะเดียวกันแหล่งข่าวจาก ธปท.กล่าวว่า ที่ผ่านมา ธปท.ได้ตรวจสอบการเคลื่อนไหวบัญชีของผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศอย่างใกล้ชิด เพราะตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้การโอนเงินเข้าออกมีจำนวนมาก และอาจมีการเก็งกำไรค่าเงินเกิดขึ้น โดยเมื่อพิจารณาจากยอดเงินแล้วจะเห็นว่ามีตัวเลขติดลบติดต่อกันหลายเดือน คือ ตั้งแต่เดือน ก.พ.-มิ.ย. มียอดติดลบจำนวน 20,076, 705, 3,214, 10,708 และ 8,966 ล.บาท ตามลำดับ (วัฏจักร,ไทยโพสต์ 9)
3. ธปท.ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี สรอ. ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.สายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า ในระยะต่อไปการไหลออกของเงินทุนเพื่อการชำระหนี้ต่างประเทศอาจมีมากขึ้น หาก ธ.กลาง สรอ.(เฟด) ประกาศปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก เพื่อสกัดกั้นการขยายตัวของเงินเฟ้อ และกดดันมิให้เศรษฐกิจขยายตัวมากเกินไป ภายหลังประธานาธิบดีคนใหม่ (คาดว่าจะเป็นนายจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช) มีนโยบายมุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยมีแผนลดภาษี เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจ สรอ.ร้อนแรงขึ้น สร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ธปท.ต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบว่านโยบายการคลังของ สรอ.จะส่งผลกระทบต่อไทยอย่างไร โดยมีความเป็นไปได้ที่ ธ.กลาง สรอ.อาจดำเนินนโยบายการเงินในลักษณะตรงกันข้ามกับนโยบายการคลัง เพื่อสร้างความสมดุลให้กับระบบเศรษฐกิจด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ไทยยังจำเป็นต้องรักษานโยบายอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (ไทยโพสต์,กรุงเทพธุรกิจ 9)
ข่าวต่างประเทศ
1. ราคาสินค้านำเข้าของ สรอ. ลดลงร้อยละ 0.5 ในเดือน ต.ค. 43 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 43 ก. แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า เดือน ต.ค. 43 ราคาสินค้านำเข้า ที่ยังไม่ปรับตัวเลข ลดลงร้อยละ 0.5 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ในเดือน ก.ย. 43 นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ขณะเดียวกันราคาสินค้าส่งออก ลดลงร้อยละ 0.1 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ในเดือน ก.ย. 43 ก่อนหน้านี้ นักเศรษฐศาสตร์แห่งวอลล์สตรีท คาดไว้ว่า ในเดือน ต.ค. 43 ราคาสินค้านำเข้า และราคาสินค้าส่งออก จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 และ 0.1 ตามลำดับ ทั้งนี้ การที่ราคาสินค้านำเข้าโดยรวมลดลงในเดือนดังกล่าว เนื่องจากราคาปิโตรเลียมนำเข้าลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน อยู่ที่ร้อยละ 3.2 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ในเดือน ก.ย. 43 (รอยเตอร์ 8)
2. สินค้าคงคลังในระดับขายส่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ในเดือน ก.ย. 43 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 43 ก. พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า เดือน ก.ย. 43 สินค้าคงคลังในระดับขายส่ง ที่ปรับฤดูกาล เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 อยู่ที่มูลค่า 326.73 พัน ล. ดอลลาร์ เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ในเดือน ส.ค. 43 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 จากเดือน ก.ย. 42 นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 20 และเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดตั้งแต่ที่เคยเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ในเดือน เม.ย. 42 ขณะเดียวกัน ในเดือน ก.ย. 43 ยอดขายส่งสินค้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 อยู่ที่มูลค่า 251.64 พัน ล. ดอลลาร์ หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ในเดือน ส.ค. 43 สำหรับอัตราส่วนสินค้าคงคลังต่อยอดขาย อยู่ที่ระดับ 1.3 เดือน ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 (รอยเตอร์ 8)
3. บริษัทใน สรอ. เลิกจ้างงานลดลงร้อยละ 8 ในเดือน ต.ค. 43 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 43 บริษัทวิจัย Challenger, Gray & Christmas เปิดเผยว่า เดือน ต.ค. 43 บริษัทต่างๆใน สรอ. วางแผนเลิกจ้างงานเป็นจำนวน 43,799 คน ลดลงร้อยละ 8 จากจำนวน 47,687 คน ในเดือน ก.ย. 43 แต่ระดับการว่างงานโดยเฉลี่ยก็ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะส่งผลให้การใช้จ่ายในช่วงวันหยุดชะลอตัวลง โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา นายจ้างได้วางแผนลดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดกว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือน ก.ค. -ต.ค. 43 อัตราการเลิกจ้างงานโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 จากช่วงเดือน ม.ค. - มิ.ย. 43 สำหรับการเลิกจ้างงานในเดือน ต.ค. 43 ส่วนใหญ่เป็นการเลิกจ้างงานในอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่มีจำนวนถึง 10,155 คน และตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือน ต.ค. 43 อุตสาหกรรมรถยนต์ได้เลิกจ้างงาน เป็นจำนวนทั้งสิ้น 51.315 คน รองลงมาได้แก่อุตสาหกรรมการค้าปลีก เลิกจ้างเป็นจำนวน 49,760 คน นาย John A. Challenger หัวหน้าฝ่ายบริหารของบริษัทฯ กล่าวว่า แม้การเลิกจ้างงานได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง นับแต่เดือน ก.ค. 43 ที่อยู่ใกล้ระดับสูงสุด จำนวน 64,000 คน แต่คาดว่าการลดขนาดขององค์กรยังคงดำเนินต่อไป (รอยเตอร์ 8)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 8 พ.ย. 43 43.709 (43.568) อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 8 พ.ย. 43ซื้อ 43.5213 (43.3304) ขาย 43.8293 (43.6355) ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,400 (5,450) ขาย 5,500 (5,550) น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 28.86 (28.46) น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 16.49 (16.49) ดีเซลหมุนเร็ว 14.14 (14.44) หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-
1. ธปท. ดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยโดยคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.สายสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ กล่าวถึงนโยบายอัตราดอกเบี้ยในประเทศว่า จะคำนึงถึงปัญหาเศรษฐกิจในประเทศเป็นสำคัญ และประเมินถึงเศรษฐกิจที่ต้องฟื้นตัวต่อเนื่องอย่างเข้มแข็ง ในภาวะที่ต่างประเทศมีความเสี่ยงและมีปัจจัยลบมากขึ้น โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมันสูงขึ้น ค่าเงินสกุลยุโรปอ่อนลง และความต้องการสินค้าส่งออกที่ลดลง ล้วนเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด ทำให้ ธปท.ต้องดำเนินนโยบายในเรื่องอัตราดอกเบี้ยเพื่อเป็นแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อไป ในกรณีที่ ธพ.เสนอให้ผ่อนผันการสมทบเงินฝากร้อยละ 0.4 เข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อเอื้อต่อการปรับลดดอกเบี้ยว่า ธปท.ยอมรับฟังข้อเสนอดังกล่าว และเข้าใจดีว่าการลดอัตราดอกเบี้ยเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องดูแล ซึ่งเร็วๆ นี้จะนัดหารือกับ ธพ.โดยแนวโน้มดอกเบี้ยในระยะต่อไปจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของประเทศ (มติชน 9)
2. ธปท.กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของบัญชีผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ ผู้ว่าการ ธปท.เปิดเผยว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทในขณะนี้ยังเป็นไปตามภาวะปกติตามความต้องการของตลาด ส่วนความเคลื่อนไหวบัญชีเงินบาทของผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูอีกระยะหนึ่ง การที่ ธปท.ให้สถาบันการเงินรายงานการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศให้ละเอียดมากขึ้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้ชัดเจน ทั้งนี้ ยอดเงินในบัญชีดังกล่าวมีจำนวนประมาณ 53,200 ล.บาท ในเดือน ก.ย.43 เพิ่มขึ้นจากเดือน ส.ค.43 ที่มีจำนวนประมาณ 48,000 ล.บาท ขณะเดียวกันแหล่งข่าวจาก ธปท.กล่าวว่า ที่ผ่านมา ธปท.ได้ตรวจสอบการเคลื่อนไหวบัญชีของผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศอย่างใกล้ชิด เพราะตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้การโอนเงินเข้าออกมีจำนวนมาก และอาจมีการเก็งกำไรค่าเงินเกิดขึ้น โดยเมื่อพิจารณาจากยอดเงินแล้วจะเห็นว่ามีตัวเลขติดลบติดต่อกันหลายเดือน คือ ตั้งแต่เดือน ก.พ.-มิ.ย. มียอดติดลบจำนวน 20,076, 705, 3,214, 10,708 และ 8,966 ล.บาท ตามลำดับ (วัฏจักร,ไทยโพสต์ 9)
3. ธปท.ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี สรอ. ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.สายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า ในระยะต่อไปการไหลออกของเงินทุนเพื่อการชำระหนี้ต่างประเทศอาจมีมากขึ้น หาก ธ.กลาง สรอ.(เฟด) ประกาศปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก เพื่อสกัดกั้นการขยายตัวของเงินเฟ้อ และกดดันมิให้เศรษฐกิจขยายตัวมากเกินไป ภายหลังประธานาธิบดีคนใหม่ (คาดว่าจะเป็นนายจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช) มีนโยบายมุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยมีแผนลดภาษี เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจ สรอ.ร้อนแรงขึ้น สร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ธปท.ต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบว่านโยบายการคลังของ สรอ.จะส่งผลกระทบต่อไทยอย่างไร โดยมีความเป็นไปได้ที่ ธ.กลาง สรอ.อาจดำเนินนโยบายการเงินในลักษณะตรงกันข้ามกับนโยบายการคลัง เพื่อสร้างความสมดุลให้กับระบบเศรษฐกิจด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ไทยยังจำเป็นต้องรักษานโยบายอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (ไทยโพสต์,กรุงเทพธุรกิจ 9)
ข่าวต่างประเทศ
1. ราคาสินค้านำเข้าของ สรอ. ลดลงร้อยละ 0.5 ในเดือน ต.ค. 43 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 43 ก. แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า เดือน ต.ค. 43 ราคาสินค้านำเข้า ที่ยังไม่ปรับตัวเลข ลดลงร้อยละ 0.5 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ในเดือน ก.ย. 43 นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ขณะเดียวกันราคาสินค้าส่งออก ลดลงร้อยละ 0.1 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ในเดือน ก.ย. 43 ก่อนหน้านี้ นักเศรษฐศาสตร์แห่งวอลล์สตรีท คาดไว้ว่า ในเดือน ต.ค. 43 ราคาสินค้านำเข้า และราคาสินค้าส่งออก จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 และ 0.1 ตามลำดับ ทั้งนี้ การที่ราคาสินค้านำเข้าโดยรวมลดลงในเดือนดังกล่าว เนื่องจากราคาปิโตรเลียมนำเข้าลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน อยู่ที่ร้อยละ 3.2 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ในเดือน ก.ย. 43 (รอยเตอร์ 8)
2. สินค้าคงคลังในระดับขายส่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ในเดือน ก.ย. 43 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 43 ก. พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า เดือน ก.ย. 43 สินค้าคงคลังในระดับขายส่ง ที่ปรับฤดูกาล เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 อยู่ที่มูลค่า 326.73 พัน ล. ดอลลาร์ เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ในเดือน ส.ค. 43 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 จากเดือน ก.ย. 42 นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 20 และเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดตั้งแต่ที่เคยเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ในเดือน เม.ย. 42 ขณะเดียวกัน ในเดือน ก.ย. 43 ยอดขายส่งสินค้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 อยู่ที่มูลค่า 251.64 พัน ล. ดอลลาร์ หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ในเดือน ส.ค. 43 สำหรับอัตราส่วนสินค้าคงคลังต่อยอดขาย อยู่ที่ระดับ 1.3 เดือน ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 (รอยเตอร์ 8)
3. บริษัทใน สรอ. เลิกจ้างงานลดลงร้อยละ 8 ในเดือน ต.ค. 43 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 43 บริษัทวิจัย Challenger, Gray & Christmas เปิดเผยว่า เดือน ต.ค. 43 บริษัทต่างๆใน สรอ. วางแผนเลิกจ้างงานเป็นจำนวน 43,799 คน ลดลงร้อยละ 8 จากจำนวน 47,687 คน ในเดือน ก.ย. 43 แต่ระดับการว่างงานโดยเฉลี่ยก็ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะส่งผลให้การใช้จ่ายในช่วงวันหยุดชะลอตัวลง โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา นายจ้างได้วางแผนลดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดกว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือน ก.ค. -ต.ค. 43 อัตราการเลิกจ้างงานโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 จากช่วงเดือน ม.ค. - มิ.ย. 43 สำหรับการเลิกจ้างงานในเดือน ต.ค. 43 ส่วนใหญ่เป็นการเลิกจ้างงานในอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่มีจำนวนถึง 10,155 คน และตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือน ต.ค. 43 อุตสาหกรรมรถยนต์ได้เลิกจ้างงาน เป็นจำนวนทั้งสิ้น 51.315 คน รองลงมาได้แก่อุตสาหกรรมการค้าปลีก เลิกจ้างเป็นจำนวน 49,760 คน นาย John A. Challenger หัวหน้าฝ่ายบริหารของบริษัทฯ กล่าวว่า แม้การเลิกจ้างงานได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง นับแต่เดือน ก.ค. 43 ที่อยู่ใกล้ระดับสูงสุด จำนวน 64,000 คน แต่คาดว่าการลดขนาดขององค์กรยังคงดำเนินต่อไป (รอยเตอร์ 8)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 8 พ.ย. 43 43.709 (43.568) อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 8 พ.ย. 43ซื้อ 43.5213 (43.3304) ขาย 43.8293 (43.6355) ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,400 (5,450) ขาย 5,500 (5,550) น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 28.86 (28.46) น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 16.49 (16.49) ดีเซลหมุนเร็ว 14.14 (14.44) หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-