พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร
วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 138/2548
คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า
ตั้งแต่วันที่ 18-24 พฤศจิกายน 2548
ในระยะนี้ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะยังคงแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและอ่าวไทยตลอดช่วง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง 2-5 องศาเซลเซียส โดยจะมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า สำหรับยอดดอยและยอดภูจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส สำหรับภาคใต้โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันออกมีฝนตกเพิ่มขึ้น และคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้นด้วย
ข้อควรระวัง
ในระยะนี้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีอากาศหนาวเย็นลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ส่วนในวันที่ 19-24 พ.ย. ภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ เกษตรกรควรเตรียมพร้อมป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
เหนือ
ลักษณอากาศ
# อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 2-4 องศา ส่วนมากในช่วงวันที่ 19-21 พ.ย. ทำให้มีอากาศหนาว ทางตอนบนของภาค สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวจัดถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-8 องศา เว้นแต่ในช่วงวันที่ 18-19 พ.ย. มีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันตกและตอนบนของภาค ลมตะวันออก เฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ผลกระทบต่อการเกษตร
# อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 2-4 องศา ส่วนมากในช่วงวันที่ 19-21 พ.ย. ทำให้มีอากาศหนาว ทางตอนบนของภาค สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวจัดถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-8 องศา เว้นแต่ในช่วงวันที่ 18-19 พ.ย. มีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันตกและตอนบนของภาค ลมตะวันออก เฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กควรเพิ่มดวงไฟในโรงเรือน นอกจากนี้ควรระวังโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และควรให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตด้วย
ตะวันออกเฉียงเหนือ
ลักษณะอากาศ
# อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 2-5 องศา ส่วนมากในช่วงวันที่ 19-21 พ.ย. ทำให้อากาศหนาวส่วนมากทางตอนบนของภาคและมีลมแรง สำหรับบริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-12 องศา ลมตะวันออก เฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ผลกระทบต่อการเกษตร
# อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 2-5 องศา ส่วนมากในช่วงวันที่ 19-21 พ.ย. ทำให้อากาศหนาวส่วนมากทางตอนบนของภาคและมีลมแรง สำหรับบริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-12 องศา ลมตะวันออก เฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง นอกจากนี้ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนไม่ให้เปลี่ยนแปลงกระทันหันเพื่อป้องกันสัตว์ไม่ให้เจ็บป่วย สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวนาปีซึ่งพื้นที่การเกษตรอยู่นอกเขตชลประทานควรเลือกปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยและอายุการ เก็บเกี่ยวสั้นแทนการปลูกข้าวนาปรัง
กลาง
ลักษณะอากาศ
# อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิลดลง 1-3 องศา ส่วนมากในช่วงวันที่ 20-22 พ.ย. ทำให้อากาศเย็นโดยทั่วไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ผลกระทบต่อการเกษตร
# อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิลดลง 1-3 องศา ส่วนมากในช่วงวันที่ 20-22 พ.ย. ทำให้อากาศเย็นโดยทั่วไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงที่อากาศ เปลี่ยนแปลงเกษตรกรควรรักษาสุขภาพด้วย เพื่อไม่ให้เจ็บป่วย สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรควบคุมอุณหภูมิน้ำ อย่าให้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบ่ออนุบาล รวมทั้งควรลดปริมาณอาหารลงด้วย
ตะวันออก
ลักษณะอากาศ
# ในวันที่ 18 พ.ย. มีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง ต่อจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศา ทำให้มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
ผลกระทบต่อการเกษตร
# ในวันที่ 18 พ.ย. มีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง ต่อจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศา ทำให้มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตแต่ควรใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลงและอากาศจะแห้ง ส่วนชาวสวนผลไม้ควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นไรแดงและเพลี้ยไก่แจ้ในทุเรียน เพลี้ยไฟในมังคุด
ใต้
ลักษณะอากาศ
# ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป 60-80 % ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนมากตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองกระจาย 40-60 % ของพื้นที่ตลอดช่วง โดยมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนล่างของภาค ส่วนมากในช่วงวันที่ 20-22 พ.ย. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ผลกระทบต่อการเกษตร
# ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป 60-80 % ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนมากตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองกระจาย 40-60 % ของพื้นที่ตลอดช่วง โดยมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนล่างของภาค ส่วนมากในช่วงวันที่ 20-22 พ.ย. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในระยะนี้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรเตรียมพร้อมป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ส่วนชาวสวนผลไม้ควรระวังการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราเช่นโรครากเน่าโคนเน่า และโรคราสีชมพู อนึ่งคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-