ลู่ทางการส่งออกไก่ไทยปีนี้สดใส

          นายพิษณุ เหรียญมหาสาร รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศและโฆษกกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทยว่าในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2543 การส่งออกเนื้อไก่สดและเนื้อไก่แปรรูปของไทย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน กล่าวคือ มีการส่งออกจาก 39,765 ตัน เป็น 49,088 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.4 แบ่งเป็นการส่งออกเนื้อไก่สดเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.7 จาก 31,795 ตัน เป็น 36,964 ตัน และการส่งออกเนื้อไก่แปรรูป เพิ่มขึ้นจาก 7,970 ตัน เป็น 12,394 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 55.5 โฆษกกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ตลาดเนื้อไก่สดและไก่แปรรูปของไทยที่สำคัญอันดับหนึ่งคือ ญี่ปุ่น มีส่วนแบ่งตลาดส่งออกของไทย ร้อยละ 54.3 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2543 มีการนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ30 ตลาดอันดับสอง คือ สหภาพยุโรป มีส่วนแบ่งตลาดส่งออกของไทยร้อยละ 31.14 ซึ่งนำเข้าไก่ไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 ในช่วงเดียวกัน ขณะที่ตลาดตะวันออกกลางถือเป็นตลาดใหม่ที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นสูงมาก ถึงร้อยละ76.2 นายพิษณุ เหรียญมหาสาร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2543 คาดว่า การส่งออกเนื้อไก่สดและไก่แปรรูปของไทยจะได้ประมาณ 270,000 ตัน หากเทียบกับปี 2542 ซึ่งมีการส่งออก 273,599 ตัน ลดลงร้อยละ 1.3 แยกเป็นประมาณการส่งออกเนื้อไก่สดปี 2543 จำนวน 198,000 ตัน ลดลงจากการส่งออกในปี 2542 จำนวน 211,674 ตัน หรือลดลงร้อยละ 14.5 ขณะที่การส่งออกเนื้อไก่แปรรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 กล่าวคือ คาดว่าจะส่งออกได้ 72,000 ตันเทียบกับปี 2542 ที่มีการส่งออกจำนวน 61,924 ตัน สำหรับประมาณการส่งออกเนื้อไก่สดและไก่แปรรูปแยกเป็นรายประเทศ ประมาณว่าในปี 2543 จะมีการส่งออกไปญี่ปุ่น 148,500 ตันลดลงร้อยละ 8.7 เมื่อเทียบกับปี 2542 ซึ่งมีการส่งออก 162,661 ตัน ขณะที่การส่งออกไปสหภาพยุโรป คาดว่าจะมีปริมาณ 81,000 ตันเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบกับปี 2542 ซึ่งมีการส่งออก 77,451 ตันและคาดว่าอัตราการเพิ่มการส่งออกไปตลาดตะวันออกกลางในปี 2543 จะเพิ่มขึ้นจากการส่งออกในปี 2542 ถึงร้อยละ20.9 โฆษกกรมการค้าต่างประเทศกล่าวในที่สุดว่า ตลาดสหภาพยุโรปได้กลายเป็นตลาดเนื้อไก่สดและเนื้อไก่แปรรูปที่สำคัญของไทย เพิ่มขึ้นโดยลำดับ ตั้งแต่เกิดปัญหาโรควัวบ้าและไดออกซิน (Dioxin) ในสหภาพยุโรป ทำให้ความต้องการบริโภคเนื้อไก่ในสหภาพยุโรป เพิ่มสูงขึ้นมาก ขณะที่ผู้ผลิตเนื้อไก่และไก่แปรรูปของไทยสามารถปรับการผลิตได้ตามมาตรฐานที่สหภาพยุโรปกำหนด 
          จึงสามารถแข่งขันได้ดีกว่าประเทศผู้ผลิตที่มีต้นทุนการผลิตต่ำเช่นจีน ซึ่งถูกสหภาพยุโรปห้ามนำเข้าเนื้อไก่จากจีน เนื่องจากมีปัญหาสุขอนามัยในการผลิต อนึ่งมีรายงานข่าวแจ้งว่า สหภาพยุโรปได้ตรวจสอบและพิจารณาการนำเข้าเนื้อไก่จีนที่ผลิตในบางมณฑลได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งจะมีส่วนให้การส่งออกเนื้อไก่ของไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันมากขึ้น ส่งผลให้การส่งออกของไทยอาจไม่ได้มากเท่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหาการแข่งขันการส่งเนื้อไก่ไทยเข้าตลาดญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป นอกจากจะเน้นการผลิตด้วยคุณภาพและมาตรฐานที่สูงแล้ว ไทยควรเร่งการผลิตและส่งออกเนื้อไก่แปรรูปให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยให้การแข่งขันการส่งออกเนื้อไก่ไทยในตลาดต่างประเทศได้มากขึ้นแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าการส่งออกเนื้อไก่ไทยได้มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ศักยภาพการขยายตลาดเนื้อไก่สดและไก่แปรรูปของไทย ได้กระจายเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ กว้างขวางมากขึ้น นอกเหนือจากตลาดที่สำคัญ คือ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรปแล้ว ปรากฏว่าขณะนี้มีการส่งออกเนื้อไก่สดและเนื้อไก่แปรรูปของไทยเข้าตลาดใหม่ ๆ อย่างเช่นสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน เกาหลีใต้ มาเลเซีย และตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นการเพิ่มโอกาสขยายการส่งออกเนื้อไก่ไทยได้ดี