เผยรายชื่อสินค้า รวม 40 รายการ ที่ไทยลด และยกเว้นอากรขาเข้าให้เป็นกรณีพิเศษ โดยลดภาษีสินค้า 17 รายการให้ลาวเหลือเพียงร้อยละ 5 เป็นการเพิ่มเติม ส่วนกัมพูชา แยกเป็นในโควตา WTO ยกเว้นอากรให้ 3 รายการ ที่เหลือทั้งในและนอกโควตา ไทยลดภาษีให้เท่าสมาชิก WTO มีผลตั้งแต่ ก.พ. ที่ผ่านมาเป็นต้นไป คาดว่าจะส่งผลให้การค้าชายแดนด้านตะวันออกคึกคักขึ้นกว่าเดิม
นายเกริกไกร จีระแพทย์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังได้ออกประกาศเกี่ยวกับการลดภาษีนำเข้าให้กับประเทศเพื่อนบ้าน 2 เรื่องคือเรื่อง การลดอัตราอากรศุลกากร ให้แก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)ในสินค้า 17 รายการ ประกอบด้วย มะเขือเทศ(พิกัด 0702.00) ข้าวโพดอ่อน(พิกัด 0709.90) กระวาน(พิกัด 0908.30) ถั่วลิสง(พิกัด 1202.101, 1202.109, 1202.201, 1202.209) ครั่ง กัมธรรมชาติ เรซิน กัมเรซิน และชันหอม(พิกัด 1301.90) วุ้นและยางข้นที่ได้จากผลิตภัณฑ์จากพืช จะดัดแปลงหรือไม่ก็ตาม(พิกัด 1302.39) ไม้อัดพลายวู้ด ไม้อัดวีเนียร์และลามิเนเต็ดวู้ดที่คล้ายกัน(พิกัด 4412.13, 4412.14, 4412.19, 4412.23, 4412.29, 4412.93, 4412.99) กรอบไม้สำหรับรูปวาด รูปถ่าย กระจกเงาหรือสำหรับของที่คล้ายกัน(พิกัด 4414.10) โดยอัตราอากรขาเข้าตามราคา ปกติเรียกเก็บระหว่างร้อยละ 15-60 ได้ลดเหลือเพียงร้อยละ 5 ในทุกรายการ ส่วนอัตราอากรที่เรียกเก็บตามสภาพ ในสินค้า มะเขือเทศ ข้าวโพดอ่อน กระวาน ถั่วลิสงพิกัด 1202.101 และ1202.201 เดิมเรียกเก็บระหว่าง 3 — 6.25 บาท/กิโลกรัม เรียกเก็บลดลงเหลือเพียง 25 สตางค์/กิโลกรัม ยกเว้นกระวานที่เรียกเก็บ 70 สตางค์/กิโลกรัม เท่านั้น มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2543 เป็นต้นไป
นายเกริกไกร กล่าวต่อไปว่าในส่วนของกัมพูชานั้น กระทรวงการคลังก็ได้ออกประกาศเรื่อง การยกเว้นอากร ลดและเพิ่มอัตราอากรศุลกากร ในสินค้าเกษตรจำนวน 23 รายการ ให้แก่ราชอาณาจักรกัมพูชาเช่นเดียวกับที่ได้เคยให้แก่ลาวไปแล้วเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2542 ที่ผ่านมา โดยสินค้าดังกล่าวเป็นกลุ่มสินค้าที่ไทยได้ผูกพันไว้กับองค์การการค้าโลก(WTO)ที่จะเปิดตลาดให้แก่สมาชิก WTO ทั้งในโควตาและนอกโควตา ในอัตราภาษีที่ต่ำซึ่งไทยก็ได้ให้สิทธิกัมพูชาเท่าเทียมกับประเทศที่เป็นสมาชิก WTO (กัมพูชายังไม่ได้เป็นสมาชิก WTO) สำหรับสินค้าทั้ง 23 รายการนั้นไทยได้ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับอัตราในโควตา 3 รายการคือ มันฝรั่ง(พิกัด 0701.10, 0701.90) ถั่วเหลือง(พิกัด 1201.001, 1201.009) เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่(พิกัด 1209.91) อีก 20 รายการ เรียกเก็บอัตราอากรขาเข้าตามราคาในโควตาระหว่างร้อยละ 5-65 ส่วนนอกโควตาในปี 2543 เรียกเก็บระหว่างร้อยละ 37.6-238.4 และอัตราอากรตามสภาพนั้นไทยไม่เรียกเก็บเลย ซึ่งปกติเรียกเก็บระหว่าง 2.50-50 บาท/กิโลกรัม มีผลตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2543 เป็นต้นไป ซึ่งในปีต่อๆไปภาษีก็จะลดลงเป็นลำดับ
สำหรับสินค้าที่เหลืออีก 20 รายการ ประกอบด้วย ลำไยแห้ง(พิกัด 0813.40) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์(พิกัด 1005.90) เนื้อมะพร้าวแห้ง(พิกัด 1203.00) นมผงขาดมันเนย(พิกัด 0402.10) ไหมดิบ(พิกัด 5002.00) กากถั่วเหลือง(พิกัด 2304.00) ใบยาสูบ(พิกัด 2401.10, 2401.20, 2401.30) กาแฟสำเร็จรูป(พิกัด 2101.11, 2101.12) น้ำตาล(พิกัด 1701.11, 1701.12, 1701.91, 1701.99) น้ำมันมะพร้าว(พิกัด 1513.11, 1513.19, 1513.21, 1513.29) น้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม(พิกัด 1511.10, 1511.90) น้ำมันถั่วเหลือง(พิกัด 1507.10, 1517.90) ข้าว(พิกัด 1006.10, 1006.20, 1006.30, 1006.40) พริกไทย(พิกัด 0904.11, 0904.12) ชา(พิกัด 0902.10, 0902.20, 0902.30, 0902.40) กาแฟ(พิกัด 0901.11, 0901.12, 0901.21,0901.22, 0901.90) มะพร้าว(พิกัด 0801.11, 0801.19) หอมหัวใหญ่(พิกัด 0712.20, 0712.90) กระเทียม(พิกัด 0703.10, 0703.20) น้ำนมดิบและนมพร้อมดื่ม(พิกัด 0401.10, 0401.20, 0401.30, 2202.90)
นายเกริกไกร กล่าวเพิ่มเติมว่าการลด และยกเว้นภาษีอากรให้แก่สปป.ลาว และกัมพูชา นั้นเป็นไปตามมติของคณะกรรมการเพื่อสนับสนุนการค้าชายแดน ที่มอบให้กระทรวงการคลังพิจารณาลดภาษีนำเข้าให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลไทย ในการช่วยเหลือทั้งสปป.ลาว และกัมพูชา เพื่อให้สามารถส่งสินค้าออกต่างประเทศได้มากขึ้นเนื่องจากมีต้นทุนต่ำลง ทำให้แข่งขันกับสินค้าจากประเทศอื่นๆได้ นอกจากนี้แล้วยังช่วยให้ปริมาณการค้าระหว่างไทยกับเพื่อนบ้านทั้งสองประเทศ เพิ่มปริมาณและมูลค่ามากขึ้นอีกด้วยโดยเฉพาะการค้าชายแดนด้านตะวันออกของไทย และเมื่อสามารถนำเงินตราเข้าประเทศได้มากขึ้นก็จะสามารถนำมาหมุนเวียนใช้จ่ายซื้อสินค้าไทยได้มากขึ้นตามไปด้วย
อนึ่ง สินค้าที่จะได้รับการลด ยกเว้นภาษีอากร ผู้นำเข้าต้องแสดงหลักฐานการรับรองแหล่งกำเนิด และเป็นสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดทั้งจากสองประเทศจริง โดยการนำเข้าทั้งจากกัมพูชาและลาวนั้น สินค้าที่อยู่ภายใต้ข้อตกลง WTO จะต้องใช้หนังสือรับรองตามแบบที่กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กำหนด ยกเว้นใบยาสูบให้ใช้หนังสือรับรองของกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง
--กรมการค้าต่างประเทศ มีนาคม 2543--
-อน-
นายเกริกไกร จีระแพทย์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังได้ออกประกาศเกี่ยวกับการลดภาษีนำเข้าให้กับประเทศเพื่อนบ้าน 2 เรื่องคือเรื่อง การลดอัตราอากรศุลกากร ให้แก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)ในสินค้า 17 รายการ ประกอบด้วย มะเขือเทศ(พิกัด 0702.00) ข้าวโพดอ่อน(พิกัด 0709.90) กระวาน(พิกัด 0908.30) ถั่วลิสง(พิกัด 1202.101, 1202.109, 1202.201, 1202.209) ครั่ง กัมธรรมชาติ เรซิน กัมเรซิน และชันหอม(พิกัด 1301.90) วุ้นและยางข้นที่ได้จากผลิตภัณฑ์จากพืช จะดัดแปลงหรือไม่ก็ตาม(พิกัด 1302.39) ไม้อัดพลายวู้ด ไม้อัดวีเนียร์และลามิเนเต็ดวู้ดที่คล้ายกัน(พิกัด 4412.13, 4412.14, 4412.19, 4412.23, 4412.29, 4412.93, 4412.99) กรอบไม้สำหรับรูปวาด รูปถ่าย กระจกเงาหรือสำหรับของที่คล้ายกัน(พิกัด 4414.10) โดยอัตราอากรขาเข้าตามราคา ปกติเรียกเก็บระหว่างร้อยละ 15-60 ได้ลดเหลือเพียงร้อยละ 5 ในทุกรายการ ส่วนอัตราอากรที่เรียกเก็บตามสภาพ ในสินค้า มะเขือเทศ ข้าวโพดอ่อน กระวาน ถั่วลิสงพิกัด 1202.101 และ1202.201 เดิมเรียกเก็บระหว่าง 3 — 6.25 บาท/กิโลกรัม เรียกเก็บลดลงเหลือเพียง 25 สตางค์/กิโลกรัม ยกเว้นกระวานที่เรียกเก็บ 70 สตางค์/กิโลกรัม เท่านั้น มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2543 เป็นต้นไป
นายเกริกไกร กล่าวต่อไปว่าในส่วนของกัมพูชานั้น กระทรวงการคลังก็ได้ออกประกาศเรื่อง การยกเว้นอากร ลดและเพิ่มอัตราอากรศุลกากร ในสินค้าเกษตรจำนวน 23 รายการ ให้แก่ราชอาณาจักรกัมพูชาเช่นเดียวกับที่ได้เคยให้แก่ลาวไปแล้วเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2542 ที่ผ่านมา โดยสินค้าดังกล่าวเป็นกลุ่มสินค้าที่ไทยได้ผูกพันไว้กับองค์การการค้าโลก(WTO)ที่จะเปิดตลาดให้แก่สมาชิก WTO ทั้งในโควตาและนอกโควตา ในอัตราภาษีที่ต่ำซึ่งไทยก็ได้ให้สิทธิกัมพูชาเท่าเทียมกับประเทศที่เป็นสมาชิก WTO (กัมพูชายังไม่ได้เป็นสมาชิก WTO) สำหรับสินค้าทั้ง 23 รายการนั้นไทยได้ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับอัตราในโควตา 3 รายการคือ มันฝรั่ง(พิกัด 0701.10, 0701.90) ถั่วเหลือง(พิกัด 1201.001, 1201.009) เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่(พิกัด 1209.91) อีก 20 รายการ เรียกเก็บอัตราอากรขาเข้าตามราคาในโควตาระหว่างร้อยละ 5-65 ส่วนนอกโควตาในปี 2543 เรียกเก็บระหว่างร้อยละ 37.6-238.4 และอัตราอากรตามสภาพนั้นไทยไม่เรียกเก็บเลย ซึ่งปกติเรียกเก็บระหว่าง 2.50-50 บาท/กิโลกรัม มีผลตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2543 เป็นต้นไป ซึ่งในปีต่อๆไปภาษีก็จะลดลงเป็นลำดับ
สำหรับสินค้าที่เหลืออีก 20 รายการ ประกอบด้วย ลำไยแห้ง(พิกัด 0813.40) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์(พิกัด 1005.90) เนื้อมะพร้าวแห้ง(พิกัด 1203.00) นมผงขาดมันเนย(พิกัด 0402.10) ไหมดิบ(พิกัด 5002.00) กากถั่วเหลือง(พิกัด 2304.00) ใบยาสูบ(พิกัด 2401.10, 2401.20, 2401.30) กาแฟสำเร็จรูป(พิกัด 2101.11, 2101.12) น้ำตาล(พิกัด 1701.11, 1701.12, 1701.91, 1701.99) น้ำมันมะพร้าว(พิกัด 1513.11, 1513.19, 1513.21, 1513.29) น้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม(พิกัด 1511.10, 1511.90) น้ำมันถั่วเหลือง(พิกัด 1507.10, 1517.90) ข้าว(พิกัด 1006.10, 1006.20, 1006.30, 1006.40) พริกไทย(พิกัด 0904.11, 0904.12) ชา(พิกัด 0902.10, 0902.20, 0902.30, 0902.40) กาแฟ(พิกัด 0901.11, 0901.12, 0901.21,0901.22, 0901.90) มะพร้าว(พิกัด 0801.11, 0801.19) หอมหัวใหญ่(พิกัด 0712.20, 0712.90) กระเทียม(พิกัด 0703.10, 0703.20) น้ำนมดิบและนมพร้อมดื่ม(พิกัด 0401.10, 0401.20, 0401.30, 2202.90)
นายเกริกไกร กล่าวเพิ่มเติมว่าการลด และยกเว้นภาษีอากรให้แก่สปป.ลาว และกัมพูชา นั้นเป็นไปตามมติของคณะกรรมการเพื่อสนับสนุนการค้าชายแดน ที่มอบให้กระทรวงการคลังพิจารณาลดภาษีนำเข้าให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลไทย ในการช่วยเหลือทั้งสปป.ลาว และกัมพูชา เพื่อให้สามารถส่งสินค้าออกต่างประเทศได้มากขึ้นเนื่องจากมีต้นทุนต่ำลง ทำให้แข่งขันกับสินค้าจากประเทศอื่นๆได้ นอกจากนี้แล้วยังช่วยให้ปริมาณการค้าระหว่างไทยกับเพื่อนบ้านทั้งสองประเทศ เพิ่มปริมาณและมูลค่ามากขึ้นอีกด้วยโดยเฉพาะการค้าชายแดนด้านตะวันออกของไทย และเมื่อสามารถนำเงินตราเข้าประเทศได้มากขึ้นก็จะสามารถนำมาหมุนเวียนใช้จ่ายซื้อสินค้าไทยได้มากขึ้นตามไปด้วย
อนึ่ง สินค้าที่จะได้รับการลด ยกเว้นภาษีอากร ผู้นำเข้าต้องแสดงหลักฐานการรับรองแหล่งกำเนิด และเป็นสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดทั้งจากสองประเทศจริง โดยการนำเข้าทั้งจากกัมพูชาและลาวนั้น สินค้าที่อยู่ภายใต้ข้อตกลง WTO จะต้องใช้หนังสือรับรองตามแบบที่กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กำหนด ยกเว้นใบยาสูบให้ใช้หนังสือรับรองของกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง
--กรมการค้าต่างประเทศ มีนาคม 2543--
-อน-