เหมืองแร่เป็นสาขาการผลิตที่สำคัญสาขาหนึ่ง ผลผลิตของกลุ่มแร่เชื้อเพลิงกว่าร้อย ละ 70 ใช้เป็นวัตถุดิบ สำคัญในการผลิตกระแส
ไฟฟ้าของประเทศ
ดัชนีผลผลิตแร่ในปี 2543 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียงร้อยละ 3.9 ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ (ปี2541-2542)
ซึ่งเป็นผลจาก
การขยายตัวของก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบเป็นสำคัญ ถึงแม้ว่าแร่อื่น ๆ อาทิ ถ่านลิกไนต์ หินปูนเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมซีเมนต์ ดีบุกและสังกะสี
จะยังลดลงตามอุปสงค์ของอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเท
แร่เชื้อเพลิง ซึ่งเป็นกลุ่มแร่ที่มีมูลค่าการผลิตสูงสุด ขยายตัวตามการผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบ จากผลของนโยบายรัฐที่สนับสนุน
ให้มีการใช้ก๊าซ ฯ ทดแทนน้ำมันเตามากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการเจาะสำรวจเพิ่มขึ้นเพื่อลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศ โดยปริมาณการ
ผลิตน้ำมันดิบในปี 2543 ขยายตัวถึงร้อยละ 73
แนวโน้มในระยะสั้น สถานการณ์การผลิตแร่ของไทยยังคงซบเซา เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวค่อนข้างช้า รวมทั้งยังต้องเร่งนำเข้าก๊าซ ฯ
จากเมียนมาร์ในส่วนที่ได้จ่ายค่าก๊าซ ฯ ไปแล้วล่วงหน้า ทำให้การผลิตก๊าซ ฯ ในประเทศลดลง ทั้งนี้ ในไตรมาสแรก ปี 2544 ดัชนีผลผลิตแร่
ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึงร้อยละ 7.0 ตามการผลิตก๊าซธรรมชาติเป็นสำคัญ ส่วนในระยะยาว การพัฒนานำแร่มาใช้ประโยชน์ค่อนข้างน้อย
ทำให้แนวโน้มการพึ่งพาการนำเข้าแร่จะยังคงเพิ่มขึ้น
ภาครัฐและเอกชนควรหาแนวทางร่วมกันในการพัฒนาอุตสาหกรรมเหมืองแร่ อาทิ การจัดลำดับความสำคัญของแร่ การลดกฎระเบียบ
เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุน การสร้างความเข้าใจกับองค์กรท้องถิ่นเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในการใช้พื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการนำแร่มาใช้ให้
เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกันก็ลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ
ปริมาณการผลิตและจำหน่ายก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบ ปี 2539 — ไตรมาสแรกปี 2544
ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดิบ
ปริมาณผลิต %D ปริมาณจำหน่าย %D ปริมาณผลิต %D ปริมาณจำหน่าย %D
(พันล้านลูกบาศก์ฟุต) (พันล้านลูกบาศก์ฟุต) (พันบาร์เรล) (พันบาร์เรล)
2539 468.8 16.8 444.7 16.2 9,197 12.7 9,174 17.8
2540 571.0 21.8 555.3 24.9 9,546 3.8 7,228 -21.2
2541 621.5 8.8 598.1 7.7 10,362 8.6 9,595 32.7
2542 680.3 9.5 595.6 8.5 12,045 16.2 11,026 14.9
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
ไฟฟ้าของประเทศ
ดัชนีผลผลิตแร่ในปี 2543 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียงร้อยละ 3.9 ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ (ปี2541-2542)
ซึ่งเป็นผลจาก
การขยายตัวของก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบเป็นสำคัญ ถึงแม้ว่าแร่อื่น ๆ อาทิ ถ่านลิกไนต์ หินปูนเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมซีเมนต์ ดีบุกและสังกะสี
จะยังลดลงตามอุปสงค์ของอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเท
แร่เชื้อเพลิง ซึ่งเป็นกลุ่มแร่ที่มีมูลค่าการผลิตสูงสุด ขยายตัวตามการผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบ จากผลของนโยบายรัฐที่สนับสนุน
ให้มีการใช้ก๊าซ ฯ ทดแทนน้ำมันเตามากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการเจาะสำรวจเพิ่มขึ้นเพื่อลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศ โดยปริมาณการ
ผลิตน้ำมันดิบในปี 2543 ขยายตัวถึงร้อยละ 73
แนวโน้มในระยะสั้น สถานการณ์การผลิตแร่ของไทยยังคงซบเซา เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวค่อนข้างช้า รวมทั้งยังต้องเร่งนำเข้าก๊าซ ฯ
จากเมียนมาร์ในส่วนที่ได้จ่ายค่าก๊าซ ฯ ไปแล้วล่วงหน้า ทำให้การผลิตก๊าซ ฯ ในประเทศลดลง ทั้งนี้ ในไตรมาสแรก ปี 2544 ดัชนีผลผลิตแร่
ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึงร้อยละ 7.0 ตามการผลิตก๊าซธรรมชาติเป็นสำคัญ ส่วนในระยะยาว การพัฒนานำแร่มาใช้ประโยชน์ค่อนข้างน้อย
ทำให้แนวโน้มการพึ่งพาการนำเข้าแร่จะยังคงเพิ่มขึ้น
ภาครัฐและเอกชนควรหาแนวทางร่วมกันในการพัฒนาอุตสาหกรรมเหมืองแร่ อาทิ การจัดลำดับความสำคัญของแร่ การลดกฎระเบียบ
เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุน การสร้างความเข้าใจกับองค์กรท้องถิ่นเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในการใช้พื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการนำแร่มาใช้ให้
เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกันก็ลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ
ปริมาณการผลิตและจำหน่ายก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบ ปี 2539 — ไตรมาสแรกปี 2544
ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดิบ
ปริมาณผลิต %D ปริมาณจำหน่าย %D ปริมาณผลิต %D ปริมาณจำหน่าย %D
(พันล้านลูกบาศก์ฟุต) (พันล้านลูกบาศก์ฟุต) (พันบาร์เรล) (พันบาร์เรล)
2539 468.8 16.8 444.7 16.2 9,197 12.7 9,174 17.8
2540 571.0 21.8 555.3 24.9 9,546 3.8 7,228 -21.2
2541 621.5 8.8 598.1 7.7 10,362 8.6 9,595 32.7
2542 680.3 9.5 595.6 8.5 12,045 16.2 11,026 14.9
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-