ข่าวในประเทศ
1. รมว.คลังกล่าวถึงยอดหนี้เอ็นพีแอลทั้งระบบสถาบันการเงิน รมว.คลังเปิดเผยว่า ครม.เศรษฐกิจได้รับทราบรายงานจาก ธปท.ถึงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสถาบันการเงินทั้งระบบในเดือน ก.ย.43 ว่ามีจำนวนคิดเป็นร้อยละ 22 ของสินเชื่อรวม โดยร้อยละ 20 เป็นของระบบ ธพ. แสดงให้เห็นว่ายอดเอ็นพีแอลได้ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งเป็นผลจากการโอนหนี้ด้อยคุณภาพของ ธพ.ไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ (เอเอ็มซี) ขณะที่ส่วนหนึ่งเป็นการลดลงของการปรับโครงสร้างหนี้ เชื่อว่าเอ็นพีแอลจะสามารถลดลงได้อย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 การลดลงของหนี้เสียดังกล่าวจะส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศได้ ขณะเดียวกัน โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตัวเลขหนี้ดีและหนี้เสียมีแนวโน้มที่ดี โดยหนี้ดีเพิ่มขึ้นจาก 3,437,700 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 60 ของสินเชื่อรวม ณ 31 ส.ค.43 เพิ่มเป็น 3,782,200 ล.บาท หรือร้อยละ 77 ของสินเชื่อรวม ซึ่ง ธปท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดูแลทั้งเอ็นพีแอลและการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ รวมถึงความคืบหน้าในการปรับปรุงการต่อรองในชั้นศาลอย่างใกล้ชิดต่อไป (วัฏจักร 7)
2. ฟิตซ์ อิบคา วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยง ธพ.ไทย รองผู้อำนวยการสถาบันจัดอันดับเครดิต ฟิตซ์ อิบคา เผยแพร่บทวิเคราะห์แนวโน้มและความเสี่ยงที่จะเป็นอุปสรรคต่อความสามารถทำกำไรของ ธพ.ในปี 44 ว่า ปัจจัยในประเทศได้แก่ การเมืองขาดเสถียรภาพ,การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเมือง, การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ, การปรับโครงสร้างเอกชนล่าช้า, การแข่งขันสูงบั่นทอนกำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ย,การบริโภค ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและการลงทุนมีน้อย สำหรับปัจจัยต่างประเทศได้แก่ ภาวะตื่นตระหนกจากปัญหาที่อาจเกิดจากเศรษฐกิจ สรอ.และญี่ปุ่น, อัตราดอกเบี้ยต่างประเทศ, ค่าเงินผันผวน และราคาน้ำมันสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่า ธ.กสิกรไทย, กรุงเทพ, ไทยพาณิชย์, ดีบีเอส ไทยทนุ และเอเชีย จะสามารถทำกำไรได้ในปี 44 (กรุงเทพธุรกิจ 7)
3. ความคิดเห็นของนายธนาคารต่อนโยบายขยายกรอบเงินเฟ้อของพรรคการเมือง แหล่งข่าวจาก ธพ.แสดงความคิดเห็นต่อนโยบายของพรรคการเมืองหนึ่งที่จะขยายกรอบอัตราเงินเฟ้อ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวสูงขึ้นเป็นร้อยละ 5-7 ว่า เป้าหมายเดิมที่ ธปท.กำหนดไว้ร้อยละ 0-3.5 นั้น เป็นอัตราที่เหมาะสมแล้ว และเป็นการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจในระยะยาว หากปรับให้สูงขึ้น อาจส่งผลเสียต่ออนาคตทางเศรษฐกิจได้ นอกจากนั้นยังเป็นการแทรกแซงการทำงานของ ธปท. เพราะตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทยฉบับใหม่ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภาฯ จะให้อิสระแก่ ธปท.ในการดำเนินนโยบายการเงิน โดยฝ่ายการเมืองหรือรัฐบาลไม่อาจเข้าไปแทรกแซงได้ รวมทั้งจะส่งผลให้ต่างประเทศขาดความเชื่อถือในเสถียรภาพเศรษฐกิจของไทย (ไทยโพสต์ 7)
4. ก.คลังเปิดเผยแผนการออกตราสารเพื่อกู้เงินชดเชยการขาดดุล งปม. ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะกล่าวว่า แผนการออกตราสารเพื่อกู้เงินชดเชยการขาดดุล งปม.44 จำนวน 1.05 แสน ล.บาท ก.คลังได้กำหนดประเภทตราสารเงินกู้ออกเป็น ตั๋วเงินคลัง 2 หมื่น ล.บาท พันธบัตรรัฐบาล 7 หมื่น ล.บาท และตั๋วสัญญาใช้เงิน 1.5 หมื่น ล.บาท (กรุงเทพธุรกิจ 7)
ข่าวต่างประเทศ
1. คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของเยอรมนีลดลงร้อยละ 4.6 ในเดือน ก.ย.43 รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 6 พ.ย.43 ก.คลังเยอรมนี รายงานว่า เดือน ก.ย.43 คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมปรับฤดูกาลของเยอรมนีโดยรวมลดลงร้อยละ 4.6 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ในเดือน ส.ค.43 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน และเป็นการลดลงต่ำกว่าความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์จากการสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 0.6 การลดลงของคำสั่งซื้อฯ ในเดือน ก.ย.43 เป็นผลกระทบจากตัวเลขฐาน จากการที่ตัวเลขคำสั่งซื้อฯ ในเดือน ก.ย.42 เพิ่มขึ้นมาก ทั้งนี้ ในเดือน ก.ย.43 คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกโดยรวม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนี ลดลงร้อยละ 6.2 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 ในเดือน ส.ค.43 ขณะที่คำสั่งซื้อภายในประเทศโดยรวม ลดลงร้อยละ 3.2 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ในเดือน ส.ค.43 โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสั่งซื้อสินค้าทุน ลดลงถึงร้อยละ 8.5 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 ในเดือน ส.ค.43 ซึ่งคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกในหมวดสินค้าทุนลดลงมากถึงร้อยละ 11.4 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ในเดือน ส.ค.43 อย่างไรก็ตาม ในเดือน ก.ย.นี้ หากแยกตัวเลขคำสั่งซื้อฯ คำสั่งซื้อของเยอรมนีตะวันตกลดลงร้อยละ 5.0 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 ในเดือน ส.ค.43 ขณะที่คำสั่งซื้อฯ ของเยอรมนีตะวันออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 จากที่ลดลงร้อยละ 10.4 ในเดือน ส.ค.43 (รอยเตอร์ 6)
2. ดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นลดลงในเดือน ก.ย. 43 รายงานจากโตเกียวเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 43 สำนักวางแผนเศรษฐกิจ (EPA) ของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เดือน ก.ย. 43 ดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจ (Leading Index) เบื้องต้น ลดลงอยู่ที่ระดับ 56.3 จากตัวเลขปรับแล้ว ที่ระดับ 70 ในเดือน ส.ค. 43 แต่ยังสูงกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ขณะเดียวกัน ในเดือน ก.ย. 43 ดัชนีอ้างอิงภาวะเศรษฐกิจ (Coincident Index) ลดลงอยู่ที่ระดับ 71.4 จากระดับ 88.9 แต่ยังสูงกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 ส่วน ดัชนีตามภาวะเศรษฐกิจ( Lagging Index) ลดลงอยู่ที่ระดับ 20 จากระดับ 50 ในเดือน ส.ค. 43 (รอยเตอร์ 6)
3. ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจภาคบริการของเยอรมนีลดลงในเดือน ต.ค. 43 รายงานจากแฟรงก์เฟิร์ตเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 43 สถาบันวิจัย NTC ของรอยเตอร์ รายงานว่า เดือน ต.ค. 43 ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจภาคบริการ ที่ปรับฤดูกาล ลดลงอยู่ที่ระดับ 55.3 จากระดับ 57.7 ในเดือน ก.ย. 43 ซึ่งเป็นการลดลงต่ำสุดนับแต่เดือน มิ.ย. 42 แต่ยังสูงกว่าระดับ 50 ทั้งนี้ การที่ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจภาคบริการโดยรวม มีอัตราการขยายตัวชะลอลงอย่างมากในเดือน ต.ค. 43 เนื่องจากรายได้ของธุรกิจใหม่มีอัตราการเติบโตชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจภาคบริการขยายตัวชะลอลง แต่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยราคาสินค้านำเข้าและต้นทุนค่าบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลจากทั้งต้นทุนแรงงาน ราคาพลังงาน และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนลง (รอยเตอร์ 6)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 6 พ.ย. 43 43.268 (43. 604)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 6 พ.ย. 43
ซื้อ 43.0754 (43.4126) ขาย 43.3795 (43.7163)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,400 (5,400) ขาย 5,500 (5,500)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 28.54 (28.33)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 16.49 (16.49) ดีเซลหมุนเร็ว 14.44 (14.74)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. รมว.คลังกล่าวถึงยอดหนี้เอ็นพีแอลทั้งระบบสถาบันการเงิน รมว.คลังเปิดเผยว่า ครม.เศรษฐกิจได้รับทราบรายงานจาก ธปท.ถึงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสถาบันการเงินทั้งระบบในเดือน ก.ย.43 ว่ามีจำนวนคิดเป็นร้อยละ 22 ของสินเชื่อรวม โดยร้อยละ 20 เป็นของระบบ ธพ. แสดงให้เห็นว่ายอดเอ็นพีแอลได้ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งเป็นผลจากการโอนหนี้ด้อยคุณภาพของ ธพ.ไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ (เอเอ็มซี) ขณะที่ส่วนหนึ่งเป็นการลดลงของการปรับโครงสร้างหนี้ เชื่อว่าเอ็นพีแอลจะสามารถลดลงได้อย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 การลดลงของหนี้เสียดังกล่าวจะส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศได้ ขณะเดียวกัน โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตัวเลขหนี้ดีและหนี้เสียมีแนวโน้มที่ดี โดยหนี้ดีเพิ่มขึ้นจาก 3,437,700 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 60 ของสินเชื่อรวม ณ 31 ส.ค.43 เพิ่มเป็น 3,782,200 ล.บาท หรือร้อยละ 77 ของสินเชื่อรวม ซึ่ง ธปท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดูแลทั้งเอ็นพีแอลและการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ รวมถึงความคืบหน้าในการปรับปรุงการต่อรองในชั้นศาลอย่างใกล้ชิดต่อไป (วัฏจักร 7)
2. ฟิตซ์ อิบคา วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยง ธพ.ไทย รองผู้อำนวยการสถาบันจัดอันดับเครดิต ฟิตซ์ อิบคา เผยแพร่บทวิเคราะห์แนวโน้มและความเสี่ยงที่จะเป็นอุปสรรคต่อความสามารถทำกำไรของ ธพ.ในปี 44 ว่า ปัจจัยในประเทศได้แก่ การเมืองขาดเสถียรภาพ,การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเมือง, การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ, การปรับโครงสร้างเอกชนล่าช้า, การแข่งขันสูงบั่นทอนกำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ย,การบริโภค ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและการลงทุนมีน้อย สำหรับปัจจัยต่างประเทศได้แก่ ภาวะตื่นตระหนกจากปัญหาที่อาจเกิดจากเศรษฐกิจ สรอ.และญี่ปุ่น, อัตราดอกเบี้ยต่างประเทศ, ค่าเงินผันผวน และราคาน้ำมันสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่า ธ.กสิกรไทย, กรุงเทพ, ไทยพาณิชย์, ดีบีเอส ไทยทนุ และเอเชีย จะสามารถทำกำไรได้ในปี 44 (กรุงเทพธุรกิจ 7)
3. ความคิดเห็นของนายธนาคารต่อนโยบายขยายกรอบเงินเฟ้อของพรรคการเมือง แหล่งข่าวจาก ธพ.แสดงความคิดเห็นต่อนโยบายของพรรคการเมืองหนึ่งที่จะขยายกรอบอัตราเงินเฟ้อ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวสูงขึ้นเป็นร้อยละ 5-7 ว่า เป้าหมายเดิมที่ ธปท.กำหนดไว้ร้อยละ 0-3.5 นั้น เป็นอัตราที่เหมาะสมแล้ว และเป็นการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจในระยะยาว หากปรับให้สูงขึ้น อาจส่งผลเสียต่ออนาคตทางเศรษฐกิจได้ นอกจากนั้นยังเป็นการแทรกแซงการทำงานของ ธปท. เพราะตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทยฉบับใหม่ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภาฯ จะให้อิสระแก่ ธปท.ในการดำเนินนโยบายการเงิน โดยฝ่ายการเมืองหรือรัฐบาลไม่อาจเข้าไปแทรกแซงได้ รวมทั้งจะส่งผลให้ต่างประเทศขาดความเชื่อถือในเสถียรภาพเศรษฐกิจของไทย (ไทยโพสต์ 7)
4. ก.คลังเปิดเผยแผนการออกตราสารเพื่อกู้เงินชดเชยการขาดดุล งปม. ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะกล่าวว่า แผนการออกตราสารเพื่อกู้เงินชดเชยการขาดดุล งปม.44 จำนวน 1.05 แสน ล.บาท ก.คลังได้กำหนดประเภทตราสารเงินกู้ออกเป็น ตั๋วเงินคลัง 2 หมื่น ล.บาท พันธบัตรรัฐบาล 7 หมื่น ล.บาท และตั๋วสัญญาใช้เงิน 1.5 หมื่น ล.บาท (กรุงเทพธุรกิจ 7)
ข่าวต่างประเทศ
1. คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของเยอรมนีลดลงร้อยละ 4.6 ในเดือน ก.ย.43 รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 6 พ.ย.43 ก.คลังเยอรมนี รายงานว่า เดือน ก.ย.43 คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมปรับฤดูกาลของเยอรมนีโดยรวมลดลงร้อยละ 4.6 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ในเดือน ส.ค.43 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน และเป็นการลดลงต่ำกว่าความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์จากการสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 0.6 การลดลงของคำสั่งซื้อฯ ในเดือน ก.ย.43 เป็นผลกระทบจากตัวเลขฐาน จากการที่ตัวเลขคำสั่งซื้อฯ ในเดือน ก.ย.42 เพิ่มขึ้นมาก ทั้งนี้ ในเดือน ก.ย.43 คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกโดยรวม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนี ลดลงร้อยละ 6.2 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 ในเดือน ส.ค.43 ขณะที่คำสั่งซื้อภายในประเทศโดยรวม ลดลงร้อยละ 3.2 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ในเดือน ส.ค.43 โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสั่งซื้อสินค้าทุน ลดลงถึงร้อยละ 8.5 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 ในเดือน ส.ค.43 ซึ่งคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกในหมวดสินค้าทุนลดลงมากถึงร้อยละ 11.4 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ในเดือน ส.ค.43 อย่างไรก็ตาม ในเดือน ก.ย.นี้ หากแยกตัวเลขคำสั่งซื้อฯ คำสั่งซื้อของเยอรมนีตะวันตกลดลงร้อยละ 5.0 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 ในเดือน ส.ค.43 ขณะที่คำสั่งซื้อฯ ของเยอรมนีตะวันออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 จากที่ลดลงร้อยละ 10.4 ในเดือน ส.ค.43 (รอยเตอร์ 6)
2. ดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นลดลงในเดือน ก.ย. 43 รายงานจากโตเกียวเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 43 สำนักวางแผนเศรษฐกิจ (EPA) ของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เดือน ก.ย. 43 ดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจ (Leading Index) เบื้องต้น ลดลงอยู่ที่ระดับ 56.3 จากตัวเลขปรับแล้ว ที่ระดับ 70 ในเดือน ส.ค. 43 แต่ยังสูงกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ขณะเดียวกัน ในเดือน ก.ย. 43 ดัชนีอ้างอิงภาวะเศรษฐกิจ (Coincident Index) ลดลงอยู่ที่ระดับ 71.4 จากระดับ 88.9 แต่ยังสูงกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 ส่วน ดัชนีตามภาวะเศรษฐกิจ( Lagging Index) ลดลงอยู่ที่ระดับ 20 จากระดับ 50 ในเดือน ส.ค. 43 (รอยเตอร์ 6)
3. ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจภาคบริการของเยอรมนีลดลงในเดือน ต.ค. 43 รายงานจากแฟรงก์เฟิร์ตเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 43 สถาบันวิจัย NTC ของรอยเตอร์ รายงานว่า เดือน ต.ค. 43 ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจภาคบริการ ที่ปรับฤดูกาล ลดลงอยู่ที่ระดับ 55.3 จากระดับ 57.7 ในเดือน ก.ย. 43 ซึ่งเป็นการลดลงต่ำสุดนับแต่เดือน มิ.ย. 42 แต่ยังสูงกว่าระดับ 50 ทั้งนี้ การที่ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจภาคบริการโดยรวม มีอัตราการขยายตัวชะลอลงอย่างมากในเดือน ต.ค. 43 เนื่องจากรายได้ของธุรกิจใหม่มีอัตราการเติบโตชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจภาคบริการขยายตัวชะลอลง แต่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยราคาสินค้านำเข้าและต้นทุนค่าบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลจากทั้งต้นทุนแรงงาน ราคาพลังงาน และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนลง (รอยเตอร์ 6)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 6 พ.ย. 43 43.268 (43. 604)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 6 พ.ย. 43
ซื้อ 43.0754 (43.4126) ขาย 43.3795 (43.7163)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,400 (5,400) ขาย 5,500 (5,500)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 28.54 (28.33)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 16.49 (16.49) ดีเซลหมุนเร็ว 14.44 (14.74)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-