กรุงเทพฯ--10 พ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
1. นายจิกเม่ โอยว์เซอ ทินเลย์ (Jigmi Yoeser Thinley) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศภูฏานและคณะฯ มีกำหนดจะมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 14-17 พฤษภาคม 2544 ในฐานะแขกรับเชิญของ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
2. การเยือนประเทศไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศภูฏาน ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับภูฏานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในทุก ๆ ด้าน โดยระหว่างการเยือนประเทศไทยดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศภูฏานมีกำหนดจะเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับบุคคลสำคัญในคณะรัฐมนตรี ได้แก่ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งเยี่ยมชมโครงการหลวงและทัศนศึกษาที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศจะเป็นประธานร่วมในการประชุมหารือทวิภาคีในวันที่ 15 พฤษภาคม 2544 เพื่อหาลู่ทางในการขยายความร่วมมือในสาขา ที่มีศักยภาพระหว่างกัน เช่น การค้า การลงทุน การเกษตร วัฒนธรรมและศาสนา การท่องเที่ยวและสาธารณสุข
3. ไทยและภูฏานได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อ พ.ศ. 2532 โดยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองเป็นไปอย่างใกล้ชิด ทั้งในระดับพระราชวงศ์รัฐบาลและประชาชนมาโดยตลอดไทยและภูฏานอาศัยปัจจัยที่สอดคล้องกัน ได้แก่ การมีระบอบการปกครอง โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและความเชื่อทางศาสนาพุทธเป็นสะพานในการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน ไทยและภูฏานมีความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ทั้งในกรอบความร่วมมือทวิภาคีและ พหุภาคีอย่างสม่ำเสมอ
ในด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี ภูฏานให้ความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก เห็นได้จากการที่ภูฏานเปิดสถานเอกอัครราชทูตที่ประเทศไทยซึ่งเป็นเพียงแห่งเดียวในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งสนใจที่จะขยายความร่วมมือทวิภาคีด้านต่าง ๆ กับไทยทั้งใน ด้านวิชาการ การสาธารณสุข การเกษตร การท่องเที่ยว วัฒนธรรมและศาสนา เพื่อที่จะนำประสบการณ์ของไทยไปใช้เป็นแบบอย่างในการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ และประเทศไทย ในปัจจุบันได้มุ่งเน้นการดำเนินนโยบายมุ่งตะวันตก (Look West Policy) โดยให้ความสำคัญ ต่อการส่งเสริมความร่วมมือกับภูฏานในด้านที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะการส่งเสริม การขยายตลาด/ๅด้านการค้าของไทยในภูฏานและการส่งเสริมให้ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยว สถานที่ ให้บริการด้านการศึกษาและสาธารณสุขของชาวภูฏาน
สำหรับในด้านความสัมพันธ์พหุภาคี ภูฏานได้ให้การสนับสนุนการดำเนินการของไทยในเวทีระหว่างประเทศในหลายโอกาส
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
1. นายจิกเม่ โอยว์เซอ ทินเลย์ (Jigmi Yoeser Thinley) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศภูฏานและคณะฯ มีกำหนดจะมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 14-17 พฤษภาคม 2544 ในฐานะแขกรับเชิญของ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
2. การเยือนประเทศไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศภูฏาน ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับภูฏานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในทุก ๆ ด้าน โดยระหว่างการเยือนประเทศไทยดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศภูฏานมีกำหนดจะเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับบุคคลสำคัญในคณะรัฐมนตรี ได้แก่ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งเยี่ยมชมโครงการหลวงและทัศนศึกษาที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศจะเป็นประธานร่วมในการประชุมหารือทวิภาคีในวันที่ 15 พฤษภาคม 2544 เพื่อหาลู่ทางในการขยายความร่วมมือในสาขา ที่มีศักยภาพระหว่างกัน เช่น การค้า การลงทุน การเกษตร วัฒนธรรมและศาสนา การท่องเที่ยวและสาธารณสุข
3. ไทยและภูฏานได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อ พ.ศ. 2532 โดยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองเป็นไปอย่างใกล้ชิด ทั้งในระดับพระราชวงศ์รัฐบาลและประชาชนมาโดยตลอดไทยและภูฏานอาศัยปัจจัยที่สอดคล้องกัน ได้แก่ การมีระบอบการปกครอง โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและความเชื่อทางศาสนาพุทธเป็นสะพานในการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน ไทยและภูฏานมีความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ทั้งในกรอบความร่วมมือทวิภาคีและ พหุภาคีอย่างสม่ำเสมอ
ในด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี ภูฏานให้ความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก เห็นได้จากการที่ภูฏานเปิดสถานเอกอัครราชทูตที่ประเทศไทยซึ่งเป็นเพียงแห่งเดียวในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งสนใจที่จะขยายความร่วมมือทวิภาคีด้านต่าง ๆ กับไทยทั้งใน ด้านวิชาการ การสาธารณสุข การเกษตร การท่องเที่ยว วัฒนธรรมและศาสนา เพื่อที่จะนำประสบการณ์ของไทยไปใช้เป็นแบบอย่างในการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ และประเทศไทย ในปัจจุบันได้มุ่งเน้นการดำเนินนโยบายมุ่งตะวันตก (Look West Policy) โดยให้ความสำคัญ ต่อการส่งเสริมความร่วมมือกับภูฏานในด้านที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะการส่งเสริม การขยายตลาด/ๅด้านการค้าของไทยในภูฏานและการส่งเสริมให้ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยว สถานที่ ให้บริการด้านการศึกษาและสาธารณสุขของชาวภูฏาน
สำหรับในด้านความสัมพันธ์พหุภาคี ภูฏานได้ให้การสนับสนุนการดำเนินการของไทยในเวทีระหว่างประเทศในหลายโอกาส
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-