ข่าวในประเทศ
1. เอ็นพีแอลของระบบสถาบันการเงิน ณ สิ้นเดือน พ.ย.43 ผู้อำนวยการอาวุโส สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท.เปิดเผยว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ของระบบสถาบันการเงินที่ไม่รวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ณ สิ้นเดือน พ.ย.43 มียอดคงค้างทั้งสิ้น 1.113 ล้านล้านบาท ลดลง 1,200 ล.บาทจากเดือน ต.ค.43 ขณะที่สินเชื่อรวมมีจำนวน 4.904 ล้านล้านบาท ลดลงจากเดือน ต.ค.43 จำนวน 39,300 ล.บาท ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของสาขา ธพ.ต่างประเทศ ส่งผลให้อัตราส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 22.54 เป็นร้อยละ 22.70 คาดว่าเอ็นพีแอลในเดือน ธ.ค.43 จะปรับลดลงอีกมาก เนื่องจากเป็นสิ้นงวดบัญชีที่สถาบันการเงินต้องกันสำรองหนี้จัดชั้นสงสัยจะสูญครบร้อยละ 100 ตามเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนด สำหรับการเปลี่ยนแปลงเอ็นพีแอลในเดือน พ.ย.43 พิจารณาตามกลุ่มสถาบันการเงินปรากฎว่า ธนาคารเอกชนมีเอ็นพีแอลลดลงสุทธิ 3,400 ล.บาท หรือร้อยละ 0.63 ธนาคารของรัฐมียอดเพิ่มขึ้นสุทธิ 2,500 ล.บาท หรือร้อยละ 0.52 สาขาธนาคารต่างประเทศมียอดลดลงสุทธิ 700 ล.บาทหรือร้อยละ 1.77 และบริษัทเงินทุนมีเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 300 ล.บาทหรือร้อยละ 0.60 สำหรับเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นจากรายที่เคยปรับปรุงโครงสร้างหนี้มีจำนวน 20,600 ล.บาท (เดลินิวส์, กรุงเทพธุรกิจ 9)
2. แนวคิดของ ก.คลังและกองทุนฟื้นฟูฯ เกี่ยวกับการแก้ปัญหา ธ.นครหลวงไทยและ ธ.ศรีนคร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ก.คลังและกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มีความเห็นตรงกันว่าแนวทางการแก้ไขปัญหา ธ.นครหลวงไทย และ ธ.ศรีนคร คือการรวมกิจการกัน และตั้งเป็นธนาคารเอกชน ที่เน้นธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) โดยกองทุนฟื้นฟูฯ จะถือหุ้นร้อยละ 49 ส่วนหุ้นที่เหลือร้อยละ 51 จะขายให้เอกชน เพื่อมิให้ธนาคารดังกล่าวเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่อยู่ระหว่างศึกษาว่าจะขายให้รายใหญ่เพียงรายเดียวหรือขายให้กับหลายราย ขณะที่อธิบดีกรมศุลกากรในฐานะประธานกรรมการบริหาร ธ.ศรีนครคาดว่า เร็วๆ นี้ ธปท.จะอนุมัติให้สามารถปล่อยสินเชื่อรายใหม่ได้ ตามที่ธนาคารมีหนังสือร้องขอในช่วงเดือน ธ.ค.43 ปัจจุบันธนาคารมียอดสินเชื่อประมาณ 160,000 ล.บาท เป็นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ประมาณร้อยละ 58 (มติชน 9)
3. ธ.ก.ส. แสดงความเห็นเรื่องนโยบายพักชำระหนี้ของเกษตรกร ผู้จัดการ ธ.เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส. ยอมรับนโยบายการพักชำระหนี้เกษตรกรของรัฐบาลชุดใหม่ แต่ต้องไม่ทำลายวินัยทางการเงิน ขณะเดียวกันต้องส่งเสริมวินัยทางการเงินให้มากขึ้น และจะต้องประสานนโยบายให้ดีที่สุด เพื่อมิให้ลูกค้าที่ชำระหนี้ดีอยู่แล้วจงใจไม่ชำระหนี้เกิดขึ้น ส่วนรองผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า แม้ธนาคารจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.คลัง แต่มี ธปท.ตรวจสอบการดำเนินงาน ดังนั้น หากมีนโยบายพักชำระหนี้ ก็ต้องหารือกับ ธปท. ด้วย เพราะเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับธนาคารในอนาคต ปัจจุบันธนาคารมีหนี้เกษตรกร 2 ประเภท คือ (1) ลูกหนี้รายย่อยคิดเป็นวงเงิน 223,000 ล.บาท เป็นลูกหนี้ชั้นดีร้อยละ 47 ลูกหนี้ทั่วไปร้อยละ 37 ลูกหนี้มีปัญหาชำระหนี้ร้อยละ 16 และ (2) ลูกหนี้ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ 15,000 ล.บาท (วัฏจักร 9)
ข่าวต่างประเทศ
1. ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจในเขตยูโรเพิ่มสูงขึ้นในเดือน ธ.ค.43 รายงานจากบรัสเซลส์ เมื่อวันที่ 8 ม.ค.44 คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) รายงานผลการสำรวจธุรกิจและผู้บริโภครายเดือนว่า เดือน ธ.ค.43 ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจในเขตยูโรอยู่ที่ระดับ +1.24 เพิ่มขึ้นจากระดับ +1.21 ในเดือน พ.ย.43 ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า เป็นการส่งสัญญาณว่าผลผลิตอุตสาหกรรมจะขยายตัว โดยดูจากการที่ผลการสำรวจครั้งที่ผ่าน ๆ ได้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างดัชนีฯ กับผลผลิตอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม แม้ผลการสำรวจของคณะกรรมาธิการฯ ในเดือน ธ.ค.นี้จะชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักอุตสาหกรรม แต่ผลการสำรวจดังกล่าวแตกต่างจากผลการสำรวจของหน่วยงานอื่น ๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ที่แสดงถึงการชะลอตัวของผลผลิตอุตสาหกรรมและความเชื่อมั่นก็ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ (รอยเตอร์ 8)
2. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนีเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ในเดือน พ.ย. 43 รายงานจากเบอร์ลินเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 44 ก. คลังเยอรมนี เปิดเผยว่า เดือน พ.ย. 43 ผลผลิตอุตสาหกรรมโดยรวมของเยอรมนี ที่ปรับฤดูกาล เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือน ต.ค. 43 ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 0.3 และเมื่อเทียบต่อปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 ในเดือน ต.ค. 43 ขณะเดียวกัน ในเดือน พ.ย. 43 ผลผลิตอุตสาหกรรมการผลิต ลดลงร้อยละ 0.2 หลังจากลดลงมาแล้วติดต่อกัน 2 เดือน ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกที่ลดลง ทั้งๆที่ค่าเงินยูโรในเดือนดังกล่าว เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากระดับที่ต่ำสุดก็ตาม จากรายงานครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่า อุตสาหกรรมการผลิตของเยอรมนียังอยู่ในภาวะที่ซบเซา แต่ผลผลิตอุตสาหกรรมโดยรวม ฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ลดลงในช่วง เดือนก่อนที่ผ่านมา หัวหน้านักเศรษฐกรของ BHF Bank ในแฟรงก์เฟิร์ต กล่าวว่า ตัวเลขผลผลิตฯในเดือน พ.ย.43 ยิ่งย้ำถึงการเติบโตที่ชะตัวลงในไตรมาสสุดท้ายของปี 43 และคาดว่า GDP ในไตรมาสที่ 4 ปี 43 จะเติบโตลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 0.5 จากร้อยละ 0.7 ในไตรมาสที่ 3 ปี 43 (รอยเตอร์ 8)
3. ประสิทธิภาพการผลิตของอังกฤษเพิ่มขึ้นในเดือน ธ.ค. 43 รายงานจากลอนดอนเมื่อ 8 ม.ค. 44 สถาบันเพื่อการบริการการจัดการ (IMS) รายงานว่า เดือน ธ.ค. 43 ดัชนีประสิทธิภาพการผลิตของอังกฤษที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้ว อยู่ที่ระดับ 53.2 เพิ่มขึ้นจากระดับ 52.5 ในเดือน พ.ย. 43 เนื่องจากธุรกิจฟื้นตัวจากภาวะชะงักงันและการขาดแคลนน้ำมันที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในช่วงเมื่อต้นปี42 ประธาน IMS (Harry Downes) กล่าวว่า ธุรกิจของอังกฤษจะขยายตัวเพิ่มขึ้น หาก ธ. กลางอังกฤษจะเคลื่อนไหวตาม ธ. กลาง สรอ. โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปลายสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ประสิทธิภาพการผลิต จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาถึง 22 เดือนแล้ว แต่อัตราการขยายตัวยังคงต่ำกว่าระดับที่เคยสูงสุดที่ระดับ 57.0 ในเดือน ก.ย. 42 (รอยเตอร์ 8)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 8 ม.ค.44 42.902 (43.432)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 8 ม.ค. 44
ซื้อ 42.6421 (43.2498) ขาย 42.9498 (43.5634)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,450 (5,450) ขาย 5,550 (5,550)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 21.27 (21.52)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 15.59 (15.59) ดีเซลหมุนเร็ว 13.44 (13.14)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. เอ็นพีแอลของระบบสถาบันการเงิน ณ สิ้นเดือน พ.ย.43 ผู้อำนวยการอาวุโส สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท.เปิดเผยว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ของระบบสถาบันการเงินที่ไม่รวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ณ สิ้นเดือน พ.ย.43 มียอดคงค้างทั้งสิ้น 1.113 ล้านล้านบาท ลดลง 1,200 ล.บาทจากเดือน ต.ค.43 ขณะที่สินเชื่อรวมมีจำนวน 4.904 ล้านล้านบาท ลดลงจากเดือน ต.ค.43 จำนวน 39,300 ล.บาท ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของสาขา ธพ.ต่างประเทศ ส่งผลให้อัตราส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 22.54 เป็นร้อยละ 22.70 คาดว่าเอ็นพีแอลในเดือน ธ.ค.43 จะปรับลดลงอีกมาก เนื่องจากเป็นสิ้นงวดบัญชีที่สถาบันการเงินต้องกันสำรองหนี้จัดชั้นสงสัยจะสูญครบร้อยละ 100 ตามเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนด สำหรับการเปลี่ยนแปลงเอ็นพีแอลในเดือน พ.ย.43 พิจารณาตามกลุ่มสถาบันการเงินปรากฎว่า ธนาคารเอกชนมีเอ็นพีแอลลดลงสุทธิ 3,400 ล.บาท หรือร้อยละ 0.63 ธนาคารของรัฐมียอดเพิ่มขึ้นสุทธิ 2,500 ล.บาท หรือร้อยละ 0.52 สาขาธนาคารต่างประเทศมียอดลดลงสุทธิ 700 ล.บาทหรือร้อยละ 1.77 และบริษัทเงินทุนมีเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 300 ล.บาทหรือร้อยละ 0.60 สำหรับเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นจากรายที่เคยปรับปรุงโครงสร้างหนี้มีจำนวน 20,600 ล.บาท (เดลินิวส์, กรุงเทพธุรกิจ 9)
2. แนวคิดของ ก.คลังและกองทุนฟื้นฟูฯ เกี่ยวกับการแก้ปัญหา ธ.นครหลวงไทยและ ธ.ศรีนคร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ก.คลังและกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มีความเห็นตรงกันว่าแนวทางการแก้ไขปัญหา ธ.นครหลวงไทย และ ธ.ศรีนคร คือการรวมกิจการกัน และตั้งเป็นธนาคารเอกชน ที่เน้นธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) โดยกองทุนฟื้นฟูฯ จะถือหุ้นร้อยละ 49 ส่วนหุ้นที่เหลือร้อยละ 51 จะขายให้เอกชน เพื่อมิให้ธนาคารดังกล่าวเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่อยู่ระหว่างศึกษาว่าจะขายให้รายใหญ่เพียงรายเดียวหรือขายให้กับหลายราย ขณะที่อธิบดีกรมศุลกากรในฐานะประธานกรรมการบริหาร ธ.ศรีนครคาดว่า เร็วๆ นี้ ธปท.จะอนุมัติให้สามารถปล่อยสินเชื่อรายใหม่ได้ ตามที่ธนาคารมีหนังสือร้องขอในช่วงเดือน ธ.ค.43 ปัจจุบันธนาคารมียอดสินเชื่อประมาณ 160,000 ล.บาท เป็นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ประมาณร้อยละ 58 (มติชน 9)
3. ธ.ก.ส. แสดงความเห็นเรื่องนโยบายพักชำระหนี้ของเกษตรกร ผู้จัดการ ธ.เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส. ยอมรับนโยบายการพักชำระหนี้เกษตรกรของรัฐบาลชุดใหม่ แต่ต้องไม่ทำลายวินัยทางการเงิน ขณะเดียวกันต้องส่งเสริมวินัยทางการเงินให้มากขึ้น และจะต้องประสานนโยบายให้ดีที่สุด เพื่อมิให้ลูกค้าที่ชำระหนี้ดีอยู่แล้วจงใจไม่ชำระหนี้เกิดขึ้น ส่วนรองผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า แม้ธนาคารจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.คลัง แต่มี ธปท.ตรวจสอบการดำเนินงาน ดังนั้น หากมีนโยบายพักชำระหนี้ ก็ต้องหารือกับ ธปท. ด้วย เพราะเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับธนาคารในอนาคต ปัจจุบันธนาคารมีหนี้เกษตรกร 2 ประเภท คือ (1) ลูกหนี้รายย่อยคิดเป็นวงเงิน 223,000 ล.บาท เป็นลูกหนี้ชั้นดีร้อยละ 47 ลูกหนี้ทั่วไปร้อยละ 37 ลูกหนี้มีปัญหาชำระหนี้ร้อยละ 16 และ (2) ลูกหนี้ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ 15,000 ล.บาท (วัฏจักร 9)
ข่าวต่างประเทศ
1. ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจในเขตยูโรเพิ่มสูงขึ้นในเดือน ธ.ค.43 รายงานจากบรัสเซลส์ เมื่อวันที่ 8 ม.ค.44 คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) รายงานผลการสำรวจธุรกิจและผู้บริโภครายเดือนว่า เดือน ธ.ค.43 ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจในเขตยูโรอยู่ที่ระดับ +1.24 เพิ่มขึ้นจากระดับ +1.21 ในเดือน พ.ย.43 ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า เป็นการส่งสัญญาณว่าผลผลิตอุตสาหกรรมจะขยายตัว โดยดูจากการที่ผลการสำรวจครั้งที่ผ่าน ๆ ได้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างดัชนีฯ กับผลผลิตอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม แม้ผลการสำรวจของคณะกรรมาธิการฯ ในเดือน ธ.ค.นี้จะชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักอุตสาหกรรม แต่ผลการสำรวจดังกล่าวแตกต่างจากผลการสำรวจของหน่วยงานอื่น ๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ที่แสดงถึงการชะลอตัวของผลผลิตอุตสาหกรรมและความเชื่อมั่นก็ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ (รอยเตอร์ 8)
2. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนีเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ในเดือน พ.ย. 43 รายงานจากเบอร์ลินเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 44 ก. คลังเยอรมนี เปิดเผยว่า เดือน พ.ย. 43 ผลผลิตอุตสาหกรรมโดยรวมของเยอรมนี ที่ปรับฤดูกาล เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือน ต.ค. 43 ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 0.3 และเมื่อเทียบต่อปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 ในเดือน ต.ค. 43 ขณะเดียวกัน ในเดือน พ.ย. 43 ผลผลิตอุตสาหกรรมการผลิต ลดลงร้อยละ 0.2 หลังจากลดลงมาแล้วติดต่อกัน 2 เดือน ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกที่ลดลง ทั้งๆที่ค่าเงินยูโรในเดือนดังกล่าว เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากระดับที่ต่ำสุดก็ตาม จากรายงานครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่า อุตสาหกรรมการผลิตของเยอรมนียังอยู่ในภาวะที่ซบเซา แต่ผลผลิตอุตสาหกรรมโดยรวม ฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ลดลงในช่วง เดือนก่อนที่ผ่านมา หัวหน้านักเศรษฐกรของ BHF Bank ในแฟรงก์เฟิร์ต กล่าวว่า ตัวเลขผลผลิตฯในเดือน พ.ย.43 ยิ่งย้ำถึงการเติบโตที่ชะตัวลงในไตรมาสสุดท้ายของปี 43 และคาดว่า GDP ในไตรมาสที่ 4 ปี 43 จะเติบโตลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 0.5 จากร้อยละ 0.7 ในไตรมาสที่ 3 ปี 43 (รอยเตอร์ 8)
3. ประสิทธิภาพการผลิตของอังกฤษเพิ่มขึ้นในเดือน ธ.ค. 43 รายงานจากลอนดอนเมื่อ 8 ม.ค. 44 สถาบันเพื่อการบริการการจัดการ (IMS) รายงานว่า เดือน ธ.ค. 43 ดัชนีประสิทธิภาพการผลิตของอังกฤษที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้ว อยู่ที่ระดับ 53.2 เพิ่มขึ้นจากระดับ 52.5 ในเดือน พ.ย. 43 เนื่องจากธุรกิจฟื้นตัวจากภาวะชะงักงันและการขาดแคลนน้ำมันที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในช่วงเมื่อต้นปี42 ประธาน IMS (Harry Downes) กล่าวว่า ธุรกิจของอังกฤษจะขยายตัวเพิ่มขึ้น หาก ธ. กลางอังกฤษจะเคลื่อนไหวตาม ธ. กลาง สรอ. โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปลายสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ประสิทธิภาพการผลิต จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาถึง 22 เดือนแล้ว แต่อัตราการขยายตัวยังคงต่ำกว่าระดับที่เคยสูงสุดที่ระดับ 57.0 ในเดือน ก.ย. 42 (รอยเตอร์ 8)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 8 ม.ค.44 42.902 (43.432)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 8 ม.ค. 44
ซื้อ 42.6421 (43.2498) ขาย 42.9498 (43.5634)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,450 (5,450) ขาย 5,550 (5,550)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 21.27 (21.52)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 15.59 (15.59) ดีเซลหมุนเร็ว 13.44 (13.14)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-