กรุงเทพฯ--27 ก.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2544 ณ กรุงฮานอย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและนาย Alexander Downer รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียได้ลงนาม ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลออสเตรเลียว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิด และความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญาหรือเรียกสั้นๆ ว่า ความตกลงโอนตัวนักโทษไทย-ออสเตรเลีย สำหรับประเทศไทย คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ 24 กรกฎาคม 2544 อนุมัติให้ลงนามความตกลงดังกล่าวพร้อมทั้งอนุมัติให้มีการให้สัตยาบันความตกลงฯ และเมื่อรัฐบาลออสเตรเลียให้สัตยาบันก็จะทำให้ความตกลงมีผลบังคับใช้ อันจะทำให้รัฐบาลแต่ละฝ่ายสามารถร้องขอให้มีการโอนตัวนักโทษระหว่างกันได้ ขณะนี้ไทยได้ทำความตกลงโอนตัวนักโทษกับประเทศต่างๆ แล้ว 16 ประเทศ และอยู่ในระหว่างการเจรจาอีกหลายประเทศ ความตกลงฯ ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในการเป็นพื้นฐานให้รัฐบาลแต่ละฝ่ายสามารถ ที่จะช่วยผู้กระทำผิดในคดีอาญาหรือนักโทษซึ่งเป็นคนชาติตนให้สามารถกลับไปรับโทษต่อในสังคมของตนเอง โดยจะได้ใกล้ชิดกับญาติพี่น้องและอยู่ในสังคมที่มีวัฒนธรรมเดียวกัน สาระสำคัญของความตกลงฯ มีดังนี้
1. การโอนตัวจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐผู้โอน รัฐผู้รับ และจากตัวนักโทษเอง
2. ต้องได้รับความผิดทางอาญาที่ลงโทษได้ทั้งในรัฐผู้รับและในรัฐผู้โอน
3. นักโทษต้องเป็นคนชาติของรัฐผู้รับ
4. นักโทษที่ทำความผิดต่อความมั่นคงภายในและภายนอกของรัฐ ความผิดต่อ องค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระราชโอรส และพระราชธิดา หรือเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครอง สมบัติที่มีค่าทางศิลปะของชาติจะไม่ได้รับการโอนตัว
5. โทษจำคุกที่เหลือจะต้องไม่ต่ำกว่า 1 ปี
6. รัฐผู้โอนจะกำหนดระยะเวลารับโทษขั้นต่ำตามที่กฎหมายภายในของตนที่นักโทษ จะต้องได้รับในรัฐผู้โอนก่อนได้รับการพิจารณาให้โอนตัวได้
7. รัฐผู้โอนยังคงไว้ซึ่งอำนาจแต่ผู้เดียวที่จะแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกคำพิพากษาของตน
8. การลงโทษนักโทษที่ถูกโอนตัว ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของ รัฐผู้รับ
9. รัฐผู้โอนยังคงไว้ซึ่งอำนาจในการให้อภัยโทษ หรือลดโทษแก่นักโทษที่ถูกโอนตัวไปแล้ว
10. ความตกลงนี้จะมีผลเมื่อมีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร และสามารถยกเลิกได้ โดยการแจ้งให้รัฐภาคีอีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้า 6 เดือน ในการปฏิบัติให้เป็นไปตามพันธกรณีตามความตกลงฯ นั้น สามารถทำได้ เนื่องจาก ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ. 2527 และพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2530 เป็นกฎหมายรองรับทำให้สามารถปฏิบัติตามพันธกรณีในความตกลงฯ ได้ ตามข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทย ณ เดือนมีนาคม 2544 มีนักโทษชาว ออสเตรเลียในเรือนจำไทย 14 คน เป็นนักโทษชาย 12 คน นักโทษหญิง 2 คน ส่วนใหญ่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7--จบ--
-อน-
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2544 ณ กรุงฮานอย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและนาย Alexander Downer รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียได้ลงนาม ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลออสเตรเลียว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิด และความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญาหรือเรียกสั้นๆ ว่า ความตกลงโอนตัวนักโทษไทย-ออสเตรเลีย สำหรับประเทศไทย คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ 24 กรกฎาคม 2544 อนุมัติให้ลงนามความตกลงดังกล่าวพร้อมทั้งอนุมัติให้มีการให้สัตยาบันความตกลงฯ และเมื่อรัฐบาลออสเตรเลียให้สัตยาบันก็จะทำให้ความตกลงมีผลบังคับใช้ อันจะทำให้รัฐบาลแต่ละฝ่ายสามารถร้องขอให้มีการโอนตัวนักโทษระหว่างกันได้ ขณะนี้ไทยได้ทำความตกลงโอนตัวนักโทษกับประเทศต่างๆ แล้ว 16 ประเทศ และอยู่ในระหว่างการเจรจาอีกหลายประเทศ ความตกลงฯ ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในการเป็นพื้นฐานให้รัฐบาลแต่ละฝ่ายสามารถ ที่จะช่วยผู้กระทำผิดในคดีอาญาหรือนักโทษซึ่งเป็นคนชาติตนให้สามารถกลับไปรับโทษต่อในสังคมของตนเอง โดยจะได้ใกล้ชิดกับญาติพี่น้องและอยู่ในสังคมที่มีวัฒนธรรมเดียวกัน สาระสำคัญของความตกลงฯ มีดังนี้
1. การโอนตัวจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐผู้โอน รัฐผู้รับ และจากตัวนักโทษเอง
2. ต้องได้รับความผิดทางอาญาที่ลงโทษได้ทั้งในรัฐผู้รับและในรัฐผู้โอน
3. นักโทษต้องเป็นคนชาติของรัฐผู้รับ
4. นักโทษที่ทำความผิดต่อความมั่นคงภายในและภายนอกของรัฐ ความผิดต่อ องค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระราชโอรส และพระราชธิดา หรือเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครอง สมบัติที่มีค่าทางศิลปะของชาติจะไม่ได้รับการโอนตัว
5. โทษจำคุกที่เหลือจะต้องไม่ต่ำกว่า 1 ปี
6. รัฐผู้โอนจะกำหนดระยะเวลารับโทษขั้นต่ำตามที่กฎหมายภายในของตนที่นักโทษ จะต้องได้รับในรัฐผู้โอนก่อนได้รับการพิจารณาให้โอนตัวได้
7. รัฐผู้โอนยังคงไว้ซึ่งอำนาจแต่ผู้เดียวที่จะแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกคำพิพากษาของตน
8. การลงโทษนักโทษที่ถูกโอนตัว ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของ รัฐผู้รับ
9. รัฐผู้โอนยังคงไว้ซึ่งอำนาจในการให้อภัยโทษ หรือลดโทษแก่นักโทษที่ถูกโอนตัวไปแล้ว
10. ความตกลงนี้จะมีผลเมื่อมีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร และสามารถยกเลิกได้ โดยการแจ้งให้รัฐภาคีอีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้า 6 เดือน ในการปฏิบัติให้เป็นไปตามพันธกรณีตามความตกลงฯ นั้น สามารถทำได้ เนื่องจาก ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ. 2527 และพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2530 เป็นกฎหมายรองรับทำให้สามารถปฏิบัติตามพันธกรณีในความตกลงฯ ได้ ตามข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทย ณ เดือนมีนาคม 2544 มีนักโทษชาว ออสเตรเลียในเรือนจำไทย 14 คน เป็นนักโทษชาย 12 คน นักโทษหญิง 2 คน ส่วนใหญ่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7--จบ--
-อน-