กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (21 เม.ย.2543) ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางไปตรวจสอบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหากรณี Poipet Resorts Casino ได้ถมดินล้ำเขตแดนไทย-กัมพูชาด้านคลองลึก กับห้วยพรมโหต อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วและรับฟังการบรรยายสรุปจากนายนาวิน ขันธหิรัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว
ในโอกาสนี้ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน ณ บริเวณปากคลองลึก สรุปได้ดังนี้
1. ปัญหาการถมดินรุกล้ำเขตแดนไทย-กัมพูชา ของ Poipet Resorts Casino ในเขตจังหวัดบันเตียเมียนเจยคงจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า โดยฝ่ายกัมพูชาสามารถขุดดินที่ถมรุกล้ำกลับเข้าสู่พื้นที่เขตแดนกัมพูชาสำเร็จไปกว่าร้อยละ 90 แล้ว และจากการตรวจพื้นที่ปัญหาครั้งนี้ พบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ดำเนินการอย่างจริงจังตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2543 ภายหลังได้รับการร้องขอและการประสานงานของเจ้าหน้าที่ทุกระดับของฝ่ายไทย
แม้ว่าการดำเนินการขุดดินจะล่าช้าไปบ้างเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่อำนวย แต่ฝ่ายกัมพูชาก็ได้ดำเนินการอย่างจริงจังและให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทยอย่างเต็มที่ จึงเชื่อว่าดินส่วนที่เหลือจะขุดเสร็จได้ในไม่ช้า
2. ฝ่ายไทยถือว่าความพยายามแก้ไขปัญหาของกัมพูชาสะท้อนถึงการให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัมพูชาและไทย ซึ่ง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แสดงความยินดีต่อการตอบสนองคำร้องขอของรัฐบาลไทยที่ต้องการให้จังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชาเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสองวันที่ผ่านมา ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้โทรศัพท์ถึงนายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา แสดงความขอบคุณรัฐบาลกัมพูชาในเรื่องนี้แล้ว
3. อนึ่ง เมื่อการดำเนินการขุดดินกลับคืนเขตกัมพูชาเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ และกรมแผนที่ทหาร จะได้ทำการตรวจสอบความถูกต้องของแนวเขตแดนเดิม หลังจากนั้นจังหวัดสระแก้ว-จังหวัดบันเตียเมียนเจย จะพิจารณาลงนามบันทึกความตกลงระดับท้องถิ่นเพื่อเป็นหลักฐานต่อไป
4. ต่อข้อซักถามเกี่ยวกับการเจรจาปักปันในเขตแดนไทย-กัมพูชานั้น ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ไทย-กัมพูชา กำลังเจรจากันในเรื่องกรอบทางกฎหมายสำหรับการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบกระหว่างกัน ทั้งนี้ ฝ่ายไทยถือว่ากรอบทางกฎหมายมีความสำคัญที่สุดสำหรับการสร้างความมั่นใจและความเข้าใจที่ตรงกันเกี่ยวกับการปักปันเขตแดนทางบกไทย-กัมพูชา ขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายกำลังยกร่างกรอบทางกฏหมายดังกล่าวอยู่ และคาดว่าในการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา จะสามารถหาข้อยุติเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
5. ต่อข้อซักถามเกี่ยวกับปัญหาที่ราษฎรกัมพูชาอาจรุกล้ำเขตแดนไทยในพื้นที่อื่น ๆ นั้น ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวว่า หน่วยราชการระดับท้องถิ่นในพื้นที่ของไทยจะต้องคอยสอดส่องดูแล และหากมีปัญหาการรุกล้ำเขตแดนเกิดขึ้น ก็ต้องรีบรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมต่อไป
อนึ่ง เมื่อปี 2542 ไทย-กัมพูชา ได้ลงนามความตกลงระหว่างกันว่า ในขณะที่ทั้งสองฝ่าย ยังไม่ได้ดำเนินการปักปันเขตแดนให้แล้วเสร็จทั้งสองฝ่ายก็จะไม่กระทำการใด ๆ ที่กระทบกระเทือนเขตแดนระหว่างกัน และเมื่อเกิดปัญหารุกล้ำเขตแดนเกิดขึ้น ทั้ง 2 ฝ่ายก็จะหารือและแก้ไขในระดับท้องถิ่นต่อไป--จบ--
-อน-
วันนี้ (21 เม.ย.2543) ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางไปตรวจสอบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหากรณี Poipet Resorts Casino ได้ถมดินล้ำเขตแดนไทย-กัมพูชาด้านคลองลึก กับห้วยพรมโหต อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วและรับฟังการบรรยายสรุปจากนายนาวิน ขันธหิรัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว
ในโอกาสนี้ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน ณ บริเวณปากคลองลึก สรุปได้ดังนี้
1. ปัญหาการถมดินรุกล้ำเขตแดนไทย-กัมพูชา ของ Poipet Resorts Casino ในเขตจังหวัดบันเตียเมียนเจยคงจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า โดยฝ่ายกัมพูชาสามารถขุดดินที่ถมรุกล้ำกลับเข้าสู่พื้นที่เขตแดนกัมพูชาสำเร็จไปกว่าร้อยละ 90 แล้ว และจากการตรวจพื้นที่ปัญหาครั้งนี้ พบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ดำเนินการอย่างจริงจังตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2543 ภายหลังได้รับการร้องขอและการประสานงานของเจ้าหน้าที่ทุกระดับของฝ่ายไทย
แม้ว่าการดำเนินการขุดดินจะล่าช้าไปบ้างเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่อำนวย แต่ฝ่ายกัมพูชาก็ได้ดำเนินการอย่างจริงจังและให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทยอย่างเต็มที่ จึงเชื่อว่าดินส่วนที่เหลือจะขุดเสร็จได้ในไม่ช้า
2. ฝ่ายไทยถือว่าความพยายามแก้ไขปัญหาของกัมพูชาสะท้อนถึงการให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัมพูชาและไทย ซึ่ง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แสดงความยินดีต่อการตอบสนองคำร้องขอของรัฐบาลไทยที่ต้องการให้จังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชาเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสองวันที่ผ่านมา ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้โทรศัพท์ถึงนายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา แสดงความขอบคุณรัฐบาลกัมพูชาในเรื่องนี้แล้ว
3. อนึ่ง เมื่อการดำเนินการขุดดินกลับคืนเขตกัมพูชาเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ และกรมแผนที่ทหาร จะได้ทำการตรวจสอบความถูกต้องของแนวเขตแดนเดิม หลังจากนั้นจังหวัดสระแก้ว-จังหวัดบันเตียเมียนเจย จะพิจารณาลงนามบันทึกความตกลงระดับท้องถิ่นเพื่อเป็นหลักฐานต่อไป
4. ต่อข้อซักถามเกี่ยวกับการเจรจาปักปันในเขตแดนไทย-กัมพูชานั้น ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ไทย-กัมพูชา กำลังเจรจากันในเรื่องกรอบทางกฎหมายสำหรับการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบกระหว่างกัน ทั้งนี้ ฝ่ายไทยถือว่ากรอบทางกฎหมายมีความสำคัญที่สุดสำหรับการสร้างความมั่นใจและความเข้าใจที่ตรงกันเกี่ยวกับการปักปันเขตแดนทางบกไทย-กัมพูชา ขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายกำลังยกร่างกรอบทางกฏหมายดังกล่าวอยู่ และคาดว่าในการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา จะสามารถหาข้อยุติเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
5. ต่อข้อซักถามเกี่ยวกับปัญหาที่ราษฎรกัมพูชาอาจรุกล้ำเขตแดนไทยในพื้นที่อื่น ๆ นั้น ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวว่า หน่วยราชการระดับท้องถิ่นในพื้นที่ของไทยจะต้องคอยสอดส่องดูแล และหากมีปัญหาการรุกล้ำเขตแดนเกิดขึ้น ก็ต้องรีบรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมต่อไป
อนึ่ง เมื่อปี 2542 ไทย-กัมพูชา ได้ลงนามความตกลงระหว่างกันว่า ในขณะที่ทั้งสองฝ่าย ยังไม่ได้ดำเนินการปักปันเขตแดนให้แล้วเสร็จทั้งสองฝ่ายก็จะไม่กระทำการใด ๆ ที่กระทบกระเทือนเขตแดนระหว่างกัน และเมื่อเกิดปัญหารุกล้ำเขตแดนเกิดขึ้น ทั้ง 2 ฝ่ายก็จะหารือและแก้ไขในระดับท้องถิ่นต่อไป--จบ--
-อน-