แท็ก
เครดิต
1. NPL คงค้างของระบบสถาบันการเงิน (ไม่รวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์)
1.1 ระบบสถาบันการเงิน (ไม่รวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์) มี NPL คงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2544 ทั้งสิ้น 615.1 พันล้านบาท และสินเชื่อรวม 4,846.3 พันล้านบาท ในเดือนนี้ NPL เพิ่มขึ้นสุทธิ 8.1 พันล้านบาท เนื่องจาก NPL รายใหม่และ Re-entry เพิ่มขึ้น ขณะที่การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ลดลงและไม่มีปัจจัยการโอนหนี้ไปยัง AMC หรือการตัดหนี้จัดชั้นสงสัยจะสูญที่กันสำรองครบแล้วออกจากบัญชีที่ทำให้ NPL ลดลง อัตราส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมของระบบสถาบันการเงิน ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2544 เท่ากับ ร้อยละ 12.69 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 12.68 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2544
1.2 NPL ของระบบสถาบันการเงิน (ไม่รวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและ บริษัทเครดิตฟองซิเอร์) แยกตามกลุ่มสถาบันการเงินได้ดังนี้
1.2.1 ธนาคารเอกชนมี NPL คงค้างทั้งสิ้น 476.9 พันล้านบาท เทียบกับสินเชื่อรวม 2,657.0 พันล้านบาท เท่ากับร้อยละ 17.95
1.2.2 ธนาคารของรัฐมี NPL คงค้างทั้งสิ้น 92.5 พันล้านบาท เทียบกับสินเชื่อรวม 1,448.0 พันล้านบาท เท่ากับร้อยละ 6.39
1.2.3 สาขาธนาคารต่างประเทศมี NPL คงค้างทั้งสิ้น 20.8 พันล้านบาท เทียบกับสินเชื่อรวม 585.7 พันล้านบาท เท่ากับร้อยละ 3.55
1.2.4 บริษัทเงินทุนมี NPL คงค้างทั้งสิ้น 24.9 พันล้านบาท เทียบกับสินเชื่อรวม 155.6พันล้านบาท เท่ากับร้อยละ 15.98
1.3 ภาคธุรกิจที่มี NPL คงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2544 จำนวนสูงแยกได้ดังนี้
1.3.1ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมมี NPL คงค้าง 128.6 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.91 NPL ทั้งสิ้น
1.3.2 ภาคธุรกิจอุปโภคบริโภคมี NPL คงค้าง 112.0 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18.21 ของ NPL ทั้งสิ้น
1.3.3 ภาคธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกมี NPL คงค้าง 109.2 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.75 ของ NPL ทั้งสิ้น
1.3.4 ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มี NPL คงค้าง 86.2 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14.02 ของ NPL ทั้งสิ้น
2.การเปลี่ยนแปลง NPL ของระบบสถาบันการเงิน (ไม่รวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคาร ต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์)
2.1 การเปลี่ยนแปลง NPL ของระบบสถาบันการเงิน (ไม่รวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์) ในเดือนกรกฎาคม 2544 แยกรายละเอียดได้ดังนี้
พันล้านบาท
2.1.1NPL คงค้าง ณ สิ้นเดือน มิ.ย.2544 607.0
2.1.2 NPL ที่เพิ่มขึ้นในเดือน ก.ค. 2544
- จำนวนใหม่ 16.0
- รายที่เคยปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 23.6 39.6
2.1.3 NPL ที่ลดลงในเดือน ก.ค. 2544
- ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (21.6)
- เหตุผลอื่น (รายละเอียดในหมายเหตุ) (9.9) (31.5)
2.1.4 NPL เพิ่มขึ้นสุทธิในเดือน ก.ค. 2544 8.1
2.1.5 NPL คงค้าง ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2544 615.1
หมายเหตุ เหตุผลอื่น ประกอบด้วย
1) NPL ที่มาชำระจนค้างไม่ถึง 3 เดือนจำนวน 4.1 พันล้านบาท
2) ตัดหนี้จัดชั้นสงสัยจะสูญที่กันสำรองครบร้อยละ 100 แล้วออกจากบัญชี รวมเป็นจำนวน 0.4 พันล้านบาท
3) อื่นๆ เช่น จำนวนเงินที่รับชำระหนี้ การตัดหนี้สูญเนื่องจากหมดสิทธิเรียกร้องการขายหนี้ เป็นต้น รวมเป็นจำนวน 5.4 พันล้านบาท
2.2 การเปลี่ยนแปลง NPL ในเดือนกรกฎาคม 2544 พิจารณาตามกลุ่มสถาบันการเงิน (ไม่รวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์) แยกได้ดังนี้
2.2.1ธนาคารเอกชนมี NPL เพิ่มขึ้นสุทธิ 6.4 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.36 ของ NPL ณ สิ้นเดือนก่อนซึ่งมีจำนวน 470.5 พันล้านบาท
2.2.2 ธนาคารของรัฐมี NPL เพิ่มขึ้นสุทธิ 2.7 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.97 ของ NPL ณ สิ้นเดือนก่อน ซึ่งมีจำนวน 89.9 พันล้านบาท
2.2.3 สาขาธนาคารต่างประเทศมี NPL ลดลงสุทธิ 1.7 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7.39 ของ NPL ณ สิ้นเดือนก่อนซึ่งมีจำนวน 22.5 พันล้านบาท
2.2.4 บริษัทเงินทุนมี NPL เพิ่มขึ้นสุทธิ 0.7 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.83 ของ NPL ณ สิ้นเดือนก่อนซึ่งมีจำนวน 24.2 พันล้านบาท
2.3 การเปลี่ยนแปลง NPL ในเดือนกรกฎาคม 2544 แยกตามภาคธุรกิจได้ดังนี้
2.3.1 NPL รายใหม่ที่เพิ่มขึ้นจำนวน 16.0 พันล้านบาท อยู่ในภาคธุรกิจอุตสาหกรรม 2.7 พันล้านบาท ภาคธุรกิจการนำสินค้าเข้า 2.7 พันล้านบาท และภาคธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก 2.5 พันล้านบาท
2.3.2 NPL ที่เพิ่มขึ้นจากรายที่เคยปรับปรุงโครงสร้างหนี้จำนวน 23.7 พันล้านบาท อยู่ในภาคธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ 7.0 พันล้านบาท ภาคธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก 5.8 พันล้านบาท ภาคธุรกิจอุตสาหกรรม 3.2 พันล้านบาท และภาคธุรกิจอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล 2.8 พันล้านบาท
3.NPL ของสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์
3.1 สำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศมี NPL คงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2544 ทั้งสิ้น 4.8 พันล้านบาท เท่ากับร้อยละ 7.12 ของสินเชื่อรวม 67.2 พันล้านบาท
3.2 บริษัทเครดิตฟองซิเอร์มี NPL คงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2544 ทั้งสิ้น 0.9 พันล้านบาท เท่ากับร้อยละ 28.43 ของสินเชื่อรวม 3.3 พันล้านบาท
4. NPL คงค้างของระบบสถาบันการเงินรวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์
ระบบสถาบันการเงินรวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ มี NPL คงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2544 ทั้งสิ้น 620.8 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้นสุทธิจากเดือนก่อน 8.4 พันล้านบาท) เทียบกับสินเชื่อรวม 4,916.8 พันล้านบาท เท่ากับร้อยละ 12.63 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 12.58 ณ สิ้นเดือนก่อน
5.NPL คงค้างหลังหักเงินสำรอง
5.1 ระบบสถาบันการเงิน ไม่รวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์) ได้กันเงินสำรองสำหรับ NPL ส่วนที่ไม่มีหลักประกันรองรับไว้แล้วจำนวน 202.0 พันล้านบาท ดังนั้น NPL หลังหักเงินสำรองจึงมีจำนวนเท่ากับ 413.1 พันล้านบาท และสินเชื่อทั้งสิ้นหลังหักเงินสำรองเท่ากับ 4,644.4 พันล้านบาท NPL หลังหักเงินสำรองต่อสินเชื่อทั้งสิ้นหลังหักเงินสำรองเท่ากับร้อยละ 8.89
5.2 ระบบสถาบันการเงินรวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ได้กันเงินสำรองสำหรับ NPL ส่วนที่ไม่มีหลักประกันรองรับไว้แล้วจำนวน 205.1 พันล้านบาท ดังนั้น NPL หลังหักเงินสำรองจึงมีจำนวนเท่ากับ 415.7 พันล้านบาท และสินเชื่อทั้งสิ้นหลังหักเงินสำรองเท่ากับ 4,711.7 พันล้านบาท NPL หลังหักเงินสำรองต่อสินเชื่อทั้งสิ้นหลังหักเงินสำรองเท่ากับร้อยละ 8.82
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/4 กันยายน 2544--
-ยก-
1.1 ระบบสถาบันการเงิน (ไม่รวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์) มี NPL คงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2544 ทั้งสิ้น 615.1 พันล้านบาท และสินเชื่อรวม 4,846.3 พันล้านบาท ในเดือนนี้ NPL เพิ่มขึ้นสุทธิ 8.1 พันล้านบาท เนื่องจาก NPL รายใหม่และ Re-entry เพิ่มขึ้น ขณะที่การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ลดลงและไม่มีปัจจัยการโอนหนี้ไปยัง AMC หรือการตัดหนี้จัดชั้นสงสัยจะสูญที่กันสำรองครบแล้วออกจากบัญชีที่ทำให้ NPL ลดลง อัตราส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมของระบบสถาบันการเงิน ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2544 เท่ากับ ร้อยละ 12.69 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 12.68 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2544
1.2 NPL ของระบบสถาบันการเงิน (ไม่รวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและ บริษัทเครดิตฟองซิเอร์) แยกตามกลุ่มสถาบันการเงินได้ดังนี้
1.2.1 ธนาคารเอกชนมี NPL คงค้างทั้งสิ้น 476.9 พันล้านบาท เทียบกับสินเชื่อรวม 2,657.0 พันล้านบาท เท่ากับร้อยละ 17.95
1.2.2 ธนาคารของรัฐมี NPL คงค้างทั้งสิ้น 92.5 พันล้านบาท เทียบกับสินเชื่อรวม 1,448.0 พันล้านบาท เท่ากับร้อยละ 6.39
1.2.3 สาขาธนาคารต่างประเทศมี NPL คงค้างทั้งสิ้น 20.8 พันล้านบาท เทียบกับสินเชื่อรวม 585.7 พันล้านบาท เท่ากับร้อยละ 3.55
1.2.4 บริษัทเงินทุนมี NPL คงค้างทั้งสิ้น 24.9 พันล้านบาท เทียบกับสินเชื่อรวม 155.6พันล้านบาท เท่ากับร้อยละ 15.98
1.3 ภาคธุรกิจที่มี NPL คงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2544 จำนวนสูงแยกได้ดังนี้
1.3.1ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมมี NPL คงค้าง 128.6 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.91 NPL ทั้งสิ้น
1.3.2 ภาคธุรกิจอุปโภคบริโภคมี NPL คงค้าง 112.0 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18.21 ของ NPL ทั้งสิ้น
1.3.3 ภาคธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกมี NPL คงค้าง 109.2 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.75 ของ NPL ทั้งสิ้น
1.3.4 ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มี NPL คงค้าง 86.2 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14.02 ของ NPL ทั้งสิ้น
2.การเปลี่ยนแปลง NPL ของระบบสถาบันการเงิน (ไม่รวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคาร ต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์)
2.1 การเปลี่ยนแปลง NPL ของระบบสถาบันการเงิน (ไม่รวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์) ในเดือนกรกฎาคม 2544 แยกรายละเอียดได้ดังนี้
พันล้านบาท
2.1.1NPL คงค้าง ณ สิ้นเดือน มิ.ย.2544 607.0
2.1.2 NPL ที่เพิ่มขึ้นในเดือน ก.ค. 2544
- จำนวนใหม่ 16.0
- รายที่เคยปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 23.6 39.6
2.1.3 NPL ที่ลดลงในเดือน ก.ค. 2544
- ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (21.6)
- เหตุผลอื่น (รายละเอียดในหมายเหตุ) (9.9) (31.5)
2.1.4 NPL เพิ่มขึ้นสุทธิในเดือน ก.ค. 2544 8.1
2.1.5 NPL คงค้าง ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2544 615.1
หมายเหตุ เหตุผลอื่น ประกอบด้วย
1) NPL ที่มาชำระจนค้างไม่ถึง 3 เดือนจำนวน 4.1 พันล้านบาท
2) ตัดหนี้จัดชั้นสงสัยจะสูญที่กันสำรองครบร้อยละ 100 แล้วออกจากบัญชี รวมเป็นจำนวน 0.4 พันล้านบาท
3) อื่นๆ เช่น จำนวนเงินที่รับชำระหนี้ การตัดหนี้สูญเนื่องจากหมดสิทธิเรียกร้องการขายหนี้ เป็นต้น รวมเป็นจำนวน 5.4 พันล้านบาท
2.2 การเปลี่ยนแปลง NPL ในเดือนกรกฎาคม 2544 พิจารณาตามกลุ่มสถาบันการเงิน (ไม่รวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์) แยกได้ดังนี้
2.2.1ธนาคารเอกชนมี NPL เพิ่มขึ้นสุทธิ 6.4 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.36 ของ NPL ณ สิ้นเดือนก่อนซึ่งมีจำนวน 470.5 พันล้านบาท
2.2.2 ธนาคารของรัฐมี NPL เพิ่มขึ้นสุทธิ 2.7 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.97 ของ NPL ณ สิ้นเดือนก่อน ซึ่งมีจำนวน 89.9 พันล้านบาท
2.2.3 สาขาธนาคารต่างประเทศมี NPL ลดลงสุทธิ 1.7 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7.39 ของ NPL ณ สิ้นเดือนก่อนซึ่งมีจำนวน 22.5 พันล้านบาท
2.2.4 บริษัทเงินทุนมี NPL เพิ่มขึ้นสุทธิ 0.7 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.83 ของ NPL ณ สิ้นเดือนก่อนซึ่งมีจำนวน 24.2 พันล้านบาท
2.3 การเปลี่ยนแปลง NPL ในเดือนกรกฎาคม 2544 แยกตามภาคธุรกิจได้ดังนี้
2.3.1 NPL รายใหม่ที่เพิ่มขึ้นจำนวน 16.0 พันล้านบาท อยู่ในภาคธุรกิจอุตสาหกรรม 2.7 พันล้านบาท ภาคธุรกิจการนำสินค้าเข้า 2.7 พันล้านบาท และภาคธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก 2.5 พันล้านบาท
2.3.2 NPL ที่เพิ่มขึ้นจากรายที่เคยปรับปรุงโครงสร้างหนี้จำนวน 23.7 พันล้านบาท อยู่ในภาคธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ 7.0 พันล้านบาท ภาคธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก 5.8 พันล้านบาท ภาคธุรกิจอุตสาหกรรม 3.2 พันล้านบาท และภาคธุรกิจอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล 2.8 พันล้านบาท
3.NPL ของสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์
3.1 สำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศมี NPL คงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2544 ทั้งสิ้น 4.8 พันล้านบาท เท่ากับร้อยละ 7.12 ของสินเชื่อรวม 67.2 พันล้านบาท
3.2 บริษัทเครดิตฟองซิเอร์มี NPL คงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2544 ทั้งสิ้น 0.9 พันล้านบาท เท่ากับร้อยละ 28.43 ของสินเชื่อรวม 3.3 พันล้านบาท
4. NPL คงค้างของระบบสถาบันการเงินรวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์
ระบบสถาบันการเงินรวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ มี NPL คงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2544 ทั้งสิ้น 620.8 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้นสุทธิจากเดือนก่อน 8.4 พันล้านบาท) เทียบกับสินเชื่อรวม 4,916.8 พันล้านบาท เท่ากับร้อยละ 12.63 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 12.58 ณ สิ้นเดือนก่อน
5.NPL คงค้างหลังหักเงินสำรอง
5.1 ระบบสถาบันการเงิน ไม่รวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์) ได้กันเงินสำรองสำหรับ NPL ส่วนที่ไม่มีหลักประกันรองรับไว้แล้วจำนวน 202.0 พันล้านบาท ดังนั้น NPL หลังหักเงินสำรองจึงมีจำนวนเท่ากับ 413.1 พันล้านบาท และสินเชื่อทั้งสิ้นหลังหักเงินสำรองเท่ากับ 4,644.4 พันล้านบาท NPL หลังหักเงินสำรองต่อสินเชื่อทั้งสิ้นหลังหักเงินสำรองเท่ากับร้อยละ 8.89
5.2 ระบบสถาบันการเงินรวมสำนักงานวิเทศธนกิจของธนาคารต่างประเทศและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ได้กันเงินสำรองสำหรับ NPL ส่วนที่ไม่มีหลักประกันรองรับไว้แล้วจำนวน 205.1 พันล้านบาท ดังนั้น NPL หลังหักเงินสำรองจึงมีจำนวนเท่ากับ 415.7 พันล้านบาท และสินเชื่อทั้งสิ้นหลังหักเงินสำรองเท่ากับ 4,711.7 พันล้านบาท NPL หลังหักเงินสำรองต่อสินเชื่อทั้งสิ้นหลังหักเงินสำรองเท่ากับร้อยละ 8.82
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/4 กันยายน 2544--
-ยก-