การนำเข้ากุ้งของสหรัฐฯ ในปี 2000 มีมูลค่าทั้งสิ้น 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 (331,706 เมตริกตัน)
โดยมีปริมาณนำเข้ารวมทั้งสิ้น 345,077 เมตริกตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2542 ร้อยละ 4 ประเทศไทย เป็นแหล่งอุปทานการนำเข้ากุ้งที่สำคัญ
ของสหรัฐฯ และมีแนวโน้มว่าจะสามารถขยายส่วนแบ่งตลาดนำเข้าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในปี 1999 ไทยถือครองส่วนแบ่งตลาดนำเข้ากุ้งสหรัฐฯ
ร้อยละ 25 ในปี 2000 ส่วนแบ่งตลาดนำเข้าของไทยได้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 37 มูลค่าการนำเข้าจากไทยก็มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
สินค้าส่วนใหญ่ที่สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยคือกุ้งที่ผ่านขบวนการเตรียมการแล้ว ซึ่งมูลค่านำเข้าจากไทยคิดเป็นร้อยละ 80 ของมูลค่านำเข้ารวมทั้งสิ้น
ของสหรัฐฯ เอกวาดอร์ เคยเป็นแหล่งอุปทานนำเข้ากุ้งสำคัญของสหรัฐฯ รองจากประเทศไทย แต่ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมาการนำเข้าจาก
เอกวาดอร์เริ่มลดลงเป็นผลสืบเนื่องมาจากปัจจัยหลายประการด้วยกันคือ ปัญหาการระบาดของโรคไวรัสกุ้ง ผลกระทบจากสภาวะอากาศ
El Nino และจากการเปลี่ยนการผลิตกุ้งไปเป็นการผลิตปลา tilapia เพิ่มขึ้น (รายละเอียดการผลิตกุ้งของเอกวาดอร์ตามเอกสารแนบ)
มีรายงานว่าเมื่อต้นปี 2001 เอกวาดอร์ได้ทำการนำเข้าตัวอ่อนกุ้งจำนวน 8 ล้านตัว กุ้งเหล่านี้จะโตถึงขนาดจับได้ในเดือนเมษายน
2001 คาดว่าเมื่อถึงฤดูหนาวที่จะถึง เอกวาดอร์จะมีกุ้งส่งออกในปริมาตร 5,000-6,000 เมตริกตันต่อเดือน เปรียบเทียบกับจำนวน 3,000
เมตริกตันต่อเดือนที่เอกวาดอร์ทำการส่งออกในเดือนธันวาคม 2000 และมกราคม 2001 มีการพยากรณ์ว่าในปี 2001 เอกวาดอร์จะสามารถ
ส่งออกกุ้งได้ในมูลค่าประมาณ 300 ล้านเหรียญฯ และอุตสาหกรรมผลิตกุ้งของเอกวาดอร์ควรจะฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ในปี 2002
เม็กซิโก การนำเข้าจากเม็กซิโกก็ลดลงอย่างมากเช่นเดียวกับการนำเข้าจากเอกวาดอร์ ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากปัญหาที่คล้ายคลึงกันคือ
สภาวะการเปลี่ยนแปลงของอากาศเข้าสู่ El Nino และการระบาดของไวรัสกุ้งที่ติดมาจากเอกวาดอร์ และการห้ามจับกุ้งในอ่าวเม็กซิโก
อย่างไรก็ดี แม้ว่าการนำเข้าจากเม็กซิโกจะลดลง แต่มูลค่าการนำเข้ายังคงเพิ่มขึ้นเนื่องจากกุ้งที่เม็กซิโกส่งเข้าตลาดสหรัฐฯ ในปัจจุบันเป็นกุ้งขาว
ขนาดใหญ่ซึ่งมีราคาในตลาดในระดับสูง
การนำเข้าจากเอกวาดอร์และเม็กซิโกที่ลดลงถูกแทนที่ด้วยการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจากแหล่งอุปทานในอเมริกากลางเช่น ปานามา คอสตาริกา
และฮอนดูรัส และในเอเชียเช่น จีน และอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเข้าจากจีนที่แนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การนำเข้า
จากจีนในปี 2000 มีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 1999 เกินกว่าเท่าตัว แม้ว่ามูลค่าการนำเข้าจากจีนจะไม่มากนักก็ตาม แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าในอนาคต
การนำเข้าจากจีนมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ประเทศที่เป็นแหล่งอุปทานกุ้งสำคัญของสหรัฐฯ ในปี 2000 ได้แก่
ประเทศ ปริมาตรนำเข้าสหรัฐฯ อัตราเปลี่ยนแปลง ในปี 2542/2543 (ร้อยละ)
(เมตริกตัน)
ไทย 126,446 10.4
เม็กซิโก 29,074 -17
อินเดีย 28,375 81
เอกวาดอร์ 19,000 -62
จีน 18,203 104
อินโดนีเซีย 16,757-
เวียดนาม 15,718 95
เวเนซูเอลา 14,885-
บังกลาเทศ 10,222-
แคนาดา 8,851-
ที่มา : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส
การผลิตกุ้งของประเทศเอกวาดอร์
การผลิตจากการสำรวจศึกษาพบว่า ประมาณร้อยละ 90 ของผลผลิตกุ้งของประเทศเอกวาดอร์เป็นกุ้งที่ได้มาจากการเพาะเลี้ยง
มีเพียงร้อยละ 10 เป็นกุ้งที่จับได้จากน้ำอุ่นชายฝั่งทะเลแปซิฟิก ความได้เปรียบในสภาพดินฟ้าอากาศและที่ตั้งภูมิประเทศของเอกวาดอร์
ทำให้เหมาะต่อการเจริญเติบโตของกุ้งขาว (WHITE SHRIMP) ที่มีชื่อพันธุ์เรียกว่า LITOPENAEUS VANAMEI ทำให้กุ้งเอกวาดอร์มีรสชาติดี
และมีสีสันชวนรับประทาน
การเพาะเลี้ยงฟาร์มกุ้งของประเทศในทวีปอเมริกา มีจำนวนทั้งสิ้น 17 ประเทศนับตั้งแต่ สหรัฐอเมริกาจนถึงประเทศบราซิล
ในปี 2542 มีผลผลิตกุ้งทั้งสิ้น 172,000 ตัน ในจำนวนนี้ เฉพาะเอกวาดอร์ประเทศเดียว ผลิตกุ้งได้มากกว่าร้อยละ 50 ของผลผลิตทั้งหมด
หรือมีจำนวนกว่า 86,000 ตัน ผลผลิตกุ้งของทวีปอเมริกาทั้งหมดจะมีน้อยกว่าร้อยละ 30 ของผลผลิตกุ้งทั่วโลก และประมาณร้อยละ 70 เป็นกุ้ง
ที่ผลิตจากประเทศในทวีปเอเชีย อย่างไรก็ตาม เอกวาดอร์เป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกกุ้งมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก
การส่งออกและตลาดส่งออกที่สำคัญ
เอกวาดอร์ส่งออกกุ้งไปยังทวีปอเมริกามากกว่าร้อยละ 55 ของการส่งออกทั้งสิ้น (ในจำนวนนี้เฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา
มีสัดส่วนถึงร้อยละ 52 ประเทศอื่น ๆ ที่เหลือมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 3) ทวีปยุโรปมีสัดส่วนร้อยละ 29 และทวีปเอเชียมีสัดส่วนร้อยละ 16
ตลาดส่งออกกุ้งที่สำคัญของเอกวาดอร์ นอกจากสหรัฐฯ ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ก็มี อิตาลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น สเปน เนเธอร์แลนด์
ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม ชิลี แคนาดา อังกฤษ จีน เยอรมนี เม็กซิโก คิวบา เกาหลีใต้ ฮ่องกง โคลัมเบีย และปอร์โตริโก เป็นต้น
ศักยภาพทางด้านการตลาดสินค้ากุ้งของเอกวาดอร์
อาจกล่าวได้ว่า กุ้งที่เอกวาดอร์ผลิตได้ซึ่งเรียกว่ากุ้งขาว (WHITE SHRIMP) มีจุดเด่นที่ทำให้ผู้บริโภคนิยมมากกว่ากุ้งกุลาดำของไทย
คือนอกจากจะมีรสชาติดีแล้ว ยังมีสีสันสวยงามกวากุ้งกุลาดำของไทย ประกอบกับทางการเอกวาดอร์ได้ให้ความเข้มงวดกวดขันเกี่ยวกับการเพาะ
เลี้ยงที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและการส่งออกที่ต้องได้มาตรฐานคงที่และอย่างสม่ำเสมอ จนเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ เช่น องค์การอาหารและยา
(FDA) ของสหรัฐอเมริกา ฝ่ายสัตวแพทย์ของสหภาพยุโรป (EU Department of Veterinary) องค์กรคุ้มครองผู้บริโภคของญี่ปุ่น
(Consumer Protection Organization in Japan) และองค์กรตรวจสอบอาหารของแคนาดา (Food Inspection Organization
of Canada) จึงทำให้กุ้งเอกวาดอร์เป็นที่นิยมแพร่หลายและสามารถส่งไปจำหน่ายทั่วโลก
นอกจากนั้น ในเอกสารเผยแพร่ข้อมูลสินค้ากุ้งของเอกวาดอร์ ยังได้ระบุว่า กุ้งเป็นอาหารที่ไม่มีไขมันอิ่มตัว และอุดมสมบูรณ์ไปด้วย
OMEGA 3 ซึ่งช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือดได้อีกด้วย (Shrimp does not contain saturated fat, additionally
it possesses a high percentage of Omega 3, which allows to lower the levels of cholesterol in blood)
จึงช่วยทำให้สินค้ากุ้งของเอกวาดอร์มีศักยภาพทางด้านการตลาดหรือกลยุทธ์การส่งออกค่อนข้างโดดเด่น
ดังนั้น หากผู้ผลิต/ผู้ส่งออกสินค้ากุ้งกุลาดำของไทยจะช่วยกันรักษาภาพลักษณ์ และคุณภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐานคงที่สม่ำเสมอ
พร้อมทั้งมีข้อความระบุสรรพคุณของกุ้งกุลาดำ เช่นว่า "กุ้งกุลาดำรับประทานแล้วไม่อ้วนและยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือกอีกด้วย" เป็นต้น
ซึ่งน่าจะใช้เป็นจุดขาย หรือกลยุทธ์ทางด้านการตลาดได้วีธีหนึ่ง
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 82-6623--จบ--
-สส-
โดยมีปริมาณนำเข้ารวมทั้งสิ้น 345,077 เมตริกตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2542 ร้อยละ 4 ประเทศไทย เป็นแหล่งอุปทานการนำเข้ากุ้งที่สำคัญ
ของสหรัฐฯ และมีแนวโน้มว่าจะสามารถขยายส่วนแบ่งตลาดนำเข้าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในปี 1999 ไทยถือครองส่วนแบ่งตลาดนำเข้ากุ้งสหรัฐฯ
ร้อยละ 25 ในปี 2000 ส่วนแบ่งตลาดนำเข้าของไทยได้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 37 มูลค่าการนำเข้าจากไทยก็มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
สินค้าส่วนใหญ่ที่สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยคือกุ้งที่ผ่านขบวนการเตรียมการแล้ว ซึ่งมูลค่านำเข้าจากไทยคิดเป็นร้อยละ 80 ของมูลค่านำเข้ารวมทั้งสิ้น
ของสหรัฐฯ เอกวาดอร์ เคยเป็นแหล่งอุปทานนำเข้ากุ้งสำคัญของสหรัฐฯ รองจากประเทศไทย แต่ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมาการนำเข้าจาก
เอกวาดอร์เริ่มลดลงเป็นผลสืบเนื่องมาจากปัจจัยหลายประการด้วยกันคือ ปัญหาการระบาดของโรคไวรัสกุ้ง ผลกระทบจากสภาวะอากาศ
El Nino และจากการเปลี่ยนการผลิตกุ้งไปเป็นการผลิตปลา tilapia เพิ่มขึ้น (รายละเอียดการผลิตกุ้งของเอกวาดอร์ตามเอกสารแนบ)
มีรายงานว่าเมื่อต้นปี 2001 เอกวาดอร์ได้ทำการนำเข้าตัวอ่อนกุ้งจำนวน 8 ล้านตัว กุ้งเหล่านี้จะโตถึงขนาดจับได้ในเดือนเมษายน
2001 คาดว่าเมื่อถึงฤดูหนาวที่จะถึง เอกวาดอร์จะมีกุ้งส่งออกในปริมาตร 5,000-6,000 เมตริกตันต่อเดือน เปรียบเทียบกับจำนวน 3,000
เมตริกตันต่อเดือนที่เอกวาดอร์ทำการส่งออกในเดือนธันวาคม 2000 และมกราคม 2001 มีการพยากรณ์ว่าในปี 2001 เอกวาดอร์จะสามารถ
ส่งออกกุ้งได้ในมูลค่าประมาณ 300 ล้านเหรียญฯ และอุตสาหกรรมผลิตกุ้งของเอกวาดอร์ควรจะฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ในปี 2002
เม็กซิโก การนำเข้าจากเม็กซิโกก็ลดลงอย่างมากเช่นเดียวกับการนำเข้าจากเอกวาดอร์ ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากปัญหาที่คล้ายคลึงกันคือ
สภาวะการเปลี่ยนแปลงของอากาศเข้าสู่ El Nino และการระบาดของไวรัสกุ้งที่ติดมาจากเอกวาดอร์ และการห้ามจับกุ้งในอ่าวเม็กซิโก
อย่างไรก็ดี แม้ว่าการนำเข้าจากเม็กซิโกจะลดลง แต่มูลค่าการนำเข้ายังคงเพิ่มขึ้นเนื่องจากกุ้งที่เม็กซิโกส่งเข้าตลาดสหรัฐฯ ในปัจจุบันเป็นกุ้งขาว
ขนาดใหญ่ซึ่งมีราคาในตลาดในระดับสูง
การนำเข้าจากเอกวาดอร์และเม็กซิโกที่ลดลงถูกแทนที่ด้วยการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจากแหล่งอุปทานในอเมริกากลางเช่น ปานามา คอสตาริกา
และฮอนดูรัส และในเอเชียเช่น จีน และอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเข้าจากจีนที่แนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การนำเข้า
จากจีนในปี 2000 มีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 1999 เกินกว่าเท่าตัว แม้ว่ามูลค่าการนำเข้าจากจีนจะไม่มากนักก็ตาม แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าในอนาคต
การนำเข้าจากจีนมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ประเทศที่เป็นแหล่งอุปทานกุ้งสำคัญของสหรัฐฯ ในปี 2000 ได้แก่
ประเทศ ปริมาตรนำเข้าสหรัฐฯ อัตราเปลี่ยนแปลง ในปี 2542/2543 (ร้อยละ)
(เมตริกตัน)
ไทย 126,446 10.4
เม็กซิโก 29,074 -17
อินเดีย 28,375 81
เอกวาดอร์ 19,000 -62
จีน 18,203 104
อินโดนีเซีย 16,757-
เวียดนาม 15,718 95
เวเนซูเอลา 14,885-
บังกลาเทศ 10,222-
แคนาดา 8,851-
ที่มา : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส
การผลิตกุ้งของประเทศเอกวาดอร์
การผลิตจากการสำรวจศึกษาพบว่า ประมาณร้อยละ 90 ของผลผลิตกุ้งของประเทศเอกวาดอร์เป็นกุ้งที่ได้มาจากการเพาะเลี้ยง
มีเพียงร้อยละ 10 เป็นกุ้งที่จับได้จากน้ำอุ่นชายฝั่งทะเลแปซิฟิก ความได้เปรียบในสภาพดินฟ้าอากาศและที่ตั้งภูมิประเทศของเอกวาดอร์
ทำให้เหมาะต่อการเจริญเติบโตของกุ้งขาว (WHITE SHRIMP) ที่มีชื่อพันธุ์เรียกว่า LITOPENAEUS VANAMEI ทำให้กุ้งเอกวาดอร์มีรสชาติดี
และมีสีสันชวนรับประทาน
การเพาะเลี้ยงฟาร์มกุ้งของประเทศในทวีปอเมริกา มีจำนวนทั้งสิ้น 17 ประเทศนับตั้งแต่ สหรัฐอเมริกาจนถึงประเทศบราซิล
ในปี 2542 มีผลผลิตกุ้งทั้งสิ้น 172,000 ตัน ในจำนวนนี้ เฉพาะเอกวาดอร์ประเทศเดียว ผลิตกุ้งได้มากกว่าร้อยละ 50 ของผลผลิตทั้งหมด
หรือมีจำนวนกว่า 86,000 ตัน ผลผลิตกุ้งของทวีปอเมริกาทั้งหมดจะมีน้อยกว่าร้อยละ 30 ของผลผลิตกุ้งทั่วโลก และประมาณร้อยละ 70 เป็นกุ้ง
ที่ผลิตจากประเทศในทวีปเอเชีย อย่างไรก็ตาม เอกวาดอร์เป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกกุ้งมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก
การส่งออกและตลาดส่งออกที่สำคัญ
เอกวาดอร์ส่งออกกุ้งไปยังทวีปอเมริกามากกว่าร้อยละ 55 ของการส่งออกทั้งสิ้น (ในจำนวนนี้เฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา
มีสัดส่วนถึงร้อยละ 52 ประเทศอื่น ๆ ที่เหลือมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 3) ทวีปยุโรปมีสัดส่วนร้อยละ 29 และทวีปเอเชียมีสัดส่วนร้อยละ 16
ตลาดส่งออกกุ้งที่สำคัญของเอกวาดอร์ นอกจากสหรัฐฯ ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ก็มี อิตาลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น สเปน เนเธอร์แลนด์
ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม ชิลี แคนาดา อังกฤษ จีน เยอรมนี เม็กซิโก คิวบา เกาหลีใต้ ฮ่องกง โคลัมเบีย และปอร์โตริโก เป็นต้น
ศักยภาพทางด้านการตลาดสินค้ากุ้งของเอกวาดอร์
อาจกล่าวได้ว่า กุ้งที่เอกวาดอร์ผลิตได้ซึ่งเรียกว่ากุ้งขาว (WHITE SHRIMP) มีจุดเด่นที่ทำให้ผู้บริโภคนิยมมากกว่ากุ้งกุลาดำของไทย
คือนอกจากจะมีรสชาติดีแล้ว ยังมีสีสันสวยงามกวากุ้งกุลาดำของไทย ประกอบกับทางการเอกวาดอร์ได้ให้ความเข้มงวดกวดขันเกี่ยวกับการเพาะ
เลี้ยงที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและการส่งออกที่ต้องได้มาตรฐานคงที่และอย่างสม่ำเสมอ จนเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ เช่น องค์การอาหารและยา
(FDA) ของสหรัฐอเมริกา ฝ่ายสัตวแพทย์ของสหภาพยุโรป (EU Department of Veterinary) องค์กรคุ้มครองผู้บริโภคของญี่ปุ่น
(Consumer Protection Organization in Japan) และองค์กรตรวจสอบอาหารของแคนาดา (Food Inspection Organization
of Canada) จึงทำให้กุ้งเอกวาดอร์เป็นที่นิยมแพร่หลายและสามารถส่งไปจำหน่ายทั่วโลก
นอกจากนั้น ในเอกสารเผยแพร่ข้อมูลสินค้ากุ้งของเอกวาดอร์ ยังได้ระบุว่า กุ้งเป็นอาหารที่ไม่มีไขมันอิ่มตัว และอุดมสมบูรณ์ไปด้วย
OMEGA 3 ซึ่งช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือดได้อีกด้วย (Shrimp does not contain saturated fat, additionally
it possesses a high percentage of Omega 3, which allows to lower the levels of cholesterol in blood)
จึงช่วยทำให้สินค้ากุ้งของเอกวาดอร์มีศักยภาพทางด้านการตลาดหรือกลยุทธ์การส่งออกค่อนข้างโดดเด่น
ดังนั้น หากผู้ผลิต/ผู้ส่งออกสินค้ากุ้งกุลาดำของไทยจะช่วยกันรักษาภาพลักษณ์ และคุณภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐานคงที่สม่ำเสมอ
พร้อมทั้งมีข้อความระบุสรรพคุณของกุ้งกุลาดำ เช่นว่า "กุ้งกุลาดำรับประทานแล้วไม่อ้วนและยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือกอีกด้วย" เป็นต้น
ซึ่งน่าจะใช้เป็นจุดขาย หรือกลยุทธ์ทางด้านการตลาดได้วีธีหนึ่ง
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 82-6623--จบ--
-สส-