การผลิตภาคอุตสาหกรรม : ในช่วงครึ่งแรกของปี 2544 ขยายตัวเล็กน้อยจากระยะเดียวกันปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบ จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และประเทศคู่ค้าสำคัญคือสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมที่ยังขยายตัวได้ค่อนข้างดี คือ หมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง หมวดเครื่องดื่ม และหมวดอัญมณีและเครื่องประดับ
การผลิตภาคอุตสาหกรรม :
ในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2544 ดัชนีผลผลิต อุตสาหกรรม (Manufacturing Production Index : MPI) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนอย่างต่อเนื่อง ในอัตราร้อยละ 1.3 และ 1.5 ตามลำดับ ส่งผลให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2544 ดัชนีผลผลิต อุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.4 ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็น การชะลอลงทุกหมวดสินค้า ยกเว้นหมวดเครื่องดื่ม สิ่งทอ และปิโตรเลียม สำหรับสินค้าที่ขยายตัวได้ค่อนข้างดี ได้แก่ หมวด ยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง เครื่องดื่ม และอัญมณีและเครื่องประดับ
ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรม (Capacity Utilization) ในครึ่งแรกของปีอยู่ที่ระดับเฉลี่ยร้อยละ 53.7 (หากไม่รวมผลผลิตสุรา อยู่ที่ระดับร้อยละ 57.1) ซึ่งต่ำกว่าระยะเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีการทยอยขยายกำลังการผลิตของหมวดยานยนต์ อุปกรณ์ขนส่ง อุตสาหรรมเบียร์ ปิโตรเลียม แผง วงจรไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมที่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงเกินกว่าร้อยละ 90 คือ เยื่อกระดาษ ผลิตภัณฑ์กระดาษ และปิโตรเคมีขั้นต้น
ปัจจัยลบที่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ทำให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากปีก่อนมาก ประกอบกับปัจจัยด้านอุปสงค์ภายในประเทศที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และการ ผันผวนของราคาน้ำมัน ได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
อุตสาหกรรมที่การผลิตยังคงเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ที่สำคัญ ได้แก่
หมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.3จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการผลิตรถยนต์นั่งที่ประสบความสำเร็จในการกระตุ้นยอดขายด้วยการออกรถยนต์รุ่นใหม่ รวมทั้ง การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การผลิตรถยนต์พาณิชย์กลับลดลงในช่วงไตรมาสที่ 2 ตามการชะลอตัวตลาดทั้งในประเทศและการส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรป และออสเตรเลีย
หมวดเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 7.6 ตามการผลิตสุรา ซึ่งช่วงเดียวกันปีก่อนผลิต ในระดับที่ต่ำมาก และการผลิตเบียร์ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการ แข่งขันสูง ทำให้ราคาของเบียร์ยังอยู่ในระดับต่ำ จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในตลาดภูมิภาค
หมวดอัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.9 ตามการส่งออกที่ขยายตัวในเกณฑ์ดีทั้งตลาดสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และฮ่องกง ประกอบกับผู้ผลิตต่างหันมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายมากขึ้น อาทิ การซื้อขายผ่าน Internet , Home Shopping Network และการขายตรง เป็นต้น ส่งผลให้สามารถขยายส่วนแบ่งในตลาดสำคัญได้เพิ่มขึ้นมาก
หมวดปิโตรเลียม เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.2 จากการที่ผู้ผลิตหันมาผลิตเพื่อส่งออกมากขึ้น เพื่อทดแทนตลาดในประเทศที่หดตัว โดยตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สิงคโปร์ จีน และเวียดนาม
สำหรับหมวดอุตสาหกรรมอื่นที่ยังผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ หมวดสิ่งทอ ซึ่งเพิ่มขึ้นตามความต้องการผ้าผืนถักและเสื้อผ้าสำเร็จรูปคุณภาพสูงที่ยังคงมีศักยภาพในการ แข่งขัน หมวดวัสดุก่อสร้าง ขยายตัวเนื่องจากการร่วมทุน กับพันธมิตรทางการค้าช่วยขยายการส่งออกปูนซิเมนต์ไปสู่ตลาดใหม่ อาทิ บังคลาเทศ และอินเดีย เพื่อทดแทนตลาด ในประเทศ และตลาดสหรัฐอเมริกาที่ชะลอลง หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เพิ่มขึ้นตามการผลิตแผ่นเหล็กชุบสังกะสี โดยเฉพาะสังกะสีแผ่นเรียบที่มีการผลิตเพื่อชดเชย การนำเข้าที่มีราคาสูง และ หมวดผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพิ่มขึ้นตามการผลิตเครื่องปรับอากาศ กระจกแผ่น และปิโตรเคมี ขั้นต้น เป็นสำคัญ
สำหรับอุตสาหกรรมที่การผลิตลดลง ได้แก่ หมวดอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งลดลงมากเนื่องจาก ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นที่เป็นตลาดหลัก หมวดอาหาร ลดลงตามผลผลิตน้ำตาล ที่ประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบเพราะเกิดโรคใบขาวและหนอนกออ้อย และผลผลิตสับปะรดกระป๋องที่ประสบปัญหาการแข่งขันสูงและได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด(Anti-Dumping) ของสหรัฐอเมริกา และการตัดสิทธิ GSP ของสหภาพยุโรป และ หมวดยาสูบ การผลิตลดลงมาก เนื่องจากเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับบุหรี่ ต่างประเทศ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
การผลิตภาคอุตสาหกรรม :
ในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2544 ดัชนีผลผลิต อุตสาหกรรม (Manufacturing Production Index : MPI) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนอย่างต่อเนื่อง ในอัตราร้อยละ 1.3 และ 1.5 ตามลำดับ ส่งผลให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2544 ดัชนีผลผลิต อุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.4 ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็น การชะลอลงทุกหมวดสินค้า ยกเว้นหมวดเครื่องดื่ม สิ่งทอ และปิโตรเลียม สำหรับสินค้าที่ขยายตัวได้ค่อนข้างดี ได้แก่ หมวด ยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง เครื่องดื่ม และอัญมณีและเครื่องประดับ
ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรม (Capacity Utilization) ในครึ่งแรกของปีอยู่ที่ระดับเฉลี่ยร้อยละ 53.7 (หากไม่รวมผลผลิตสุรา อยู่ที่ระดับร้อยละ 57.1) ซึ่งต่ำกว่าระยะเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีการทยอยขยายกำลังการผลิตของหมวดยานยนต์ อุปกรณ์ขนส่ง อุตสาหรรมเบียร์ ปิโตรเลียม แผง วงจรไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมที่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงเกินกว่าร้อยละ 90 คือ เยื่อกระดาษ ผลิตภัณฑ์กระดาษ และปิโตรเคมีขั้นต้น
ปัจจัยลบที่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ทำให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากปีก่อนมาก ประกอบกับปัจจัยด้านอุปสงค์ภายในประเทศที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และการ ผันผวนของราคาน้ำมัน ได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
อุตสาหกรรมที่การผลิตยังคงเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ที่สำคัญ ได้แก่
หมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.3จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการผลิตรถยนต์นั่งที่ประสบความสำเร็จในการกระตุ้นยอดขายด้วยการออกรถยนต์รุ่นใหม่ รวมทั้ง การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การผลิตรถยนต์พาณิชย์กลับลดลงในช่วงไตรมาสที่ 2 ตามการชะลอตัวตลาดทั้งในประเทศและการส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรป และออสเตรเลีย
หมวดเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 7.6 ตามการผลิตสุรา ซึ่งช่วงเดียวกันปีก่อนผลิต ในระดับที่ต่ำมาก และการผลิตเบียร์ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการ แข่งขันสูง ทำให้ราคาของเบียร์ยังอยู่ในระดับต่ำ จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในตลาดภูมิภาค
หมวดอัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.9 ตามการส่งออกที่ขยายตัวในเกณฑ์ดีทั้งตลาดสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และฮ่องกง ประกอบกับผู้ผลิตต่างหันมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายมากขึ้น อาทิ การซื้อขายผ่าน Internet , Home Shopping Network และการขายตรง เป็นต้น ส่งผลให้สามารถขยายส่วนแบ่งในตลาดสำคัญได้เพิ่มขึ้นมาก
หมวดปิโตรเลียม เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.2 จากการที่ผู้ผลิตหันมาผลิตเพื่อส่งออกมากขึ้น เพื่อทดแทนตลาดในประเทศที่หดตัว โดยตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สิงคโปร์ จีน และเวียดนาม
สำหรับหมวดอุตสาหกรรมอื่นที่ยังผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ หมวดสิ่งทอ ซึ่งเพิ่มขึ้นตามความต้องการผ้าผืนถักและเสื้อผ้าสำเร็จรูปคุณภาพสูงที่ยังคงมีศักยภาพในการ แข่งขัน หมวดวัสดุก่อสร้าง ขยายตัวเนื่องจากการร่วมทุน กับพันธมิตรทางการค้าช่วยขยายการส่งออกปูนซิเมนต์ไปสู่ตลาดใหม่ อาทิ บังคลาเทศ และอินเดีย เพื่อทดแทนตลาด ในประเทศ และตลาดสหรัฐอเมริกาที่ชะลอลง หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เพิ่มขึ้นตามการผลิตแผ่นเหล็กชุบสังกะสี โดยเฉพาะสังกะสีแผ่นเรียบที่มีการผลิตเพื่อชดเชย การนำเข้าที่มีราคาสูง และ หมวดผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพิ่มขึ้นตามการผลิตเครื่องปรับอากาศ กระจกแผ่น และปิโตรเคมี ขั้นต้น เป็นสำคัญ
สำหรับอุตสาหกรรมที่การผลิตลดลง ได้แก่ หมวดอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งลดลงมากเนื่องจาก ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นที่เป็นตลาดหลัก หมวดอาหาร ลดลงตามผลผลิตน้ำตาล ที่ประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบเพราะเกิดโรคใบขาวและหนอนกออ้อย และผลผลิตสับปะรดกระป๋องที่ประสบปัญหาการแข่งขันสูงและได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด(Anti-Dumping) ของสหรัฐอเมริกา และการตัดสิทธิ GSP ของสหภาพยุโรป และ หมวดยาสูบ การผลิตลดลงมาก เนื่องจากเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับบุหรี่ ต่างประเทศ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-