กรุงเทพฯ--7 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในฐานะอะมีรุ้ลฮัจญ์ หรือหัวหน้าคณะผู้แทนฮัจญ์ทางการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปฏิบัติภารกิจดูแลการเตรียมการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้แสวงบุญไทย ณ นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดิอาระเบียแถลงว่าปีนี้สมเด็จพระราชาธิบดีฟาฮัด บินอับดุลอาซีซ อัลซาอุด แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ทรงมีรับสั่งให้รัฐบาลซาอุดิอาระเบียอุปถัมภ์ชาวมุสลิมจากประเทศต่างๆ ในเอชีย จำนวน 1,500 คน ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน กัมพูชา เวียดนาม ลาว พม่า อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย ประเทศในภูมิภาคโอเซียเนียและจากประเทศไทย เพื่อเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ในเทศกาลฮัจญ์ปีฮิจญเราะห์ ศักราช 1420 (พ.ศ. 2543) ในฐานะแขกของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย
ในส่วนของประเทศไทย ดร. สุรินทร์ ฯ ได้ขอความร่วมมือไปยังอุปทูตวาฮีบ เอ็ม แซะฮ์ลี่ สถานทูตซาอุดิอาระเบีย เพื่อสนับสนุนให้สถาบันองค์กรศาสนา สถานศึกษา มัสยิด และ
องค์กรเอกชน จัดส่งผู้ด้อยโอกาสด้านทุนทรัพย์ และผู้ที่ยังไม่เคยไปประกอบพิธีฮัจญ์ จำนวน 500 คน (เพิ่มขึ้นจากเดิม 250 คน) เข้าร่วมโครงการนี้ โดยสมเด็จพระราชาธิบดีฟาฮัด จะทรงใช้
พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ประทานเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้แก่ผู้แสวงบุญทุกคน
คณะผู้แสวงบุญชาวไทยทั้ง 500 คน จะออกเดินทางโดยเครื่องบินเที่ยวบินพิเศษของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย จากประเทศไทยในวันที่ 8,9 และ 10 มีนาคม 2543 และคณะฯ ดังกล่าวเป็น ผู้แสวงบุญรับเชิญกลุ่มแรกของชาวเอเชียที่จะเดินทางไปร่วมโครงการพิเศษครั้งนี้
ในการนี้ ฯพณฯ นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือขอบพระทัยสมเด็จพระราชาธิบดีฟาฮัด แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ที่ทรงมีพระกรุณาธิคุณต่อชาวไทยมุสลิม
นอกจากนี้ ในโอกาสเทศกาลฮัจญ์ ฯพณฯ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยยังได้รับเกียรติจากนายอายาต อามีน มาดานี่ รัฐมนตรีกระทรวงฮัจญ์ของซาอุดิอาระเบียเชิญให้เป็นผู้แสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ฮัจญ์ : สายสัมพันธ์ความร่วมมือแห่งประชาคมโลกมุสลิม” ในวันที่ 11 มีนาคม ศกนี้ ให้แก่บรรดาผู้นำประเทศมุสลิมจากทั่วโลกที่เดินทางมาประกอบพิธีฮัจญ์ รวมทั้งผู้แสวงบุญที่ได้รับอุปถัมภ์จากสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งซาอุดิอาระเบียด้วย
อนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งเวลา และสถานที่ที่เครื่องบินพิเศษดังกล่าวจะเดินทางมาถึงและออกจากประเทศไทยให้ทราบต่อไป--จบ--
ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในฐานะอะมีรุ้ลฮัจญ์ หรือหัวหน้าคณะผู้แทนฮัจญ์ทางการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปฏิบัติภารกิจดูแลการเตรียมการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้แสวงบุญไทย ณ นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดิอาระเบียแถลงว่าปีนี้สมเด็จพระราชาธิบดีฟาฮัด บินอับดุลอาซีซ อัลซาอุด แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ทรงมีรับสั่งให้รัฐบาลซาอุดิอาระเบียอุปถัมภ์ชาวมุสลิมจากประเทศต่างๆ ในเอชีย จำนวน 1,500 คน ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน กัมพูชา เวียดนาม ลาว พม่า อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย ประเทศในภูมิภาคโอเซียเนียและจากประเทศไทย เพื่อเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ในเทศกาลฮัจญ์ปีฮิจญเราะห์ ศักราช 1420 (พ.ศ. 2543) ในฐานะแขกของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย
ในส่วนของประเทศไทย ดร. สุรินทร์ ฯ ได้ขอความร่วมมือไปยังอุปทูตวาฮีบ เอ็ม แซะฮ์ลี่ สถานทูตซาอุดิอาระเบีย เพื่อสนับสนุนให้สถาบันองค์กรศาสนา สถานศึกษา มัสยิด และ
องค์กรเอกชน จัดส่งผู้ด้อยโอกาสด้านทุนทรัพย์ และผู้ที่ยังไม่เคยไปประกอบพิธีฮัจญ์ จำนวน 500 คน (เพิ่มขึ้นจากเดิม 250 คน) เข้าร่วมโครงการนี้ โดยสมเด็จพระราชาธิบดีฟาฮัด จะทรงใช้
พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ประทานเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้แก่ผู้แสวงบุญทุกคน
คณะผู้แสวงบุญชาวไทยทั้ง 500 คน จะออกเดินทางโดยเครื่องบินเที่ยวบินพิเศษของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย จากประเทศไทยในวันที่ 8,9 และ 10 มีนาคม 2543 และคณะฯ ดังกล่าวเป็น ผู้แสวงบุญรับเชิญกลุ่มแรกของชาวเอเชียที่จะเดินทางไปร่วมโครงการพิเศษครั้งนี้
ในการนี้ ฯพณฯ นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือขอบพระทัยสมเด็จพระราชาธิบดีฟาฮัด แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ที่ทรงมีพระกรุณาธิคุณต่อชาวไทยมุสลิม
นอกจากนี้ ในโอกาสเทศกาลฮัจญ์ ฯพณฯ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยยังได้รับเกียรติจากนายอายาต อามีน มาดานี่ รัฐมนตรีกระทรวงฮัจญ์ของซาอุดิอาระเบียเชิญให้เป็นผู้แสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ฮัจญ์ : สายสัมพันธ์ความร่วมมือแห่งประชาคมโลกมุสลิม” ในวันที่ 11 มีนาคม ศกนี้ ให้แก่บรรดาผู้นำประเทศมุสลิมจากทั่วโลกที่เดินทางมาประกอบพิธีฮัจญ์ รวมทั้งผู้แสวงบุญที่ได้รับอุปถัมภ์จากสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งซาอุดิอาระเบียด้วย
อนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งเวลา และสถานที่ที่เครื่องบินพิเศษดังกล่าวจะเดินทางมาถึงและออกจากประเทศไทยให้ทราบต่อไป--จบ--