อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง
อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางนับเป็นอุตสาหกรรมที่มีความความสำคัญต่อ ประเทศทั้งในแง่ของการจ้างงานและการส่งออก เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพสูงในด้านวัตถุดิบที่เป็นข้อได้เปรียบกับประเทศคู่แข่ง โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2548 ไทยมีมูลค่าการส่งออกของยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางรวมทั้งสิ้น 1,290.90 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแบ่งเป็นมูลค่ายางพาราร้อยละ 55.50 และผลิตภัณฑ์ยางร้อยละ 44.49
1. การผลิต
ประเทศไทยผลิตยางแปรรูปขั้นต้นเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยมีปริมาณการผลิต ประมาณ 2.8 ล้านตัน/ปี ยางแปรรูปขั้นต้นส่วนใหญ่มีการส่งออกร้อยละ 90 และส่วนที่เหลือเป็นการจำหน่ายในประเทศ
ในส่วนของผลิตยางขั้นต้น ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2548 มีการผลิตยางแท่งจำนวน 188,283.41 ตัน ลดลงจากไตรมาสก่อนร้อยละ 16.71 ส่วนยางแผ่นมีการผลิตจำนวน 48,581.09 ตัน ลดลงจากไตรมาสก่อนร้อยละ 45.00 ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณน้ำยางธรรมชาติที่กรีดได้มีปริมาณน้อย
สำหรับผลิตภัณฑ์ยาง ในไตรมาส 2 ของปี 2548 จำแนกเป็นการผลิตยางนอกรถยนต์นั่ง จำนวน 3,223,485 เส้น ลดลงจากไตรมาสก่อนร้อยละ 6.20 ยางนอกรถกะบะ 1,337,024 เส้น เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนร้อยละ 3.50 อันเนื่องมาจากยอดการผลิตรถกะบะที่เพิ่มขึ้นมาก และถุงมือยางจำนวน 2,647.88 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเพียงเล็กน้อยคือร้อยละ 0.35 อันเนื่องมาจากต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น
2. การตลาด
2.1 ตลาดส่งออก ประเภทสินค้าที่ผลิตและส่งออกแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1) ยางแปรรูปขั้นต้น ประกอบด้วย ยางแผ่น ยางแท่ง ยางเครพ น้ำยางข้น โดยมีมูลค่าการส่งออกในไตรมาสที่ 2 ของปี 2548 จำนวน 716.50 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากไตรมาสที่แล้ว ร้อยละ 18.22 อันเนื่องมาจากการลดปริมาณการสั่งซื้อของจีน ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา
2) ผลิตภัณฑ์ยาง ประกอบด้วย ยางยานพาหนะ ถุงมือยาง ยางรัดของ หลอดและท่อ สายพานลำเลียงและส่งกำลัง โดยมีมูลค่าการส่งออกในไตรมาสที่ 2 ปี 2548 จำนวน 574.40 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนร้อยละ 10.54 ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และฮ่องกง โดยการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ ยกเว้นยางรัดของ และท่อยาง ที่มีมูลค่าการส่งออกลดลง
2.2 ตลาดนำเข้า ประเภทผลิตภัณฑ์ยางที่นำเข้า ได้แก่ ท่อหรือข้อต่อ และสายพานลำเลียง โดยในไตรมาสที่ 2 ปี 2548 มีมูลค่าการนำเข้า 24.60 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.89 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และผลิตภัณฑ์ยางวัลแคไนซ์ มีมูลค่าการนำเข้า 77.30 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.84 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยการนำเข้าผลิตภัณฑ์ยางในไตรมาสที่ 2 มีมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ ยกเว้นกระเบื้องยาง และยางธรรมชาติ ที่มีมูลค่าการนำเข้าลดลงเมื่อเปรียบเทียบ กับไตรมาสก่อน
3. สรุปและแนวโน้ม
ในไตรมาสที่ 2 ปี 2548 มีการผลิตยางขั้นต้น ประเภทยางแท่ง และยางแผ่น ลดลงจากเดิม รวมทั้งมูลค่าการส่งออกยางขั้นต้นก็ลดลงในทุกผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น ยางแผ่น ยางแท่ง น้ำยางข้น และยางขั้นต้นอื่น ๆ ส่วนการผลิตผลิตภัณฑ์ยางประเภทยางล้อรถกะบะ มีการผลิตเพิ่มมากขึ้น อันเนื่องมาจากการขยายการผลิตรถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ถุงมือยางมีการผลิตและการส่งออกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2548 คาดว่าราคาน้ำยางจะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเปลี่ยนแปลงไปตามภาวะความต้องการของตลาด แม้ว่าน้ำยางที่กรีดได้จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนก็ตาม ประกอบกับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ยางสังเคราะห์มีราคาสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคายางธรรมชาติสูงตามไปด้วย ราคายางขั้นต้นที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตผลิตภัณฑ์ยางอย่างแน่นอน รวมทั้งอาจมีผลให้การส่งออกยางขั้นต้นมีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากประเทศจีนซึ่งเป็นผู้บริโภคยางขั้นต้นรายใหญ่มีโอกาสในการเลือกซื้อสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีราคาต่ำกว่าได้ สำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ยางประเภทถุงมือยาง คาดว่าจะมีแนวโน้มลดลง อันเนื่องมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางนับเป็นอุตสาหกรรมที่มีความความสำคัญต่อ ประเทศทั้งในแง่ของการจ้างงานและการส่งออก เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพสูงในด้านวัตถุดิบที่เป็นข้อได้เปรียบกับประเทศคู่แข่ง โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2548 ไทยมีมูลค่าการส่งออกของยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางรวมทั้งสิ้น 1,290.90 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแบ่งเป็นมูลค่ายางพาราร้อยละ 55.50 และผลิตภัณฑ์ยางร้อยละ 44.49
1. การผลิต
ประเทศไทยผลิตยางแปรรูปขั้นต้นเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยมีปริมาณการผลิต ประมาณ 2.8 ล้านตัน/ปี ยางแปรรูปขั้นต้นส่วนใหญ่มีการส่งออกร้อยละ 90 และส่วนที่เหลือเป็นการจำหน่ายในประเทศ
ในส่วนของผลิตยางขั้นต้น ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2548 มีการผลิตยางแท่งจำนวน 188,283.41 ตัน ลดลงจากไตรมาสก่อนร้อยละ 16.71 ส่วนยางแผ่นมีการผลิตจำนวน 48,581.09 ตัน ลดลงจากไตรมาสก่อนร้อยละ 45.00 ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณน้ำยางธรรมชาติที่กรีดได้มีปริมาณน้อย
สำหรับผลิตภัณฑ์ยาง ในไตรมาส 2 ของปี 2548 จำแนกเป็นการผลิตยางนอกรถยนต์นั่ง จำนวน 3,223,485 เส้น ลดลงจากไตรมาสก่อนร้อยละ 6.20 ยางนอกรถกะบะ 1,337,024 เส้น เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนร้อยละ 3.50 อันเนื่องมาจากยอดการผลิตรถกะบะที่เพิ่มขึ้นมาก และถุงมือยางจำนวน 2,647.88 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเพียงเล็กน้อยคือร้อยละ 0.35 อันเนื่องมาจากต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น
2. การตลาด
2.1 ตลาดส่งออก ประเภทสินค้าที่ผลิตและส่งออกแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1) ยางแปรรูปขั้นต้น ประกอบด้วย ยางแผ่น ยางแท่ง ยางเครพ น้ำยางข้น โดยมีมูลค่าการส่งออกในไตรมาสที่ 2 ของปี 2548 จำนวน 716.50 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากไตรมาสที่แล้ว ร้อยละ 18.22 อันเนื่องมาจากการลดปริมาณการสั่งซื้อของจีน ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา
2) ผลิตภัณฑ์ยาง ประกอบด้วย ยางยานพาหนะ ถุงมือยาง ยางรัดของ หลอดและท่อ สายพานลำเลียงและส่งกำลัง โดยมีมูลค่าการส่งออกในไตรมาสที่ 2 ปี 2548 จำนวน 574.40 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนร้อยละ 10.54 ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และฮ่องกง โดยการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ ยกเว้นยางรัดของ และท่อยาง ที่มีมูลค่าการส่งออกลดลง
2.2 ตลาดนำเข้า ประเภทผลิตภัณฑ์ยางที่นำเข้า ได้แก่ ท่อหรือข้อต่อ และสายพานลำเลียง โดยในไตรมาสที่ 2 ปี 2548 มีมูลค่าการนำเข้า 24.60 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.89 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และผลิตภัณฑ์ยางวัลแคไนซ์ มีมูลค่าการนำเข้า 77.30 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.84 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยการนำเข้าผลิตภัณฑ์ยางในไตรมาสที่ 2 มีมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ ยกเว้นกระเบื้องยาง และยางธรรมชาติ ที่มีมูลค่าการนำเข้าลดลงเมื่อเปรียบเทียบ กับไตรมาสก่อน
3. สรุปและแนวโน้ม
ในไตรมาสที่ 2 ปี 2548 มีการผลิตยางขั้นต้น ประเภทยางแท่ง และยางแผ่น ลดลงจากเดิม รวมทั้งมูลค่าการส่งออกยางขั้นต้นก็ลดลงในทุกผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น ยางแผ่น ยางแท่ง น้ำยางข้น และยางขั้นต้นอื่น ๆ ส่วนการผลิตผลิตภัณฑ์ยางประเภทยางล้อรถกะบะ มีการผลิตเพิ่มมากขึ้น อันเนื่องมาจากการขยายการผลิตรถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ถุงมือยางมีการผลิตและการส่งออกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2548 คาดว่าราคาน้ำยางจะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเปลี่ยนแปลงไปตามภาวะความต้องการของตลาด แม้ว่าน้ำยางที่กรีดได้จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนก็ตาม ประกอบกับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ยางสังเคราะห์มีราคาสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคายางธรรมชาติสูงตามไปด้วย ราคายางขั้นต้นที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตผลิตภัณฑ์ยางอย่างแน่นอน รวมทั้งอาจมีผลให้การส่งออกยางขั้นต้นมีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากประเทศจีนซึ่งเป็นผู้บริโภคยางขั้นต้นรายใหญ่มีโอกาสในการเลือกซื้อสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีราคาต่ำกว่าได้ สำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ยางประเภทถุงมือยาง คาดว่าจะมีแนวโน้มลดลง อันเนื่องมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-