นายเชิดชัย ขันธ์นะภา รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยข้อมูลการส่งออก นำเข้าและดุลการค้าตามระบบการผ่านพิธีการศุลกากรประจำเดือนเมษายน 2544 ดังนั้
การส่งออก : อัตราการขยายตัวติดลบ (ในรูปสกุลเงินดอลลาร์)
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 1)
ในเดือนเมษายน 2544 มีมูลค่าการส่งออก 214,805 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 16,987 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 และต่ำกว่าเดือนที่ผ่านมา 41,949 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 16.3
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าห์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนเมษายน 2544 มีมูลค่าการส่งออก 4,898 ล้านดอลล่าร์สรอ. ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 354 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือลดลงร้อยละ 6.7 และต่ำกว่าเดือนที่ผ่านมา 1,172 ล้านดอลลาร์สรอ. หรือลดลงร้อยละ 20.0 โดยอัตราการขยายตัวของการส่งออกในเดือนนี้ติดลบหลังจากเป็นบวกครั้งแรกของปีในเดือนที่ผ่านมา สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ สินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตรกรรม และสินค้าอื่นๆ โดยคิดเป็นสัดส่วนต่อมูลค่าสินค้าส่งออกทั้งหมด เท่ากับร้อยละ 85.57 6.77 และ 3.54 ตามลำดับ
สัดส่วนการส่งออกในรูปดอลล่าร์สรอ.เดือนเมษายน 2544 ในตลาดหลักโดยเปรียบเทียบเดือนเดียวกันปีที่แล้วไปยังประเทศจีน สหภาพยุโรป และกลุ่มประเทศอาเซียน มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.91 14.03 และ 0.24 ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มประเทศเอเซียใต้ และประเทศแอฟริกาใต้มีอัตราการขยายตัวลดลงร้อยละ 48.40 และ 36.80 ตามลำดับ
สำหรับช่วง 4 เดือนแรกของปี 2544 มูลค่าส่งออกรวมเท่ากับ 21,465 ล้านดอลล่าร์สรอ.(เฉลี่ยเดือนละ 5,366 ซึ่งเมื่อเทียบกับ 4 เดือนแรกของปี 2543 ลดลง 123 ล้านดอลลาร์สรอ.หรือลดลงร้อยละ 2.24 การที่มูลค่าการส่งออกในช่วงดังกล่าวลดลง เนื่องจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดการส่งออกของประเทศ แต่อย่างไรก็ดี หน่วยงานของรัฐได้พยายามเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขและส่งเสริมการส่งออกอย่างเต็มที่ โดยที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการสนับสนุนการส่งออกโดยอาศัยการเจรจาในเวทีการค้าระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการส่งออกอีกทางหนึ่ง
กล่าวโดยสรุป ภาคการส่งออกของประเทศยังไม่อยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ตราบใดที่ทุกฝ่ายพยายามช่วยกันส่งเสริม ทั้งด้านการพัฒนากระบวนการผลิต การพัฒนาคุณภาพของสินค้า ตลอดจนการขยายตลาดใหม่ เพื่อเสริมสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับภาคการส่งออก
สัดส่วนสินค้าส่งออกเดือนเมษายน 2544 ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 86% ผลิตภัณฑ์ประมง 3% ผลิตภัณฑ์จากสินแร่ 1%
ผลิตภัณฑ์เกษตรกรรม 6% ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ 0% สินค้าอื่น ๆ 4%
(รายละเอียดตามตารางที่ 2 และ 3)
การนำเข้า : อัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง (ในรูปสกุลเงินดอลลาร์)
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 4)
ในเดือนเมษายน 2544 มีมูลค่าการนำเข้า 219,917 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 39,263 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 และปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา 25,773 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 10.5
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนเมษายน 2544 มีมูลค่าการนำเข้า 4,895 ล้านดอลล่าร์สรอ. สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 141 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.96 และปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา 871 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือลดลงร้อยละ 15.1 โดยสินค้าที่มีการนำเข้าส่วนใหญ่ยังเป็นสินค้าประเภทสินค้าทุนและวัตถุดิบมากกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด ประเด็นดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการนำเข้าของสินค้าสำหรับการผลิตเพื่อการส่งออก อย่างไรก็ดี มีข้อสังเกตว่าอัตราการขยายตัวของการนำเข้าในเดือนนี้ลดลง สอดคล้องอัตราการขยายตัวของการส่งออกซึ่งติดลบ
สำหรับช่วง 4 เดือนแรกของปี 2544 มูลค่าการนำเข้ารวม 21,423 ล้านดอลลาร์สรอ.(เฉลี่ยเดือนละ 5,356 ล้านดอลลาร์สรอ.) ซึ่งเมื่อเทียบกับ 4 เดือนแรกของปี 2543 เพิ่มขึ้น 2,788 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 โดยสินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง และวัตถุดิบ ซึ่งการนำเข้าสินค้าประเภทดังกล่าว เป็นการนำเข้าสำหรับการผลิตเพื่อการส่งออก อย่างไรก็ตามหากประเทศสามารถสร้างอุตสาหกรรมสนับสนุน เพื่อเป็นพื้นฐานของการผลิตเพื่อการส่งออกแล้วประเทศจะสามารถลดการพึ่งพาการนำเข้าได้ และจะนำไปสู่การขาดดุลการค้าที่ลดลง
สัดส่วนสินค้านำเข้าในรูปเงินดอลล่าร์สรอ.ประจำเดือนเมษายน 2544 (รายละเอียดตามตารางที่ 5 และ 6)
สินค้าทุน 48% สินค้าอุปโภคและบริโภค 10%
สินค้าขั้นกลางและวัตถุดิบ 28% สินค้าอื่น ๆ 14%
3. การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย (รายละเอียดตามตารางที่ 7 และ 8)
การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในเดือนเมษายน 2544 มีมูลค่าทั้งสิ้น 2,172 ล้านบาท หรือเท่ากับ 48 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือคิดเป็นร้อยละ 0.99 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด หากพิจารณาอัตราการขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ในรูปเงินดอลลาร์สรอ. พบว่ากระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ และน้ำหอมและเครื่องสำอาง มีอัตราการเพิ่มอย่างมาก เท่ากับร้อยละ 85.5 80.5 และ 36.3 ตามลำดับ ขณะที่เครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหารหรือใช้ตกแต่งภายในทำด้วยคริสตัน มีอัตราการขยายตัวลดลง เป็นอย่างมากเช่นกัน โดยลดลงร้อยละ 64.74 อย่างไรก็ดีหากเทียบกับเดือนที่ผ่านมา พบว่าเบียร์มีอัตราการขยายตัวมากที่สุดถึงร้อยละ 201.98 ขณะที่สุราต่างประเทศมีอัตราการขยายตัวลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบ โดยตรงจากการขึ้นภาษีสรรพามิตโดยลดลงร้อยละ 34.97 สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีการนำเข้าสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สุรา น้ำหอมและเครื่องสำอาง กระเป๋าหนังและเข็มขัด ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ และกล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ตามลำดับ
ดุลการค้า : เกินดุล 3 ล้านดอลลาร์สรอ.
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 9)
ในเดือนเมษายน 2544 ดุลการค้าขาดดุล 5,112 ล้านบาท หลังจากที่เกินดุลในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี หากเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ดุลการค้าขาดดุลเพิ่มขึ้น 22,276 ล้านบาท
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนเมษายน 2544 ดุลการค้าเกินดุล 3 ล้านดอลล่าร์สรอ.เกินดุลลดลง 301 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 99 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี หากเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้วดุลการค้าเกินดุลลดลง 494 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 99.3 (รายละเอียดตามตารางที่ 9)
อย่างไรก็ตาม การเกินดุลในรูปเงินดอลลาร์สรอ. เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น ประเทศไทยมีการเกินดุลกับประเทศกลุ่มอาเซียน สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป เป็นมูลค่า 371 208 และ 32 ล้านดอลลาร์สรอ. ตามลำดับ ขณะที่มีการขาดดุลกับประเทศจีน กลุ่มประเทศอื่นๆ และญี่ปุ่นเป็นมูลค่า 178 155 และ 77 ล้านดอลลาร์สรอ.ตามลำดับ
สรุป
โดยภาพรวมแล้ว การค้าระหว่างประเทศในปัจจุบันขึ้นกับปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยปัจจัยภายในนั้นภาครัฐจำเป็นที่จะต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีในกระบวนการผลิตที่ทันสมัย เพื่อเป็นการประหยัดต่อขนาดและลดต้นทุนการผลิต และเร่งพัฒนาคุณภาพของสินค้า รวมถึงการเร่งขยายตลาดใหม่ สำหรับภาคการส่งออก ขณะเดียวกันจำเป็นที่จะต้องเสริมสร้างอุตสาหกรรมสนับสนุน เพื่อสร้างพื้นฐานของการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า สำหรับภาคการนำเข้า
หากประเทศสามารถปรับตัวจากปัจจัยภายในดังกล่าวข้างต้นให้มีความพร้อม เพื่อรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ประเทศก็สามารถที่จะฟื้นตัวได้ ประกอบกับการดำเนินนโยบายต่างๆ ของภาครัฐทั้งนโยบายการคลัง การเงิน และการท่องเที่ยว จะเป็นส่วนเสริมให้ประเทศสามารถฟื้นตัวและเข้าสู่เสถียรภาพได้โดยเร็ว
หมายเหตุ : 1. ข้อมูลการส่งออกและนำเข้าตามระบบการผ่านพิธีการศุลกากร (Customs-Clearance System) เป็นข้อมูลที่รวบรวมตามใบขนสินค้าซึ่งผ่านพิธีการศุลกากรระบบข้อมูลนี้ต่างจาก ข้อมูลการนำเข้า และส่งออกที่ใช้เพื่อจัดทำสถิติดุลการชำระเงินของประเทศ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดทำตามระบบดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทยจะรวมมูลค่าสินค้านำเข้า และส่งออกเฉพาะที่มีการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ครองระหว่างคนไทยกับคนต่างชาติ เพื่อใช้วิเคราะห์ฐานะดุลการชำระเงินของประเทศ
2. มูลค่าการนำเข้าและส่งออกในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา คำนวณโดยใชัอัตราแลกเปลี่ยนตามประกาศอัตราแลกเปลี่ยนและการส่งออกของกรมศุลกากรเงินตราต่างประเทศสำหรับการนำเข้าในแต่ละช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง ในการพิจารณากำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทย กรมศุลกากรใช้ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้อัตราซื้อสำหรับการส่งออกและอัตราขายสำหรับการนำเข้า
--ข่าวกระทรวงการคลัง กองกลาง สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 41/2544 15 มิถุนายน 2544--
-รก/อน-
การส่งออก : อัตราการขยายตัวติดลบ (ในรูปสกุลเงินดอลลาร์)
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 1)
ในเดือนเมษายน 2544 มีมูลค่าการส่งออก 214,805 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 16,987 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 และต่ำกว่าเดือนที่ผ่านมา 41,949 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 16.3
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าห์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนเมษายน 2544 มีมูลค่าการส่งออก 4,898 ล้านดอลล่าร์สรอ. ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 354 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือลดลงร้อยละ 6.7 และต่ำกว่าเดือนที่ผ่านมา 1,172 ล้านดอลลาร์สรอ. หรือลดลงร้อยละ 20.0 โดยอัตราการขยายตัวของการส่งออกในเดือนนี้ติดลบหลังจากเป็นบวกครั้งแรกของปีในเดือนที่ผ่านมา สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ สินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตรกรรม และสินค้าอื่นๆ โดยคิดเป็นสัดส่วนต่อมูลค่าสินค้าส่งออกทั้งหมด เท่ากับร้อยละ 85.57 6.77 และ 3.54 ตามลำดับ
สัดส่วนการส่งออกในรูปดอลล่าร์สรอ.เดือนเมษายน 2544 ในตลาดหลักโดยเปรียบเทียบเดือนเดียวกันปีที่แล้วไปยังประเทศจีน สหภาพยุโรป และกลุ่มประเทศอาเซียน มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.91 14.03 และ 0.24 ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มประเทศเอเซียใต้ และประเทศแอฟริกาใต้มีอัตราการขยายตัวลดลงร้อยละ 48.40 และ 36.80 ตามลำดับ
สำหรับช่วง 4 เดือนแรกของปี 2544 มูลค่าส่งออกรวมเท่ากับ 21,465 ล้านดอลล่าร์สรอ.(เฉลี่ยเดือนละ 5,366 ซึ่งเมื่อเทียบกับ 4 เดือนแรกของปี 2543 ลดลง 123 ล้านดอลลาร์สรอ.หรือลดลงร้อยละ 2.24 การที่มูลค่าการส่งออกในช่วงดังกล่าวลดลง เนื่องจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดการส่งออกของประเทศ แต่อย่างไรก็ดี หน่วยงานของรัฐได้พยายามเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขและส่งเสริมการส่งออกอย่างเต็มที่ โดยที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการสนับสนุนการส่งออกโดยอาศัยการเจรจาในเวทีการค้าระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการส่งออกอีกทางหนึ่ง
กล่าวโดยสรุป ภาคการส่งออกของประเทศยังไม่อยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ตราบใดที่ทุกฝ่ายพยายามช่วยกันส่งเสริม ทั้งด้านการพัฒนากระบวนการผลิต การพัฒนาคุณภาพของสินค้า ตลอดจนการขยายตลาดใหม่ เพื่อเสริมสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับภาคการส่งออก
สัดส่วนสินค้าส่งออกเดือนเมษายน 2544 ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 86% ผลิตภัณฑ์ประมง 3% ผลิตภัณฑ์จากสินแร่ 1%
ผลิตภัณฑ์เกษตรกรรม 6% ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ 0% สินค้าอื่น ๆ 4%
(รายละเอียดตามตารางที่ 2 และ 3)
การนำเข้า : อัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง (ในรูปสกุลเงินดอลลาร์)
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 4)
ในเดือนเมษายน 2544 มีมูลค่าการนำเข้า 219,917 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 39,263 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 และปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา 25,773 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 10.5
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนเมษายน 2544 มีมูลค่าการนำเข้า 4,895 ล้านดอลล่าร์สรอ. สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 141 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.96 และปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา 871 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือลดลงร้อยละ 15.1 โดยสินค้าที่มีการนำเข้าส่วนใหญ่ยังเป็นสินค้าประเภทสินค้าทุนและวัตถุดิบมากกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด ประเด็นดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการนำเข้าของสินค้าสำหรับการผลิตเพื่อการส่งออก อย่างไรก็ดี มีข้อสังเกตว่าอัตราการขยายตัวของการนำเข้าในเดือนนี้ลดลง สอดคล้องอัตราการขยายตัวของการส่งออกซึ่งติดลบ
สำหรับช่วง 4 เดือนแรกของปี 2544 มูลค่าการนำเข้ารวม 21,423 ล้านดอลลาร์สรอ.(เฉลี่ยเดือนละ 5,356 ล้านดอลลาร์สรอ.) ซึ่งเมื่อเทียบกับ 4 เดือนแรกของปี 2543 เพิ่มขึ้น 2,788 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 โดยสินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง และวัตถุดิบ ซึ่งการนำเข้าสินค้าประเภทดังกล่าว เป็นการนำเข้าสำหรับการผลิตเพื่อการส่งออก อย่างไรก็ตามหากประเทศสามารถสร้างอุตสาหกรรมสนับสนุน เพื่อเป็นพื้นฐานของการผลิตเพื่อการส่งออกแล้วประเทศจะสามารถลดการพึ่งพาการนำเข้าได้ และจะนำไปสู่การขาดดุลการค้าที่ลดลง
สัดส่วนสินค้านำเข้าในรูปเงินดอลล่าร์สรอ.ประจำเดือนเมษายน 2544 (รายละเอียดตามตารางที่ 5 และ 6)
สินค้าทุน 48% สินค้าอุปโภคและบริโภค 10%
สินค้าขั้นกลางและวัตถุดิบ 28% สินค้าอื่น ๆ 14%
3. การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย (รายละเอียดตามตารางที่ 7 และ 8)
การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในเดือนเมษายน 2544 มีมูลค่าทั้งสิ้น 2,172 ล้านบาท หรือเท่ากับ 48 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือคิดเป็นร้อยละ 0.99 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด หากพิจารณาอัตราการขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ในรูปเงินดอลลาร์สรอ. พบว่ากระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ และน้ำหอมและเครื่องสำอาง มีอัตราการเพิ่มอย่างมาก เท่ากับร้อยละ 85.5 80.5 และ 36.3 ตามลำดับ ขณะที่เครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหารหรือใช้ตกแต่งภายในทำด้วยคริสตัน มีอัตราการขยายตัวลดลง เป็นอย่างมากเช่นกัน โดยลดลงร้อยละ 64.74 อย่างไรก็ดีหากเทียบกับเดือนที่ผ่านมา พบว่าเบียร์มีอัตราการขยายตัวมากที่สุดถึงร้อยละ 201.98 ขณะที่สุราต่างประเทศมีอัตราการขยายตัวลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบ โดยตรงจากการขึ้นภาษีสรรพามิตโดยลดลงร้อยละ 34.97 สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีการนำเข้าสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สุรา น้ำหอมและเครื่องสำอาง กระเป๋าหนังและเข็มขัด ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ และกล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ตามลำดับ
ดุลการค้า : เกินดุล 3 ล้านดอลลาร์สรอ.
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 9)
ในเดือนเมษายน 2544 ดุลการค้าขาดดุล 5,112 ล้านบาท หลังจากที่เกินดุลในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี หากเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ดุลการค้าขาดดุลเพิ่มขึ้น 22,276 ล้านบาท
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนเมษายน 2544 ดุลการค้าเกินดุล 3 ล้านดอลล่าร์สรอ.เกินดุลลดลง 301 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 99 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี หากเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้วดุลการค้าเกินดุลลดลง 494 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 99.3 (รายละเอียดตามตารางที่ 9)
อย่างไรก็ตาม การเกินดุลในรูปเงินดอลลาร์สรอ. เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น ประเทศไทยมีการเกินดุลกับประเทศกลุ่มอาเซียน สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป เป็นมูลค่า 371 208 และ 32 ล้านดอลลาร์สรอ. ตามลำดับ ขณะที่มีการขาดดุลกับประเทศจีน กลุ่มประเทศอื่นๆ และญี่ปุ่นเป็นมูลค่า 178 155 และ 77 ล้านดอลลาร์สรอ.ตามลำดับ
สรุป
โดยภาพรวมแล้ว การค้าระหว่างประเทศในปัจจุบันขึ้นกับปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยปัจจัยภายในนั้นภาครัฐจำเป็นที่จะต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีในกระบวนการผลิตที่ทันสมัย เพื่อเป็นการประหยัดต่อขนาดและลดต้นทุนการผลิต และเร่งพัฒนาคุณภาพของสินค้า รวมถึงการเร่งขยายตลาดใหม่ สำหรับภาคการส่งออก ขณะเดียวกันจำเป็นที่จะต้องเสริมสร้างอุตสาหกรรมสนับสนุน เพื่อสร้างพื้นฐานของการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า สำหรับภาคการนำเข้า
หากประเทศสามารถปรับตัวจากปัจจัยภายในดังกล่าวข้างต้นให้มีความพร้อม เพื่อรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ประเทศก็สามารถที่จะฟื้นตัวได้ ประกอบกับการดำเนินนโยบายต่างๆ ของภาครัฐทั้งนโยบายการคลัง การเงิน และการท่องเที่ยว จะเป็นส่วนเสริมให้ประเทศสามารถฟื้นตัวและเข้าสู่เสถียรภาพได้โดยเร็ว
หมายเหตุ : 1. ข้อมูลการส่งออกและนำเข้าตามระบบการผ่านพิธีการศุลกากร (Customs-Clearance System) เป็นข้อมูลที่รวบรวมตามใบขนสินค้าซึ่งผ่านพิธีการศุลกากรระบบข้อมูลนี้ต่างจาก ข้อมูลการนำเข้า และส่งออกที่ใช้เพื่อจัดทำสถิติดุลการชำระเงินของประเทศ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดทำตามระบบดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทยจะรวมมูลค่าสินค้านำเข้า และส่งออกเฉพาะที่มีการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ครองระหว่างคนไทยกับคนต่างชาติ เพื่อใช้วิเคราะห์ฐานะดุลการชำระเงินของประเทศ
2. มูลค่าการนำเข้าและส่งออกในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา คำนวณโดยใชัอัตราแลกเปลี่ยนตามประกาศอัตราแลกเปลี่ยนและการส่งออกของกรมศุลกากรเงินตราต่างประเทศสำหรับการนำเข้าในแต่ละช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง ในการพิจารณากำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทย กรมศุลกากรใช้ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้อัตราซื้อสำหรับการส่งออกและอัตราขายสำหรับการนำเข้า
--ข่าวกระทรวงการคลัง กองกลาง สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 41/2544 15 มิถุนายน 2544--
-รก/อน-