กรุงเทพฯ--8 พ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (7 พฤศจิกายน 2544) ดร. สุเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังพิธีลงนามอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ระหว่างไทยและอาร์เมเนีย เกี่ยวกับผลการประชุมผู้นำอาเซียน สรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้
1.ฝ่ายไทยได้เสนอให้อาเซียนรวมตัวกันอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยการค้าแบบหักบัญชี ซึ่งเป็นที่ยอมรับและเป็นรูปแบบที่น่าจะใช้ในประเทศอาเซียน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม พม่า และมาเลเชีย ได้เห็นพ้องในเรื่องดังกล่าว
2. ฝ่ายไทยได้เสนอให้มีความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนใหม่และประเทศสมาชิกอาเซียนเก่ามากขึ้น โดยจัดทำโครงการร่วมกัน เช่น โครงการความร่วมมืออาเซียนเพื่อพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง (ASEAN Mekong Basin Development Cooperation — AMBDC) ซึ่งฝ่ายไทยได้เสนอ เส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์ - คุนหมิง ให้ที่ประชุมอาเซียนเห็นชอบ ซึ่งความร่วมมือในลักษณะนี้จะเป็นการลดช่องว่างระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน นอกจากนี้ ฝ่ายได้เสนอโครงการสร้างถนนปอยเปต - ศรีโสภณ ซึ่งมีระยะทาง 50 กิโลเมตร โครงการนี้เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการค้า รัฐบาลชุดก่อนได้ตั้งงบประมาณไว้ 55 ล้านเหรียญสหรัฐ และ Asian Development Bank (ADB) พร้อมจะให้เงินกู้จำนวน 44 ล้านเหรียญสหรัฐ
3. สำหรับการหารือทวิภาคีกับประเทศอื่นๆ นั้น สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
- ไทยและลาวได้เห็นชอบให้มีความร่วมมือขยายโครงการอินเตอร์เน็ตตำบลในอนาคตไปยังแขวงต่างๆ ของลาวบางแห่งด้วย ซึ่งจะเป็นการเชื่อมกันระหว่างชุมชนและสินค้าที่มีอยู่ ในชุมชน
-โครงการสามเหลี่ยมมรกต จะเชื่อมด้านการท่องเที่ยวในไทย ลาว และ กัมพูชา ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานี จำปาสัก และเขาพระวิหาร ซึ่งนายกรัฐมนตรีของทั้งสามประเทศเห็นชอบกับโครงการดังกล่าวเพื่อให้เป็นศูนย์การท่องเที่ยว มีการจัดทำโฆษณาและทำ Package tour ร่วมกัน โดยจะต้องจัดสร้างทางเชื่อมถนนหนทางรวมถึงโครงสร้างอื่นๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
-สำหรับการหารือทวิภาคีกับพม่านั้น ได้มีการหารือเรื่องการส่งแรงงานที่เหลือจากการจดทะเบียนกลับพม่า ซึ่งฝ่ายพม่ารับที่จะจัดประชุมภายในเพื่อหาข้อสรุปในเรื่องนี้ โดยจะครอบคลุมเรื่องพื้นที่รับคนงานกลับประเทศ การลงทะเบียน บัตรประชาชน ซึ่งจะนำไปสู่การลงนามใน MOU ระหว่างไทยกับพม่าเรื่องการจัดระเบียบของคนงานข้ามเขตแดน
-ไทยและกัมพูชาได้หารือเกี่ยวกับเรื่องเครือข่ายทางสังคม (social safety nets) และการส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)
-ไทยและเกาหลีใต้ได้หารือเรื่องสินค้าเกษตร อาทิ มะม่วง ซึ่งฝ่ายเกาหลีใต้ ได้ให้ความเห็นชอบที่จะนำเข้ามะม่วงของไทย นอกจากนี้ ฝ่ายเกาหลีใต้ได้ตกลงที่จะลดภาษีนำเข้ากุ้งและยางพาราให้ฝ่ายไทย และเกาหลีใต้จะพิจารณาจัดซื้อข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น
-ในการหารือทวิภาคีกับจีน ฝ่ายไทยได้เห็นชอบในเรื่องเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน นอกจากนี้ ฝ่ายไทยจะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาผลกระทบจากการที่จีนจะเข้าเป็นสมาชิก WTO สำหรับการหารือรัฐมนตรีต่างประเทศ 4 ฝ่ายในเรื่องยาเสพติด ได้เห็นพ้องกันว่าการประชุมดังกล่าวเป็นข้อริเริ่มที่ดีและมีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม และยังเห็นพ้องว่าความร่วมมือ 4 ฝ่าย ซึ่งได้มีการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่พม่าและระดับรัฐมนตรีที่กรุงปักกิ่งไปแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม 2544 ควรจะดำเนินต่อไปและควรจะนำไปสู่การประชุมระดับสุดยอด
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
วันนี้ (7 พฤศจิกายน 2544) ดร. สุเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังพิธีลงนามอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ระหว่างไทยและอาร์เมเนีย เกี่ยวกับผลการประชุมผู้นำอาเซียน สรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้
1.ฝ่ายไทยได้เสนอให้อาเซียนรวมตัวกันอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยการค้าแบบหักบัญชี ซึ่งเป็นที่ยอมรับและเป็นรูปแบบที่น่าจะใช้ในประเทศอาเซียน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม พม่า และมาเลเชีย ได้เห็นพ้องในเรื่องดังกล่าว
2. ฝ่ายไทยได้เสนอให้มีความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนใหม่และประเทศสมาชิกอาเซียนเก่ามากขึ้น โดยจัดทำโครงการร่วมกัน เช่น โครงการความร่วมมืออาเซียนเพื่อพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง (ASEAN Mekong Basin Development Cooperation — AMBDC) ซึ่งฝ่ายไทยได้เสนอ เส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์ - คุนหมิง ให้ที่ประชุมอาเซียนเห็นชอบ ซึ่งความร่วมมือในลักษณะนี้จะเป็นการลดช่องว่างระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน นอกจากนี้ ฝ่ายได้เสนอโครงการสร้างถนนปอยเปต - ศรีโสภณ ซึ่งมีระยะทาง 50 กิโลเมตร โครงการนี้เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการค้า รัฐบาลชุดก่อนได้ตั้งงบประมาณไว้ 55 ล้านเหรียญสหรัฐ และ Asian Development Bank (ADB) พร้อมจะให้เงินกู้จำนวน 44 ล้านเหรียญสหรัฐ
3. สำหรับการหารือทวิภาคีกับประเทศอื่นๆ นั้น สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
- ไทยและลาวได้เห็นชอบให้มีความร่วมมือขยายโครงการอินเตอร์เน็ตตำบลในอนาคตไปยังแขวงต่างๆ ของลาวบางแห่งด้วย ซึ่งจะเป็นการเชื่อมกันระหว่างชุมชนและสินค้าที่มีอยู่ ในชุมชน
-โครงการสามเหลี่ยมมรกต จะเชื่อมด้านการท่องเที่ยวในไทย ลาว และ กัมพูชา ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานี จำปาสัก และเขาพระวิหาร ซึ่งนายกรัฐมนตรีของทั้งสามประเทศเห็นชอบกับโครงการดังกล่าวเพื่อให้เป็นศูนย์การท่องเที่ยว มีการจัดทำโฆษณาและทำ Package tour ร่วมกัน โดยจะต้องจัดสร้างทางเชื่อมถนนหนทางรวมถึงโครงสร้างอื่นๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
-สำหรับการหารือทวิภาคีกับพม่านั้น ได้มีการหารือเรื่องการส่งแรงงานที่เหลือจากการจดทะเบียนกลับพม่า ซึ่งฝ่ายพม่ารับที่จะจัดประชุมภายในเพื่อหาข้อสรุปในเรื่องนี้ โดยจะครอบคลุมเรื่องพื้นที่รับคนงานกลับประเทศ การลงทะเบียน บัตรประชาชน ซึ่งจะนำไปสู่การลงนามใน MOU ระหว่างไทยกับพม่าเรื่องการจัดระเบียบของคนงานข้ามเขตแดน
-ไทยและกัมพูชาได้หารือเกี่ยวกับเรื่องเครือข่ายทางสังคม (social safety nets) และการส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)
-ไทยและเกาหลีใต้ได้หารือเรื่องสินค้าเกษตร อาทิ มะม่วง ซึ่งฝ่ายเกาหลีใต้ ได้ให้ความเห็นชอบที่จะนำเข้ามะม่วงของไทย นอกจากนี้ ฝ่ายเกาหลีใต้ได้ตกลงที่จะลดภาษีนำเข้ากุ้งและยางพาราให้ฝ่ายไทย และเกาหลีใต้จะพิจารณาจัดซื้อข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น
-ในการหารือทวิภาคีกับจีน ฝ่ายไทยได้เห็นชอบในเรื่องเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน นอกจากนี้ ฝ่ายไทยจะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาผลกระทบจากการที่จีนจะเข้าเป็นสมาชิก WTO สำหรับการหารือรัฐมนตรีต่างประเทศ 4 ฝ่ายในเรื่องยาเสพติด ได้เห็นพ้องกันว่าการประชุมดังกล่าวเป็นข้อริเริ่มที่ดีและมีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม และยังเห็นพ้องว่าความร่วมมือ 4 ฝ่าย ซึ่งได้มีการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่พม่าและระดับรัฐมนตรีที่กรุงปักกิ่งไปแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม 2544 ควรจะดำเนินต่อไปและควรจะนำไปสู่การประชุมระดับสุดยอด
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-