นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 11 — 15 กรกฎาคม 2548 คณะเจรจาเปิดเสรีบริการด้านการเงินภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-สหรัฐฯ นำโดยผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จะร่วมกับคณะเจรจาเปิดเสรีสินค้าและบริการอื่นๆ เดินทางไปยังมลรัฐมอนทาน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเจรจากับฝ่ายสหรัฐฯ ในรอบที่ 4 เพื่อพิจารณาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-สหรัฐฯ คณะเจรจาเปิดเสรีบริการด้านการเงินฝ่ายไทย จะประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรมการประกันภัย และสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง โดยมีผู้แทนจากสมาคมธนาคารไทย ซึ่งเป็นตัวแทนภาคเอกชนไปให้คำปรึกษาในการเจรจา
การไปร่วมเจรจาของคณะเจรจาเปิดเสรีบริการด้านการเงินในครั้งนี้ คณะเจรจาฝ่ายไทยจะแจ้งยืนยันกับฝ่ายสหรัฐฯว่าจะเจรจาเฉพาะในเรื่องของหลักการ (Rules) และกรอบของความตกลงเปิดเสรีระหว่างไทย-สหรัฐฯ (Framework) โดยจะยังไม่เข้าถึงรายละเอียดว่าแต่ละฝ่ายจะเปิดเสรีบริการสาขาใดบ้าง โดยมีเหตุผลว่าประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาและกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านกฎหมายและการกำกับดูแลในระบบการเงิน ทั้งนี้ปัจจุบันไทยมีนโยบายการเปิดเสรีบริการด้านการเงินอยู่แล้วตามที่วางไว้ในแผนพัฒนาระบบการเงิน (Financial Master Plan) ซึ่งมีลักษณะแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้สอดคล้องกับความพร้อมและระดับการพัฒนาประเทศเพื่อเสถียรภาพของระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจ
นายนริศกล่าวเพิ่มเติมว่า หากจะมีความตกลงเปิดเสรีบริการด้านการเงินระหว่างไทย-สหรัฐฯ ความตกลงดังกล่าวจะจัดทำขึ้นบนพื้นฐานที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้ตระหนักแล้วถึงความแตกต่างของสถานะเศรษฐกิจและระดับความพร้อมของภาคการเงินในการรองรับผลจากการเปิดเสรี นอกจากนี้ความตกลงดังกล่าวจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่ออิสระในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและนโยบายใดๆ ของไทยเพื่อรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพและความมั่นคงของระบบการเงิน ระบบเศรษฐกิจ และระบบอัตราแลกเปลี่ยน
นอกจากนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังยังมีส่วนสนับสนุนคณะเจรจาด้านอื่นๆ โดยที่สำคัญ ได้แก่ การเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรม การเปิดตลาดสินค้าเกษตร การเปิดตลาดสินค้าสิ่งทอ กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน ทั้งนี้ ในส่วนของการเปิดตลาดสินค้าต่างๆ นั้น ในฐานะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายพิกัดอัตราศุลกากร สำนักงานเศรษฐกิจการคลังจึงได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ในการจัดทำท่าทีด้านความพร้อมของการลดภาษีศุลกากร และส่งให้หัวหน้าคณะเจรจากลุ่มต่างๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเจรจา
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 48/2548 7 กรกฎาคม 48--
การไปร่วมเจรจาของคณะเจรจาเปิดเสรีบริการด้านการเงินในครั้งนี้ คณะเจรจาฝ่ายไทยจะแจ้งยืนยันกับฝ่ายสหรัฐฯว่าจะเจรจาเฉพาะในเรื่องของหลักการ (Rules) และกรอบของความตกลงเปิดเสรีระหว่างไทย-สหรัฐฯ (Framework) โดยจะยังไม่เข้าถึงรายละเอียดว่าแต่ละฝ่ายจะเปิดเสรีบริการสาขาใดบ้าง โดยมีเหตุผลว่าประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาและกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านกฎหมายและการกำกับดูแลในระบบการเงิน ทั้งนี้ปัจจุบันไทยมีนโยบายการเปิดเสรีบริการด้านการเงินอยู่แล้วตามที่วางไว้ในแผนพัฒนาระบบการเงิน (Financial Master Plan) ซึ่งมีลักษณะแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้สอดคล้องกับความพร้อมและระดับการพัฒนาประเทศเพื่อเสถียรภาพของระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจ
นายนริศกล่าวเพิ่มเติมว่า หากจะมีความตกลงเปิดเสรีบริการด้านการเงินระหว่างไทย-สหรัฐฯ ความตกลงดังกล่าวจะจัดทำขึ้นบนพื้นฐานที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้ตระหนักแล้วถึงความแตกต่างของสถานะเศรษฐกิจและระดับความพร้อมของภาคการเงินในการรองรับผลจากการเปิดเสรี นอกจากนี้ความตกลงดังกล่าวจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่ออิสระในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและนโยบายใดๆ ของไทยเพื่อรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพและความมั่นคงของระบบการเงิน ระบบเศรษฐกิจ และระบบอัตราแลกเปลี่ยน
นอกจากนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังยังมีส่วนสนับสนุนคณะเจรจาด้านอื่นๆ โดยที่สำคัญ ได้แก่ การเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรม การเปิดตลาดสินค้าเกษตร การเปิดตลาดสินค้าสิ่งทอ กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน ทั้งนี้ ในส่วนของการเปิดตลาดสินค้าต่างๆ นั้น ในฐานะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายพิกัดอัตราศุลกากร สำนักงานเศรษฐกิจการคลังจึงได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ในการจัดทำท่าทีด้านความพร้อมของการลดภาษีศุลกากร และส่งให้หัวหน้าคณะเจรจากลุ่มต่างๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเจรจา
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 48/2548 7 กรกฎาคม 48--