6/11/44 นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการประชุมสุดยอดอาเซียน (Asian Summit) ครั้งที่ 7 ในระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายน 2544 ที่กรุงบันดาร์เสรี เบกาวัน ประเทศบรูไนว่า ได้มีการเจรจาในระดับทวิภาคีกับจีน โดยฝ่ายไทยพยายามล็อบบี้ให้มีการทำเขตการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับจีน ในขณะที่ประเทศสมาชิกบางประเทศกลับมีความวิตกกังวลว่าหากมีการทำการเขตการค้าเสรีกับจีนแล้วจะทำให้สินค้าของจีน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรมีโอกาสเข้ามาจำหน่ายในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนได้มากขึ้น ดังนั้นจึงขอให้จีนให้แต้มต่อทางการค้ากับประเทศสมาชิกอาเซียน ก่อนที่จีนจะเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก(WTO)อย่างเป็นทางการในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งกลุ่มสมาชิกอาเซียนจะมีการประการปฏิญญาร่วมกันถึงขอบเขตความร่วมมือในการทำเขตการค้าเสรีกับจีนทั้งหมด 5 เรื่องด้วยกัน คือ 1.การเกษตร 2.เทคโน โลยี 3.การพัฒนาบุคลากร 4.การลงทุน และ 5.การพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงและเขตสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ
“จีนได้ให้เงินสนับสนุนแก่กลุ่มประเทศอาเซียนจำนวน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อศึกษาในการวางระบบขนส่งทางรถยนต์ รถไฟ และการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงให้มีศักยภาพมากขึ้น พร้อมกับแจ้งว่าจีนจะนำเข้าข้าวหอมมะลิจากไทยในปี 2544นี้ ไม่ต่ำกว่า 250,000 ตัน เท่ากับการนำเข้าเมื่อปี 2543 ซึ่งขณะนี้ได้นำเข้าแล้วประมาณ 175,000 ตัน”
นอกจากนี้ก็ได้มีการเจรจาระดับทวิภาคีกับเกาหลีใต้โดยมีการหารือกันในเรื่องสินค้าเกษตรที่เกาหลีใต้นำมาตรการกีดกันทางการค้าต่างๆมาใช้ในการควบคุมการนำเข้า ซึ่งผลจากการเจรจาในครั้งนี้เกาหลีใต้ยอม ตกลงที่จะให้มีนำเข้ามะม่วงจากไทยได้ ขณะเดียวกันก็ลดภาษีนำเข้ากุ้งจากเดิมร้อยละ 20 และที่จะถูกเรียกเก็บค่าภาษีนำเข้าโดยยืดหยุ่นตามภาวะการผลิตในประเทศร้อยละ 60 รวมทั้งสิ้นประมาณร้อยละ 80อีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังให้มีการนำเข้ายางพาราจากไทยเพิ่มขึ้น โดยที่ไทยจะต้องรักษาคุณภาพยางไว้อย่างสม่ำเสมอ และกำหนดการส่งมอบสินค้าให้ตรงเวลา
ส่วนเรื่องข้าวนั้นเกาหลีได้ออกมาระบุถึงคุณภาพของข้าวไทยว่า ยังไม่ได้มาตรฐานตามสุขอนามัย ซึ่งเราไม่ค่อยจะเชื่อคำกล่าวของฝ่ายเกาหลีมากนัก เพราะที่ผ่านมาไทยมีการส่งออกข้าวไปต่างประเทศเป็นจำนวนมาก และในแต่ละปีเกาหลีก็นำเข้าข้าวจากไทยเป็นจำนวนกว่า 1 แสนตัน โดยในขณะนี้ได้นำเข้าข้าวจากไทยไปแล้วกว่า 30,000 ตัน
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ พฤศจิกายน 2544--
-ปส-
“จีนได้ให้เงินสนับสนุนแก่กลุ่มประเทศอาเซียนจำนวน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อศึกษาในการวางระบบขนส่งทางรถยนต์ รถไฟ และการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงให้มีศักยภาพมากขึ้น พร้อมกับแจ้งว่าจีนจะนำเข้าข้าวหอมมะลิจากไทยในปี 2544นี้ ไม่ต่ำกว่า 250,000 ตัน เท่ากับการนำเข้าเมื่อปี 2543 ซึ่งขณะนี้ได้นำเข้าแล้วประมาณ 175,000 ตัน”
นอกจากนี้ก็ได้มีการเจรจาระดับทวิภาคีกับเกาหลีใต้โดยมีการหารือกันในเรื่องสินค้าเกษตรที่เกาหลีใต้นำมาตรการกีดกันทางการค้าต่างๆมาใช้ในการควบคุมการนำเข้า ซึ่งผลจากการเจรจาในครั้งนี้เกาหลีใต้ยอม ตกลงที่จะให้มีนำเข้ามะม่วงจากไทยได้ ขณะเดียวกันก็ลดภาษีนำเข้ากุ้งจากเดิมร้อยละ 20 และที่จะถูกเรียกเก็บค่าภาษีนำเข้าโดยยืดหยุ่นตามภาวะการผลิตในประเทศร้อยละ 60 รวมทั้งสิ้นประมาณร้อยละ 80อีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังให้มีการนำเข้ายางพาราจากไทยเพิ่มขึ้น โดยที่ไทยจะต้องรักษาคุณภาพยางไว้อย่างสม่ำเสมอ และกำหนดการส่งมอบสินค้าให้ตรงเวลา
ส่วนเรื่องข้าวนั้นเกาหลีได้ออกมาระบุถึงคุณภาพของข้าวไทยว่า ยังไม่ได้มาตรฐานตามสุขอนามัย ซึ่งเราไม่ค่อยจะเชื่อคำกล่าวของฝ่ายเกาหลีมากนัก เพราะที่ผ่านมาไทยมีการส่งออกข้าวไปต่างประเทศเป็นจำนวนมาก และในแต่ละปีเกาหลีก็นำเข้าข้าวจากไทยเป็นจำนวนกว่า 1 แสนตัน โดยในขณะนี้ได้นำเข้าข้าวจากไทยไปแล้วกว่า 30,000 ตัน
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ พฤศจิกายน 2544--
-ปส-