นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคเตรียมแถลงผลงานของพรรคที่ผ่านมาตามนโยบายของกกต. ทางสถานีโทรทัศน์ และสถานีวิทยุ ในวันที่ 5 ก.ค. นี้ โดยเริ่มเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เวลา 10.25 น.-11.10 น. ช่อง 9 เวลา 08.30 น.-09.15 น. ยูบีซี เวลา 14.00 น. -14.45 น. สถานีวิทยุในเครือกรมประชาสัมพันธ์ เวลา 12.30-13.15 น. โดยเนื้อหาแบ่งเป็น 1. เรื่องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคและแนวทางการนำพาพรรคในอนาคต 2. ปัญหาภาคใต้ และกิจกรรมที่พรรคลงไปในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 3. เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุริยะ แต่เนื้อหารายละเอียดอาจจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เนื่องจากกกต. ให้ตัดถ้อยคำบางส่วนออกไป เพื่อให้สามารถเผยแพร่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม พี่น้องประชาชนสามารถติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจของนายอภิสิทธิ์ได้ผ่านซีดีของพรรค ซึ่งจะจัดจำหน่ายในราคาชุดละ 25 บาท บรรจุ 2 แผ่น จำนวน 50,000 ชุด ออกจำหน่ายในวันที่ 6 ก.ค. 48 นี้ พร้อมกันนี้ยังได้จัดทำเอกสารสรุปเนื้อหาการอภิปรายอีกจำนวน 100,000 ชุด
นอกจากนี้นายองอาจ ยังได้กล่าวถึงกรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้สั่งการให้คณะทำงานด้านการสื่อสารเทคโนโลยีและคมนาคม ติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งเป้าหมายในการตรวจสอบก็เพื่อเอาคนผิดมาลงโทษ ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์และภาคประชาชนก็ได้ร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิด ในการที่จะขยายผลความไม่ชอบมาพากลของเรื่องนี้ตามกระบวนการต่างๆ ที่สามารถดำเนินการได้ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางกฎหมายหรือการใช้อำนาจหน้าที่ของฝ่ายรัฐ และในสัปดาห์หน้าพรรคจะมอบหมายให้นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรค เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีที่บริษัทควอเตอร์เทคที่เป็นบริษัทที่ปรึกษาของบริษัทการท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่ กรณีการใช้เอกสารปลอมเป็นเหตุให้มีการว่าจ้างเป็นบริษัทที่ปรึกษาและทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการบริหารบทม. เพื่อให้บอกเลิกสัญญา และเรียกเงินคืนกับบริษัทควอเตอร์เทค
จากกรณีนายกรัฐมนตรีจะมอบหมายให้คณะกรรมการชุดที่มีอธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นประธานพิจารณารวบรวมข้อมูลจากฝ่ายค้านและรัฐบาล มาดำเนินการต่อไปนั้น พรรคประชาธิปัตย์มองว่า การที่นายกรัฐมนตรีทำเช่นนี้ไม่น่าที่จะทำให้เกิดผลใดๆ ขึ้นมา น่าจะเป็นการสร้างภาพ เพื่อให้พี่น้องประชาชนเห็นว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังกับเรื่องสินบนซีทีเอ็กซ์ นายกฯ ไม่จำเป็นต้องสั่งให้ใครรวบรวมข้อมูล เพราะ สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายในสภา รวมทั้งสิ่งที่ท่านรัฐมนตรีตอบนั้นได้เป็นที่ประจักษ์แล้วทั่วประเทศว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง อยู่ที่นายกรัฐมนตรีจะดำเนินการอย่างไร แต่ถ้านายกฯ ยังคงยืนยันที่จะให้คณะกรรมการชุดนี้ดำเนินการสอบสวนต่อไป พรรคประชาธิปัตย์มีความเห็นว่า 1. ท่านนายกฯ ควรจะกำหนดกรอบการสอบสวนให้ชัดเจน 2. ควรกำหนดเป้าหมายในการสอบสวนที่ชัดเจน 3. ควรกำหนดกรอบระยะเวลาของการสอบสวน และ เมื่อดำเนินการสอบสวนในเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ควรจะแถลงให้พี่น้องประชาชนทราบ
จากกระแสข่าวที่รัฐบาลจะซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดโดยตรงจากบริษัทจีอีอินวิชั่นนั้น พบว่า จากข้อมูลการที่จะซื้อเครื่องโดยตรงจากบริษัทแม่ที่สหรัฐอเมริกากลับเป็นการซื้อในราคาเดิม เท่าที่เคยจะซื้อก่อนหน้านี้ผ่านบริษัทนายหน้า 2-3 ทอด เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์มองว่า เมื่อเราจะซื้อจากบริษัทแม่ ราคาที่ซื้อย่อมจะมีความแตกต่างไปจากเดิม ราคาที่ซื้อตรงน่าจะถูกว่าราคาที่ซื้อผ่านหลายทอด การที่จะซื้อตรงแต่ว่าราคาเท่าเดิม พรรคประชาธิปัตย์มองว่าน่าจะมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น จึงเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการซื้อเครื่องนี้ในราคาที่ถูกต้องเหมาะสมและเป็นธรรม ไม่ควรปล่อยให้มีการกำหนดราคาโดยผู้ขาย เหมือนที่ผ่านมาในอดีต
กรณีการปรับคณะรัฐมนตรี นายองอาจ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีควรฟังเสียงประชาชน และควรปรับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกจากตำแหน่ง และไม่ควรให้ได้รับผิดชอบเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิอีกต่อไป ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์มองว่าการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นเพียงกระบวนการหนึ่งของรัฐบาลในการดำเนินการเพื่อรักษาภาพลักษณ์ แต่การปรับคณะรัฐมนตรียังไม่สำคัญเท่ากับท่าทีของรัฐบาลในการที่จะค้นหาความจริงในการที่จะเอาคนผิดมาลงโทษ และถ้ามีการปรับคณะรัฐมนตรีเกิดขึ้นก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาในคณะรัฐบาลมากว่าแก้ปัญหากรณีการทุจริตคอร์รัปชั่น จึงอยากให้รัฐบาลใส่ใจ ให้ความสำคัญ ค้นหาความจริง เอาคนผิดมาลงโทษมากกว่าใส่ใจภาพลักษณ์ของรัฐบาล
‘พรรคไทยรักไทยออกมาระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์เห็นแต่ข้อบกพร่องของคนอื่นและนำมากล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจรวมทั้งกล่าวอภิปรายในการพิจารณางบประมาณ ตนในฐานะโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ก็อยากจะเรียนว่า ถ้าพรรคไทยรักไทยไม่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงข้อบกพร่อง การทุจริต รัฐบาลก็ต้องทำตัวเองให้ดี ให้ถูกต้อง อย่าบริหารงานให้มีข้อผิดพลาด หรือให้มีการทุจริตเกิดขึ้น ถ้ารัฐบาลบริหารงานดี เราก็คงไม่สามารถที่จะนำข้อบกพร่องผิดพลาดมาอภิปรายได้’ นายองอาจ กล่าว
ด้านนายธนิตพล ไชยนันทน์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาแรงงานต่างด้าวว่า การที่รัฐบาลออกมติคณะรัฐมนตรีให้แรงงานต่างด้าวที่มีการจดทะเบียนตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 สามารถย้ายเข้ามาทำงานในเมืองได้ ก่อให้เกิดความเสียหายและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งไม่เข้าใจว่ารัฐบาลมีกระบวนการคิดอย่างไร เพราะแนวคิดดังกล่าวเป็นการส่งเสริมขบวนการค้ามนุษย์ โดยอาศัยช่องทางทางกฎหมาย ในการลักลอบเข้ามาทำงานในเมืองมากขึ้น ซึ่งมีจำนวนหลายหมื่นคนในขณะนี้ เช่น การสวมบัตรแทน
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้เคยทักท้วงรัฐบาลมาตลอดว่า การจะขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวควรจะมีการคำณวน และมีการทำประชาพิจารณ์ รวมทั้งแนวทางการแก้ปัญหา มิฉะนั้นจะมีการสวมสิทธิ์ ได้ เรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้จากจังหวัดพื้นที่ที่อยู่ติดชายแดนทุกจังหวัดว่ามีการสวมสิทธิ์จริงหรือไม่ นอกจากนี้ยังทำให้แรงงานต่างด้าวบริเวณชายแดนเกิดการขาดแคลนจนต้องไปว่าจ้างงแรงงานเถื่อนเข้ามาทำงานแทน จนทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรม ความมั่นคง และสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้พบโรคระบาดที่เกิดจากแรงงานต่างด้าวเหล่านี้ตามจังหวัดชายแดนมากขึ้น ตนจึงขอให้รัฐบาลทบทวนเรื่องนี้และรับฟังเสียงประชาชน ข้าราชการที่อยู่ในพื้นที่ เพื่อที่จะได้ทราบว่าสิ่งที่ควรจะทำเรื่องแรงงานต่างด้าวคืออะไร
นายเจะอามิง โต๊ะตาหยง ส.ส.นราธิวาส กล่าวถึงปัญหาสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ว่า ขณะนี้ประชาชนเกิดความเครียด หวาดระแวง ไม่มั่นใจต่อสถานการณ์การควบคุมของรัฐบาลว่าจะควบคุมได้หรือไม่ และรู้สึกว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เท่าที่ควร ตนจึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาล หามาตรการระยะสั้นในการแก้ไข และควบคุมสถานการณ์ให้ได้และต้องแยกประเด็นในการแก้ไขปัญหาให้ออก รวมทั้งต้องหาข้อมูลเชิงลึกให้มากกว่านี้ ตลอดจนไม่เหวี่ยงแหในการได้ข้อมูล ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์พร้อมจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา และพรรคประชาธิปัตย์มีกำหนดที่ลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงจากประชาชนอีกครั้ง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 ก.ค. 2548--จบ--
นอกจากนี้นายองอาจ ยังได้กล่าวถึงกรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้สั่งการให้คณะทำงานด้านการสื่อสารเทคโนโลยีและคมนาคม ติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งเป้าหมายในการตรวจสอบก็เพื่อเอาคนผิดมาลงโทษ ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์และภาคประชาชนก็ได้ร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิด ในการที่จะขยายผลความไม่ชอบมาพากลของเรื่องนี้ตามกระบวนการต่างๆ ที่สามารถดำเนินการได้ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางกฎหมายหรือการใช้อำนาจหน้าที่ของฝ่ายรัฐ และในสัปดาห์หน้าพรรคจะมอบหมายให้นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรค เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีที่บริษัทควอเตอร์เทคที่เป็นบริษัทที่ปรึกษาของบริษัทการท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่ กรณีการใช้เอกสารปลอมเป็นเหตุให้มีการว่าจ้างเป็นบริษัทที่ปรึกษาและทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการบริหารบทม. เพื่อให้บอกเลิกสัญญา และเรียกเงินคืนกับบริษัทควอเตอร์เทค
จากกรณีนายกรัฐมนตรีจะมอบหมายให้คณะกรรมการชุดที่มีอธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นประธานพิจารณารวบรวมข้อมูลจากฝ่ายค้านและรัฐบาล มาดำเนินการต่อไปนั้น พรรคประชาธิปัตย์มองว่า การที่นายกรัฐมนตรีทำเช่นนี้ไม่น่าที่จะทำให้เกิดผลใดๆ ขึ้นมา น่าจะเป็นการสร้างภาพ เพื่อให้พี่น้องประชาชนเห็นว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังกับเรื่องสินบนซีทีเอ็กซ์ นายกฯ ไม่จำเป็นต้องสั่งให้ใครรวบรวมข้อมูล เพราะ สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายในสภา รวมทั้งสิ่งที่ท่านรัฐมนตรีตอบนั้นได้เป็นที่ประจักษ์แล้วทั่วประเทศว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง อยู่ที่นายกรัฐมนตรีจะดำเนินการอย่างไร แต่ถ้านายกฯ ยังคงยืนยันที่จะให้คณะกรรมการชุดนี้ดำเนินการสอบสวนต่อไป พรรคประชาธิปัตย์มีความเห็นว่า 1. ท่านนายกฯ ควรจะกำหนดกรอบการสอบสวนให้ชัดเจน 2. ควรกำหนดเป้าหมายในการสอบสวนที่ชัดเจน 3. ควรกำหนดกรอบระยะเวลาของการสอบสวน และ เมื่อดำเนินการสอบสวนในเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ควรจะแถลงให้พี่น้องประชาชนทราบ
จากกระแสข่าวที่รัฐบาลจะซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดโดยตรงจากบริษัทจีอีอินวิชั่นนั้น พบว่า จากข้อมูลการที่จะซื้อเครื่องโดยตรงจากบริษัทแม่ที่สหรัฐอเมริกากลับเป็นการซื้อในราคาเดิม เท่าที่เคยจะซื้อก่อนหน้านี้ผ่านบริษัทนายหน้า 2-3 ทอด เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์มองว่า เมื่อเราจะซื้อจากบริษัทแม่ ราคาที่ซื้อย่อมจะมีความแตกต่างไปจากเดิม ราคาที่ซื้อตรงน่าจะถูกว่าราคาที่ซื้อผ่านหลายทอด การที่จะซื้อตรงแต่ว่าราคาเท่าเดิม พรรคประชาธิปัตย์มองว่าน่าจะมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น จึงเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการซื้อเครื่องนี้ในราคาที่ถูกต้องเหมาะสมและเป็นธรรม ไม่ควรปล่อยให้มีการกำหนดราคาโดยผู้ขาย เหมือนที่ผ่านมาในอดีต
กรณีการปรับคณะรัฐมนตรี นายองอาจ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีควรฟังเสียงประชาชน และควรปรับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกจากตำแหน่ง และไม่ควรให้ได้รับผิดชอบเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิอีกต่อไป ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์มองว่าการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นเพียงกระบวนการหนึ่งของรัฐบาลในการดำเนินการเพื่อรักษาภาพลักษณ์ แต่การปรับคณะรัฐมนตรียังไม่สำคัญเท่ากับท่าทีของรัฐบาลในการที่จะค้นหาความจริงในการที่จะเอาคนผิดมาลงโทษ และถ้ามีการปรับคณะรัฐมนตรีเกิดขึ้นก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาในคณะรัฐบาลมากว่าแก้ปัญหากรณีการทุจริตคอร์รัปชั่น จึงอยากให้รัฐบาลใส่ใจ ให้ความสำคัญ ค้นหาความจริง เอาคนผิดมาลงโทษมากกว่าใส่ใจภาพลักษณ์ของรัฐบาล
‘พรรคไทยรักไทยออกมาระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์เห็นแต่ข้อบกพร่องของคนอื่นและนำมากล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจรวมทั้งกล่าวอภิปรายในการพิจารณางบประมาณ ตนในฐานะโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ก็อยากจะเรียนว่า ถ้าพรรคไทยรักไทยไม่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงข้อบกพร่อง การทุจริต รัฐบาลก็ต้องทำตัวเองให้ดี ให้ถูกต้อง อย่าบริหารงานให้มีข้อผิดพลาด หรือให้มีการทุจริตเกิดขึ้น ถ้ารัฐบาลบริหารงานดี เราก็คงไม่สามารถที่จะนำข้อบกพร่องผิดพลาดมาอภิปรายได้’ นายองอาจ กล่าว
ด้านนายธนิตพล ไชยนันทน์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาแรงงานต่างด้าวว่า การที่รัฐบาลออกมติคณะรัฐมนตรีให้แรงงานต่างด้าวที่มีการจดทะเบียนตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 สามารถย้ายเข้ามาทำงานในเมืองได้ ก่อให้เกิดความเสียหายและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งไม่เข้าใจว่ารัฐบาลมีกระบวนการคิดอย่างไร เพราะแนวคิดดังกล่าวเป็นการส่งเสริมขบวนการค้ามนุษย์ โดยอาศัยช่องทางทางกฎหมาย ในการลักลอบเข้ามาทำงานในเมืองมากขึ้น ซึ่งมีจำนวนหลายหมื่นคนในขณะนี้ เช่น การสวมบัตรแทน
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้เคยทักท้วงรัฐบาลมาตลอดว่า การจะขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวควรจะมีการคำณวน และมีการทำประชาพิจารณ์ รวมทั้งแนวทางการแก้ปัญหา มิฉะนั้นจะมีการสวมสิทธิ์ ได้ เรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้จากจังหวัดพื้นที่ที่อยู่ติดชายแดนทุกจังหวัดว่ามีการสวมสิทธิ์จริงหรือไม่ นอกจากนี้ยังทำให้แรงงานต่างด้าวบริเวณชายแดนเกิดการขาดแคลนจนต้องไปว่าจ้างงแรงงานเถื่อนเข้ามาทำงานแทน จนทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรม ความมั่นคง และสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้พบโรคระบาดที่เกิดจากแรงงานต่างด้าวเหล่านี้ตามจังหวัดชายแดนมากขึ้น ตนจึงขอให้รัฐบาลทบทวนเรื่องนี้และรับฟังเสียงประชาชน ข้าราชการที่อยู่ในพื้นที่ เพื่อที่จะได้ทราบว่าสิ่งที่ควรจะทำเรื่องแรงงานต่างด้าวคืออะไร
นายเจะอามิง โต๊ะตาหยง ส.ส.นราธิวาส กล่าวถึงปัญหาสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ว่า ขณะนี้ประชาชนเกิดความเครียด หวาดระแวง ไม่มั่นใจต่อสถานการณ์การควบคุมของรัฐบาลว่าจะควบคุมได้หรือไม่ และรู้สึกว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เท่าที่ควร ตนจึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาล หามาตรการระยะสั้นในการแก้ไข และควบคุมสถานการณ์ให้ได้และต้องแยกประเด็นในการแก้ไขปัญหาให้ออก รวมทั้งต้องหาข้อมูลเชิงลึกให้มากกว่านี้ ตลอดจนไม่เหวี่ยงแหในการได้ข้อมูล ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์พร้อมจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา และพรรคประชาธิปัตย์มีกำหนดที่ลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงจากประชาชนอีกครั้ง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 ก.ค. 2548--จบ--