วันที่ 20 กันยายน 2544 นายภิมุข สิมะโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
พรรคไทยรักไทย กรุงเทพมหานคร และนางสาวนริศา อดิเทพวรพันธุ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกัน
แถลงข่าวถึงสถานการณ์พลังงานในประเทศที่อาจจะเกิดผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการรู้สึกเป็นห่วงและเฝ้าติดตามสถานการณ์
อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด และอาจสามารถสรุปได้ในขณะนี้ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ส่งผลใด ๆ
มากนักต่อราคาน้ำมัน ซึ่งเห็นได้ว่าราคาน้ำมันที่ผ่านมาในช่วงอาทิตย์ที่สองของเดือนกันยายนปรับตัวเพิ่มขึ้น
เพียงเล็กน้อย โดยมาจากสาเหตุหลัก 2 ปัจจัย คือ ความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นของประชาชน
เพื่อเตรียมตัวรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า และอาจเป็นไปได้ว่าความวิตกกังวล
ของประชาชนที่หวั่นเกรงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะทำให้เกิดผลด้าน จิตวิทยาและเกิดการกักตุนพลังงานบางส่วน
ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยนั้น เห็นได้จากราคาน้ำมันก่อนเกิดเหตุการณ์และหลัง
เกิดเหตุการณ์มีความแตกต่างกันไม่มากนัก กล่าวคือ น้ำมันดีเซล ก่อนเกิดเหตุการณ์ราคาอยู่ที่ 28 เหรียญต่อบาเรล
และหลังเกิดเหตุการณ์นั้นน้ำมันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 31 เหรียญต่อบาเรล และในส่วนของน้ำมันเบนซินก่อนเกิด
เหตุการณ์ราคาน้ำมันอยู่ที่ 30.4 เหรียญต่อบาเรล และหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นราคาน้ำมันขึ้นไปเฉลี่ยอยู่ที่
32.3 เหรียญต่อบาเรล การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน 2-3 เหรียญต่อบาเรล นั้นถือว่ายังอยู่ในสภาวะปกติ
เนื่องมาจากราคาน้ำมัน เคยเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วงปีที่ผ่านมาถึง 41 เหรียญต่อบาเรล สำหรับน้ำมันดีเซล
และราคา 38 เหรียญต่อบาเรล สำหรับเบนซิน และขณะนี้ราคาน้ำมันทั้งสองชนิดได้ปรับตัวลดลงแล้ว
และหากเหตุการณ์ในอนาคตไม่บานปลายไปสู่สงครามที่มีประเทศผู้ค้าน้ำมันร่วมด้วย ประเทศคงไม่ไปสู่สภาวะการณ์
"วิกฤตการณ์น้ำมัน" จนทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูงอย่างผิดปกติ แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในอนาคตที่เกิดขึ้นนั้น
ย่อมไม่มีอะไรแน่นอน คณะกรรมาธิการฯ จึงอยากให้ประชาชนเตรียมตัวและเตรียมพร้อม โดยให้ยึดหลักการ
ประหยัดพลังงานเป็นหลักและปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐที่จะนำมาใช้ในอนาคตอย่างเคร่งครัด
-------------------------------------------
วัชรา ฉิมคล้าย / ผู้สรุป
นุสรา เกตุแก้ว / พิมพ์
พรรคไทยรักไทย กรุงเทพมหานคร และนางสาวนริศา อดิเทพวรพันธุ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกัน
แถลงข่าวถึงสถานการณ์พลังงานในประเทศที่อาจจะเกิดผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการรู้สึกเป็นห่วงและเฝ้าติดตามสถานการณ์
อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด และอาจสามารถสรุปได้ในขณะนี้ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ส่งผลใด ๆ
มากนักต่อราคาน้ำมัน ซึ่งเห็นได้ว่าราคาน้ำมันที่ผ่านมาในช่วงอาทิตย์ที่สองของเดือนกันยายนปรับตัวเพิ่มขึ้น
เพียงเล็กน้อย โดยมาจากสาเหตุหลัก 2 ปัจจัย คือ ความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นของประชาชน
เพื่อเตรียมตัวรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า และอาจเป็นไปได้ว่าความวิตกกังวล
ของประชาชนที่หวั่นเกรงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะทำให้เกิดผลด้าน จิตวิทยาและเกิดการกักตุนพลังงานบางส่วน
ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยนั้น เห็นได้จากราคาน้ำมันก่อนเกิดเหตุการณ์และหลัง
เกิดเหตุการณ์มีความแตกต่างกันไม่มากนัก กล่าวคือ น้ำมันดีเซล ก่อนเกิดเหตุการณ์ราคาอยู่ที่ 28 เหรียญต่อบาเรล
และหลังเกิดเหตุการณ์นั้นน้ำมันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 31 เหรียญต่อบาเรล และในส่วนของน้ำมันเบนซินก่อนเกิด
เหตุการณ์ราคาน้ำมันอยู่ที่ 30.4 เหรียญต่อบาเรล และหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นราคาน้ำมันขึ้นไปเฉลี่ยอยู่ที่
32.3 เหรียญต่อบาเรล การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน 2-3 เหรียญต่อบาเรล นั้นถือว่ายังอยู่ในสภาวะปกติ
เนื่องมาจากราคาน้ำมัน เคยเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วงปีที่ผ่านมาถึง 41 เหรียญต่อบาเรล สำหรับน้ำมันดีเซล
และราคา 38 เหรียญต่อบาเรล สำหรับเบนซิน และขณะนี้ราคาน้ำมันทั้งสองชนิดได้ปรับตัวลดลงแล้ว
และหากเหตุการณ์ในอนาคตไม่บานปลายไปสู่สงครามที่มีประเทศผู้ค้าน้ำมันร่วมด้วย ประเทศคงไม่ไปสู่สภาวะการณ์
"วิกฤตการณ์น้ำมัน" จนทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูงอย่างผิดปกติ แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในอนาคตที่เกิดขึ้นนั้น
ย่อมไม่มีอะไรแน่นอน คณะกรรมาธิการฯ จึงอยากให้ประชาชนเตรียมตัวและเตรียมพร้อม โดยให้ยึดหลักการ
ประหยัดพลังงานเป็นหลักและปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐที่จะนำมาใช้ในอนาคตอย่างเคร่งครัด
-------------------------------------------
วัชรา ฉิมคล้าย / ผู้สรุป
นุสรา เกตุแก้ว / พิมพ์