นายอลงกรณ์ พลบุตร กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการยกร่าง พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูและ พัฒนาเกษตรกร ในนามของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ชี้แจงถึงสาระสำคัของ พ.ร.บ.ดังกล่าวว่า "ความจริงเป็นเรื่องหน้า ยินดีมากทีเดียวที่ พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟู และพัฒนาเกษตรกรนั้น ได้มีการนำเสนอต่อรัฐสภาและก็มีผลบังคับใช้ไปแล ้ว เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2542 อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นกฎหมายที่ เป็นกฎหมายยุคใหม่ ซึ่งให้บทบาทของเกษตรกรเข้ามา มีส่วน ร่วมกับภาครัฐบาลในการบริหารกองทุนที่เรียกว่ากองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรก ร โดยวัตถุประสงค์สำคัคือเนื่องจาก ว่ามีเกษตรกรไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคล หรือว่าบุคคลธรรมดา ประสบปัญ หาในการประกอบอาชีพส่วนหนึ่ง เป็นหนี้เป็นสิน ส่วนหนึ่งนั้นประกอบอาชีพในลักษณะตัวบุคคลไม่ประสบความสำเร็จ และก่อใ ห้เกิดปัหาการดำรงชีพ ด้วยเหตุนี้เอง ตัวแทนของเกษตรกรตลอดจนตัวแทนของรัฐบาล จึงได้หารือร่วมกันว่าน่าจะมีเครื่องมือ ในการพิจารณาเกษตรกรที่ ประสบปัหาเหล่านี้ ในที่สุดแล้วรัฐบาลภายใต้การนำของนายชวน หลีกภัย ซึ่งในพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ จึงได้ มอบหมายให้มีคณะกรรมการยกร่างกฎหมายดังกล่าวขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2541
โดยที่มีตัวแทนเกษตรกรและตัวแทน ภาครัฐบาลได้เข้าร่วมและก็มีคุณอำนวย ปติเส และผมก็เป็นประธานร่วมในการยกร่างกฎหมายดังกล่าว
การยกร่างจากบรรทัดแรกจนกระทั่งประกาศใช้เป็นกฎหมาย ผ่านกระบวนการนิติบััติเรียบร้อย และมีผลบังคับใช้ เรียบร้อยไปแล้ว ใช้เวลาทั้งสิ้น 11 เดือน ถือได้ว่าเป็นกฎหมายที่ผ่านรัฐสภาและประกาศใช้เร็ว ที่สุดฉบับหนึ่ง ใน ประวัติศาสตร์กฎหมายไทย และน่าภูมิใจในพี่น้องเกษตรกรที่กฎหมายดังกล่าวนี้ได้รับความเห็นชอบ ส นับสนุนอย่าง กว้างขวางทีเดียวโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นพรรคแกนนำในการผลักดันกฎหมายดังกล่าว
โดยสาระสำคั และวัตถุประสงค์นั้น มุ่งหวังอย่างเหลือเกินที่จะให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนา เกษตรกรนั้นสามารถ ที่จะ ประกาศให้เกษตรกรทั้งที่เป็นนิติบุคคลหรือ บุคคลธรรมดา นั้นได้รวมกลุ่มกันมาขึ้นทะเบียนต่อกองทุน โดยกองทุน ดังกล่าวนั้นมีคณะกรรมการบริหารซึ่ง มีทั้งสิ้น 41 ท่านด้วยกัน มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และก็ตัวแทนภาค ราชการ 20 คน ตัวแทนภาคเกษตรกร 20 คนทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการกองทุนดังกล่าว จะเห็นว่าการบริหารจัดการ กองทุน ดังกล่าวนี้เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ครับในประวัติศาสตร์ การบริหารราชการแผ่นดิน ที่ยินยอมให้เกษตรกร ถึงครึ่งหนึ่งเข้ามา ร่วมกันในบริหารตัดสินใจบริหารกองทุน ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าที่สำคัอย่างยิ่งในการยอมรับเสถียรภาพ และ บทบาทของพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ
กองทุนนี้รัฐบาลได้ตั้งงบให้ในการเป็นทุนประเดิม 1,800 ล้าน และในปีงบประมาณ 2543 ได้กำหนดที่จะสมทบให้เป็น 5,000 ล้าน และในปีถัดไปก็คงจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวนั้น ได้มีการจะตั้งเรียบร้อยภายใต้พ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งได้มีการเลือกตัวแทนของเกษตรกร ตัวแทนภาคราชการเข้ามาเป็นพนักงานชั่วคราว ทั้งนี้เพื่อที่จะให้เป็นตัวแทนออก ระเบียบต่าง ๆ ในเรื่องของการบริหารการใช้กองทุน รูปแบบของการที่จะมาขอการช่วยเหลือไม่ยากคือว่าให้เกษตรกรตั้ง แต่ 50 คนขึ้นไป รวมตัวกันและมาขึ้นทะเบียนเป็น องค์กรเกษตรกรภายใต้กฎหมายฉบับนี้ ที่สำนักงานเกษตรและ สหกรณ์จังหวัด ในทุกจังหวัด และเมื่อขึ้นทะเบียนแล้วจะมีสิทธิในการเสนอโครงการที่จะขอการสนับสนุนจากก องทุน และมีสิทธิในการเลือกตัวแทนเข้ามาเป็นคณะกรรมการกองทุนในระดับชาติสำหรับช าติ สำหรับโครงการในลักษณะเช่น นี้นั้น ตัวอย่าง อาจจะมีพี่น้องเกษตรกรที่ไม่สามารถที่จะไปพึ่งพาสถาบันการเงินใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบงก์ หรือ ธกส. หรือแม้แต่กลุ่มออมทรัพย์หรือสหกรณ์ต่าง ๆ แล้ว เป็นเกษตรกรยากจน สามารถที่จะร่วมกันในตำบลในหมู่บ้านของเรา ให้ได้ 50 คนแล้วมาขึ้นทะเบียน เสร็จแล้วเขียนโครงการมาให้คณะกรรมการมา พิจารณา ยกตัวอย่างเช่น อาจจะมารวม กันเพื่อที่จะเลี้ยงไก่ 1 แสนตัว ใช้เงินลงทุนประมาณสัก 2 ล้านบาท โดย 50 คนมาตั้งบริษัทร่วมกันแต่เราเรียกว่าเป็นองค์ กรเกษตรกร เสร็จแล้วนำไปยื่นต่อคณะกรรมการกองทุน คณะกรรมการอนุมัติไปแล้วท่านก็นำเงินดังกล่าวนั้นไปดำเนิน โครงการ ในการเลี้ยงไก่ โดยที่เหมือนว่า 50 คนหรือกว่า 60 คน เป็นทั้งเจ้าของเป็นทั้งนายจ้างเป็นทั้งลูกจ้างเพราะว่าเรา ถือหุ้นเท่ากันหมด ตรงนี้ก็จะเป็นอีกกองทุนที่จะเอื้อดำนวยประโยชน์ให้กับพี่น้องเกษตรกร
โดยเฉพาะคนยากคนจน สามารถที่จะมีแหล่งรายได้แหล่งเงินทุนในการนำไปใช้ ในการประกอบอาชีพร่วม กัน และ ทยอยใช้ชำระคืนกองทุนซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะต่ำมาก และค่อย ๆ ฟื้นคืนชีวิตกลับมา จึงได้ตั้งชื่อว่ากองทุนฟื้นฟูและพัฒนา เกษตรกร นี่เป็นกลไกหนึ่งที่สำคัญ แต่อยากจะเรียนว่าความคืบหน้าขณะนี้หลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ไปแล้วว ่าวัน ที่ 20 มีนาคม 2543 จะเปิดให้มีการขึ้นทะเบียนแล้วครับ โดยที่เกษตรกรที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ไม่ว่าจะเป็นเพาะ ปลูก เลี้ยงสัตว์ แปรรูป หรือว่าจะประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องเกษตรกรรมนี้ แล้วก็มีอายุ 20 ปี หรือ 18 ปี หากว่าแต่งงานแล้ว ถือว่าเป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้วสามารถรวมตัวกันตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป แล้วมาขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานเกษตรและสหกรณ์ จังหวัด ใครที่สงสัยในสิทธิดังกล่าวนั้นก็ไปสอบถามได้ที่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จั งหวัด ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยท่านจะได้รับการจดทะเบียนจากนั้นจะได้รับการช่วยเหลือจากกองทุนโดยนำเส นอโครงการที่ท่านคิดว่าจะฟื้นฟูการ ประกอบอาชีพของท่านได้รวมไปถึงสิทธิในการที่จะเลือกผู้แทนเข้าไปทำหน้าที่ ในคณะกรรมการกองทุนดังกล่าวซึ่งเป็น ที่ทราบดีอยู่แล้วว่าท่านนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกองทุนนี้โดยระยะเวลา ข องการรับจดทะเบียนนั้น เป็นเวลา 4 เดือน หรือ 120 วันนับแต่วันที่ 20 มีนาคม 2543 ถ้าหากว่าท่านต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ก็สอบถามได้ ที่สำนักงานเศรษฐกิจ การเกษตรในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพราะว่าขณะนี้ทำหน้าที่เป็นสำนักเลขาธิการชั่วคราวของกองทุน ดังกล่าวหลังจากที่เราได้มีการขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกรภายใน 124 วัน นับแต่วันที่ 20 มีนาคมเป็นต้นไปแล้วจะจัดให้ มีการเลือกตั้ง ตัวแทนของกรรมการกองทุน ทั่วทั้งประเทศเพื่อที่จะให้มาเป็นตัวแทนของพี่น้องเกษตรกรอย่างแท้จริง 20 วันจากทุกภาคทั่วประเทศ เมื่อเราได้คณะกรรมการดังกล่าวแล้วก็เสมือนว่าเราเริ่มเดินเรื่องเครื่องเ ต็มตัวมีคณะกรรมการ จากภาคราชการคณะกรรมการจากภาคเกษตรกร เมื่อได้คณะกรรมการชุดดังกล่าวเรียบร้อย ต่อไปเมื่อได้คณะกรรมการชุด ดังกล่าวเรียบร้อย ก็จะรับพิจารณาอนุมัติโครงการ ที่จะให้องค์เกษตรกรทั้งหลายนั้นได้นำไป ดำเนินการในการประกอบ อาชีพต่อไป
สาระสำคัญ ที่อยากจะเรียน เพื่อที่จะให้เป็นที่รับทราบทั่วไปว่าพ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟู และพัฒนาเกษตรกรพุทธศักราช 2542 นั้นได้ให้กองทุนในฐานะเป็นนิติบุคคลโดยที่จะมีเงินทุนประเดิมจากรัฐบาล หรือเงินอุดหนุนที่รัฐบาลอาจจะจัดสรรให้ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีก็ได้ หรือว่ารับมาเป็นเงินบริจาคหรือทรัพย์สินที่ได้รับการบริจาค นอกจากนี้แล้วยังให้มี คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟู และพัฒนาเกษตรกรซึ่งประกอบไปด้วยคณะกรรมการ 41 คน มีนายกรัฐมนตรี หรือรอง นายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานกรรมการ และก็มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นรอง ประธานมีคณะกรรมการโดยตำแหน่ง 7 คน ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอีก 10 กว่าคน นอกจากนี้ก็ประกอบไปด้วย ผู้แทนเกษตรกร ที่มาจากการเลือกตั้งอีก 20 กว่าคน
สำหรับคณะกรรมการกองทุนดังกล่าวนั้น ยังแต่งตั้ง คณะกรรมการบริหารกองทุน ชุดเล็ก ซึ่งประกอบไปด้วยคณะ กรรมการ 7 คน ตรงนี้จะทำหน้าที่เหมือนกรรมการบริหาร ชุดเล็กในการเป็นประธานคณะกรรมการชุดให่ในการดูแล บริหารและให้มีเลขาธิการ 1 คน และมีสำนักงานเลขาธิการในการที่จะตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ และสามารถมีสาขาได้ในจังหวัด ต่าง ๆ ตามเห็นสมควร และบัดนี้ได้เปิดโอกาสให้พี่น้องเกษตรกรได้ขึ้นทะเบียน รัฐบาลก็จัดงบประมาณให้ประเดิมไป 1,800 ล้าน และสมทบเมื่อปีงบประมาณ 2543 ให้ได้ 5,000 ล้าน และจะเพิ่มขึ้นต่อ ๆ ไป ในปีงบประมาณถัด ๆไป ก็ขอถือ โอกาสนี้เรียนให้กับพี่น้องเกษตรกร ที่ได้ฟังเรื่องของวิทยุรัฐสภานี้ได้เตรียมเนื้อเตรียมตัว 20 มีนาคมเป็นต้นไป ใช้เวลา 4 เดือนในการเปิดโอกาสให้ขึ้นทะเบียนได้พี่น้องเกษตรกรที่ประกอบอาชีพเกษรตร กรรม แล้วมีอายุบรรลุนิติภาวะ แล้วก็ สามารถที่จะไปขึ้นทะเบียนได้ทั่วทั้งประเทศที่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังห วัด ขอขอบคุณครับ--จบ--
โดยที่มีตัวแทนเกษตรกรและตัวแทน ภาครัฐบาลได้เข้าร่วมและก็มีคุณอำนวย ปติเส และผมก็เป็นประธานร่วมในการยกร่างกฎหมายดังกล่าว
การยกร่างจากบรรทัดแรกจนกระทั่งประกาศใช้เป็นกฎหมาย ผ่านกระบวนการนิติบััติเรียบร้อย และมีผลบังคับใช้ เรียบร้อยไปแล้ว ใช้เวลาทั้งสิ้น 11 เดือน ถือได้ว่าเป็นกฎหมายที่ผ่านรัฐสภาและประกาศใช้เร็ว ที่สุดฉบับหนึ่ง ใน ประวัติศาสตร์กฎหมายไทย และน่าภูมิใจในพี่น้องเกษตรกรที่กฎหมายดังกล่าวนี้ได้รับความเห็นชอบ ส นับสนุนอย่าง กว้างขวางทีเดียวโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นพรรคแกนนำในการผลักดันกฎหมายดังกล่าว
โดยสาระสำคั และวัตถุประสงค์นั้น มุ่งหวังอย่างเหลือเกินที่จะให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนา เกษตรกรนั้นสามารถ ที่จะ ประกาศให้เกษตรกรทั้งที่เป็นนิติบุคคลหรือ บุคคลธรรมดา นั้นได้รวมกลุ่มกันมาขึ้นทะเบียนต่อกองทุน โดยกองทุน ดังกล่าวนั้นมีคณะกรรมการบริหารซึ่ง มีทั้งสิ้น 41 ท่านด้วยกัน มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และก็ตัวแทนภาค ราชการ 20 คน ตัวแทนภาคเกษตรกร 20 คนทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการกองทุนดังกล่าว จะเห็นว่าการบริหารจัดการ กองทุน ดังกล่าวนี้เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ครับในประวัติศาสตร์ การบริหารราชการแผ่นดิน ที่ยินยอมให้เกษตรกร ถึงครึ่งหนึ่งเข้ามา ร่วมกันในบริหารตัดสินใจบริหารกองทุน ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าที่สำคัอย่างยิ่งในการยอมรับเสถียรภาพ และ บทบาทของพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ
กองทุนนี้รัฐบาลได้ตั้งงบให้ในการเป็นทุนประเดิม 1,800 ล้าน และในปีงบประมาณ 2543 ได้กำหนดที่จะสมทบให้เป็น 5,000 ล้าน และในปีถัดไปก็คงจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวนั้น ได้มีการจะตั้งเรียบร้อยภายใต้พ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งได้มีการเลือกตัวแทนของเกษตรกร ตัวแทนภาคราชการเข้ามาเป็นพนักงานชั่วคราว ทั้งนี้เพื่อที่จะให้เป็นตัวแทนออก ระเบียบต่าง ๆ ในเรื่องของการบริหารการใช้กองทุน รูปแบบของการที่จะมาขอการช่วยเหลือไม่ยากคือว่าให้เกษตรกรตั้ง แต่ 50 คนขึ้นไป รวมตัวกันและมาขึ้นทะเบียนเป็น องค์กรเกษตรกรภายใต้กฎหมายฉบับนี้ ที่สำนักงานเกษตรและ สหกรณ์จังหวัด ในทุกจังหวัด และเมื่อขึ้นทะเบียนแล้วจะมีสิทธิในการเสนอโครงการที่จะขอการสนับสนุนจากก องทุน และมีสิทธิในการเลือกตัวแทนเข้ามาเป็นคณะกรรมการกองทุนในระดับชาติสำหรับช าติ สำหรับโครงการในลักษณะเช่น นี้นั้น ตัวอย่าง อาจจะมีพี่น้องเกษตรกรที่ไม่สามารถที่จะไปพึ่งพาสถาบันการเงินใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบงก์ หรือ ธกส. หรือแม้แต่กลุ่มออมทรัพย์หรือสหกรณ์ต่าง ๆ แล้ว เป็นเกษตรกรยากจน สามารถที่จะร่วมกันในตำบลในหมู่บ้านของเรา ให้ได้ 50 คนแล้วมาขึ้นทะเบียน เสร็จแล้วเขียนโครงการมาให้คณะกรรมการมา พิจารณา ยกตัวอย่างเช่น อาจจะมารวม กันเพื่อที่จะเลี้ยงไก่ 1 แสนตัว ใช้เงินลงทุนประมาณสัก 2 ล้านบาท โดย 50 คนมาตั้งบริษัทร่วมกันแต่เราเรียกว่าเป็นองค์ กรเกษตรกร เสร็จแล้วนำไปยื่นต่อคณะกรรมการกองทุน คณะกรรมการอนุมัติไปแล้วท่านก็นำเงินดังกล่าวนั้นไปดำเนิน โครงการ ในการเลี้ยงไก่ โดยที่เหมือนว่า 50 คนหรือกว่า 60 คน เป็นทั้งเจ้าของเป็นทั้งนายจ้างเป็นทั้งลูกจ้างเพราะว่าเรา ถือหุ้นเท่ากันหมด ตรงนี้ก็จะเป็นอีกกองทุนที่จะเอื้อดำนวยประโยชน์ให้กับพี่น้องเกษตรกร
โดยเฉพาะคนยากคนจน สามารถที่จะมีแหล่งรายได้แหล่งเงินทุนในการนำไปใช้ ในการประกอบอาชีพร่วม กัน และ ทยอยใช้ชำระคืนกองทุนซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะต่ำมาก และค่อย ๆ ฟื้นคืนชีวิตกลับมา จึงได้ตั้งชื่อว่ากองทุนฟื้นฟูและพัฒนา เกษตรกร นี่เป็นกลไกหนึ่งที่สำคัญ แต่อยากจะเรียนว่าความคืบหน้าขณะนี้หลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ไปแล้วว ่าวัน ที่ 20 มีนาคม 2543 จะเปิดให้มีการขึ้นทะเบียนแล้วครับ โดยที่เกษตรกรที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ไม่ว่าจะเป็นเพาะ ปลูก เลี้ยงสัตว์ แปรรูป หรือว่าจะประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องเกษตรกรรมนี้ แล้วก็มีอายุ 20 ปี หรือ 18 ปี หากว่าแต่งงานแล้ว ถือว่าเป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้วสามารถรวมตัวกันตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป แล้วมาขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานเกษตรและสหกรณ์ จังหวัด ใครที่สงสัยในสิทธิดังกล่าวนั้นก็ไปสอบถามได้ที่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จั งหวัด ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยท่านจะได้รับการจดทะเบียนจากนั้นจะได้รับการช่วยเหลือจากกองทุนโดยนำเส นอโครงการที่ท่านคิดว่าจะฟื้นฟูการ ประกอบอาชีพของท่านได้รวมไปถึงสิทธิในการที่จะเลือกผู้แทนเข้าไปทำหน้าที่ ในคณะกรรมการกองทุนดังกล่าวซึ่งเป็น ที่ทราบดีอยู่แล้วว่าท่านนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกองทุนนี้โดยระยะเวลา ข องการรับจดทะเบียนนั้น เป็นเวลา 4 เดือน หรือ 120 วันนับแต่วันที่ 20 มีนาคม 2543 ถ้าหากว่าท่านต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ก็สอบถามได้ ที่สำนักงานเศรษฐกิจ การเกษตรในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพราะว่าขณะนี้ทำหน้าที่เป็นสำนักเลขาธิการชั่วคราวของกองทุน ดังกล่าวหลังจากที่เราได้มีการขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกรภายใน 124 วัน นับแต่วันที่ 20 มีนาคมเป็นต้นไปแล้วจะจัดให้ มีการเลือกตั้ง ตัวแทนของกรรมการกองทุน ทั่วทั้งประเทศเพื่อที่จะให้มาเป็นตัวแทนของพี่น้องเกษตรกรอย่างแท้จริง 20 วันจากทุกภาคทั่วประเทศ เมื่อเราได้คณะกรรมการดังกล่าวแล้วก็เสมือนว่าเราเริ่มเดินเรื่องเครื่องเ ต็มตัวมีคณะกรรมการ จากภาคราชการคณะกรรมการจากภาคเกษตรกร เมื่อได้คณะกรรมการชุดดังกล่าวเรียบร้อย ต่อไปเมื่อได้คณะกรรมการชุด ดังกล่าวเรียบร้อย ก็จะรับพิจารณาอนุมัติโครงการ ที่จะให้องค์เกษตรกรทั้งหลายนั้นได้นำไป ดำเนินการในการประกอบ อาชีพต่อไป
สาระสำคัญ ที่อยากจะเรียน เพื่อที่จะให้เป็นที่รับทราบทั่วไปว่าพ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟู และพัฒนาเกษตรกรพุทธศักราช 2542 นั้นได้ให้กองทุนในฐานะเป็นนิติบุคคลโดยที่จะมีเงินทุนประเดิมจากรัฐบาล หรือเงินอุดหนุนที่รัฐบาลอาจจะจัดสรรให้ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีก็ได้ หรือว่ารับมาเป็นเงินบริจาคหรือทรัพย์สินที่ได้รับการบริจาค นอกจากนี้แล้วยังให้มี คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟู และพัฒนาเกษตรกรซึ่งประกอบไปด้วยคณะกรรมการ 41 คน มีนายกรัฐมนตรี หรือรอง นายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานกรรมการ และก็มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นรอง ประธานมีคณะกรรมการโดยตำแหน่ง 7 คน ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอีก 10 กว่าคน นอกจากนี้ก็ประกอบไปด้วย ผู้แทนเกษตรกร ที่มาจากการเลือกตั้งอีก 20 กว่าคน
สำหรับคณะกรรมการกองทุนดังกล่าวนั้น ยังแต่งตั้ง คณะกรรมการบริหารกองทุน ชุดเล็ก ซึ่งประกอบไปด้วยคณะ กรรมการ 7 คน ตรงนี้จะทำหน้าที่เหมือนกรรมการบริหาร ชุดเล็กในการเป็นประธานคณะกรรมการชุดให่ในการดูแล บริหารและให้มีเลขาธิการ 1 คน และมีสำนักงานเลขาธิการในการที่จะตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ และสามารถมีสาขาได้ในจังหวัด ต่าง ๆ ตามเห็นสมควร และบัดนี้ได้เปิดโอกาสให้พี่น้องเกษตรกรได้ขึ้นทะเบียน รัฐบาลก็จัดงบประมาณให้ประเดิมไป 1,800 ล้าน และสมทบเมื่อปีงบประมาณ 2543 ให้ได้ 5,000 ล้าน และจะเพิ่มขึ้นต่อ ๆ ไป ในปีงบประมาณถัด ๆไป ก็ขอถือ โอกาสนี้เรียนให้กับพี่น้องเกษตรกร ที่ได้ฟังเรื่องของวิทยุรัฐสภานี้ได้เตรียมเนื้อเตรียมตัว 20 มีนาคมเป็นต้นไป ใช้เวลา 4 เดือนในการเปิดโอกาสให้ขึ้นทะเบียนได้พี่น้องเกษตรกรที่ประกอบอาชีพเกษรตร กรรม แล้วมีอายุบรรลุนิติภาวะ แล้วก็ สามารถที่จะไปขึ้นทะเบียนได้ทั่วทั้งประเทศที่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังห วัด ขอขอบคุณครับ--จบ--