5/11/44 นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมนอกรอบของผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยได้เสนอให้ที่ประชุมอาเซียนพิจารณาการนำระบบการค้าแบบหักบัญชี (Account Trade)มาใช้ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าขายระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนให้เพิ่มขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้มาเลเซีย พม่า ลาวเวียดนามและอินโดนีเซียได้ให้การสนับสนุนการนำระบบนี้มาใช้ทางการค้าแล้ว
"กลุ่มผู้นำอาเซียนมีความคิดเห็นตรงกันว่าการนำระบบการค้าแบบหักบัญชีมาใช้เป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการขยายการค้าในอาเซียนเพราะสามารถที่จะซื้อสินค้ากันได้เลย แล้วค่อยมาหักบัญชีชำระเงินกันทีหลัง ที่สำคัญยังช่วยในการประหยัดเงินตราต่างประเทศ โดยเฉพาะเงินเหรียญสหรัฐที่แต่ละประเทศต้องกันไว้เป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ"นายอดิศัยกล่าว
นอกจากนี้ผู้นำประเทศยังมีความเห็นอีกว่าประเทศอาเซียนเดิม เช่น ไทย มาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีการลงทุนอยู่แล้วควรที่จะมีการเพิ่มการลงทุนโดยตรง(FDI) ในประเทศอาเซียนใหม่ คือ เวียดนาม ลาว กัมพูชาและพม่า ให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ขยายตัวขึ้นเพราะจะมีผลโดยรวมต่อกลุ่มประเทศอาเซียน รวมทั้งจะช่วยให้ความแตกต่างของประเทศอาเซียนลดลงด้วย
สำหรับในส่วนของการหารือเพื่อทำเขตการค้าเสรีอาเซียนบวกสาม (Asean Plus III) กับจีน เกาหลี และญี่ปุ่นนั้น ผู้นำประเทศต่างเห็นว่าในส่วนของจีนจะมีทั้งผลดีและผลเสีย โดยผลเสียอาเซียนอาจจะมีปัญหาจากการถูกสินค้าราคาถูกจากจีนมาแย่งตลาดหรืออาจจะทุ่มตลาดได้โดยเฉพาะสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ถ้ากลุ่มประเทศอาเซียนยังไม่มีความเข้มแข็งพอ ส่วนผลดีก็คือ ประเทศอาเซียนจะขายสินค้าเกษตรให้จีนได้มากขึ้น แต่จะเป็นเพียงแค่บางประเทศ
ดังนั้นจึงได้มีแนวความคิดที่ว่า น่าจะมีการเชิญอินเดียเข้าร่วมในเขตการค้าเสรีอาเซียนบวกสาม อีกประเทศหนึ่ง เพราะอินเดียมีศักยภาพในการบริโภคสูง เนื่องจากมีประชากร 900 ล้านคนใกล้เคียงกับประเทศจีน จึงเป็นหนทางหนึ่งในการถ่วงดุลระหว่างกัน โดยเฉพาะในเรื่องของอำนาจการต่อรอง และในเร็วๆนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางไปอินเดียเพื่อเจรจาเปิดประตูการค้าในลักษณะทวิภาคี รวมทั้งพิจารณาแนวทางการทำเขตการค้าเสรีกับอินเดียด้วยว่าจะมีผลดีหรือไม่
นายอดิศัยกล่าวอีกว่าได้มีการหารือทวิภาคีกับอินโดนีเซีย โดยในเรื่องข้าวที่เคยได้มีการตกลงกันไว้แล้ว ว่าอินโดนีเซียต้องการซื้อข้าวจากไทยจำนวน 5 แสนตัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอว่าน่าจะนำระบบการค้าหักบัญชีมาใช้เพื่อจะได้ไม่ต้องชำระเงินในทันที ซึ่งทางประธานาธิบดีอินโดนีเซียก็เห็นด้วยในหลักการ และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้หลังจากที่จะมีการลงนามในข้อตกลงการค้าแบบหักบัญชีเร็วๆ นี้
สำหรับการหารือกับลาวในเรื่องระบบการค้าหักบัญชีนั้น ลาวพร้อมที่จะทำการค้าร่วมกับไทย และไทยพร้อมที่จะเสนอให้ความช่วยเหลือลาว ในเรื่องการนำสินค้าพื้นเมืองของลาวมาโปรโมทออกสู่ตลาดโลกผ่านเว็บไซต์ thaitambon.com ให้ด้วย สำหรับในส่วนของพม่านั้นได้แจ้งว่ากำลังตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องระบบการค้าหักบัญชีอยู่ และคาดว่าจะลงนามกับไทยได้ในเร็วๆ นี้ ส่วนกรณีที่พม่าห้ามนำเข้าสินค้าไทย 15 รายการพม่าได้แจ้งว่ามีการยกเลิกแล้ว
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ พฤศจิกายน 2544--
-ปส-
"กลุ่มผู้นำอาเซียนมีความคิดเห็นตรงกันว่าการนำระบบการค้าแบบหักบัญชีมาใช้เป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการขยายการค้าในอาเซียนเพราะสามารถที่จะซื้อสินค้ากันได้เลย แล้วค่อยมาหักบัญชีชำระเงินกันทีหลัง ที่สำคัญยังช่วยในการประหยัดเงินตราต่างประเทศ โดยเฉพาะเงินเหรียญสหรัฐที่แต่ละประเทศต้องกันไว้เป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ"นายอดิศัยกล่าว
นอกจากนี้ผู้นำประเทศยังมีความเห็นอีกว่าประเทศอาเซียนเดิม เช่น ไทย มาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีการลงทุนอยู่แล้วควรที่จะมีการเพิ่มการลงทุนโดยตรง(FDI) ในประเทศอาเซียนใหม่ คือ เวียดนาม ลาว กัมพูชาและพม่า ให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ขยายตัวขึ้นเพราะจะมีผลโดยรวมต่อกลุ่มประเทศอาเซียน รวมทั้งจะช่วยให้ความแตกต่างของประเทศอาเซียนลดลงด้วย
สำหรับในส่วนของการหารือเพื่อทำเขตการค้าเสรีอาเซียนบวกสาม (Asean Plus III) กับจีน เกาหลี และญี่ปุ่นนั้น ผู้นำประเทศต่างเห็นว่าในส่วนของจีนจะมีทั้งผลดีและผลเสีย โดยผลเสียอาเซียนอาจจะมีปัญหาจากการถูกสินค้าราคาถูกจากจีนมาแย่งตลาดหรืออาจจะทุ่มตลาดได้โดยเฉพาะสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ถ้ากลุ่มประเทศอาเซียนยังไม่มีความเข้มแข็งพอ ส่วนผลดีก็คือ ประเทศอาเซียนจะขายสินค้าเกษตรให้จีนได้มากขึ้น แต่จะเป็นเพียงแค่บางประเทศ
ดังนั้นจึงได้มีแนวความคิดที่ว่า น่าจะมีการเชิญอินเดียเข้าร่วมในเขตการค้าเสรีอาเซียนบวกสาม อีกประเทศหนึ่ง เพราะอินเดียมีศักยภาพในการบริโภคสูง เนื่องจากมีประชากร 900 ล้านคนใกล้เคียงกับประเทศจีน จึงเป็นหนทางหนึ่งในการถ่วงดุลระหว่างกัน โดยเฉพาะในเรื่องของอำนาจการต่อรอง และในเร็วๆนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางไปอินเดียเพื่อเจรจาเปิดประตูการค้าในลักษณะทวิภาคี รวมทั้งพิจารณาแนวทางการทำเขตการค้าเสรีกับอินเดียด้วยว่าจะมีผลดีหรือไม่
นายอดิศัยกล่าวอีกว่าได้มีการหารือทวิภาคีกับอินโดนีเซีย โดยในเรื่องข้าวที่เคยได้มีการตกลงกันไว้แล้ว ว่าอินโดนีเซียต้องการซื้อข้าวจากไทยจำนวน 5 แสนตัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอว่าน่าจะนำระบบการค้าหักบัญชีมาใช้เพื่อจะได้ไม่ต้องชำระเงินในทันที ซึ่งทางประธานาธิบดีอินโดนีเซียก็เห็นด้วยในหลักการ และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้หลังจากที่จะมีการลงนามในข้อตกลงการค้าแบบหักบัญชีเร็วๆ นี้
สำหรับการหารือกับลาวในเรื่องระบบการค้าหักบัญชีนั้น ลาวพร้อมที่จะทำการค้าร่วมกับไทย และไทยพร้อมที่จะเสนอให้ความช่วยเหลือลาว ในเรื่องการนำสินค้าพื้นเมืองของลาวมาโปรโมทออกสู่ตลาดโลกผ่านเว็บไซต์ thaitambon.com ให้ด้วย สำหรับในส่วนของพม่านั้นได้แจ้งว่ากำลังตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องระบบการค้าหักบัญชีอยู่ และคาดว่าจะลงนามกับไทยได้ในเร็วๆ นี้ ส่วนกรณีที่พม่าห้ามนำเข้าสินค้าไทย 15 รายการพม่าได้แจ้งว่ามีการยกเลิกแล้ว
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ พฤศจิกายน 2544--
-ปส-