ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินได้มีการประชุมเพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินเฟ้อในวันนี้ที่ประชุมเห็นว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจภูมิภาคนี้ ซึ่งจะมี ผลต่อการส่งออกของไทยโดยตรง เพราะสัดส่วนการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯและประเทศในภูมิภาคนี้ (รวมญี่ปุ่น) คิดเป็นประมาณร้อยละ 20 และ 50 ของมูลค่าการส่งออกรวมตามลำดับ ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงินประมาณว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2543/44 จะปรับลดลงจากที่ได้ประมาณการไว้เดิม
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่บ้าง กล่าวคือ ราคา น้ำมันที่มีแนวโน้มต่ำลงประกอบกับการลดอัตราดอกเบี้ยทางการของสหรัฐฯที่ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว น่าจะช่วยให้การปรับตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้นรวมทั้งการที่นโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมาซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างผ่อนคลาย เพราะได้ดำรงอัตราดอกเบี้ยทางการในระดับต่ำมาโดยตลอด นอกจากนี้ ความเสี่ยงต่ออัตราเงินเฟ้อทั้งจากปัจจัยต้นทุนต่างๆ และจากการคาดการณ์ของประชาชนยังมีไม่มากนัก กอปรกับระบบเศรษฐกิจและการเงินของไทยมีการพัฒนาในเชิงกว้างมากขึ้น ทำให้มีความสามารถที่จะต้านทานปัญหาต่างๆ จากภายนอกได้ดีขึ้น ดังนั้น การปรับตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและการเงินของไทย
คณะกรรมการฯ ได้คำนึงถึงนโยบายที่เสนอโดยพรรคการเมือง แต่เห็นว่ายังไม่มีข้อมูล ชัดเจนพอเกี่ยวกับเงื่อนไขและเงื่อนเวลาต่างๆ ที่จะปรับข้อสมมติด้านการใช้จ่ายของรัฐบาลและภาระหนี้สาธารณะได้ในขั้นนี้
เมื่อคำนึงถึงแนวโน้มเงินเฟ้อพื้นฐานและความเสี่ยงที่มีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในขณะนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินจึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนระยะ 14 วัน ไว้ในระดับเดิม คืออัตราร้อยละ 1.5 ต่อปี โดยจะติดตามวิเคราะห์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองอย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเสถียรภาพของระดับราคาและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
สำหรับรายละเอียดการประเมินภาพเศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ตลอดจนการประมาณแนวโน้มเงินเฟ้อจะแถลงให้ทราบอีกครั้งในการเผยแพร่รายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับเดือนมกราคม 2544 ในวันที่ 29 มกราคม 2544 เวลา 14.00 น.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/18 มกราคม 2544--
-ยก-
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินได้มีการประชุมเพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินเฟ้อในวันนี้ที่ประชุมเห็นว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจภูมิภาคนี้ ซึ่งจะมี ผลต่อการส่งออกของไทยโดยตรง เพราะสัดส่วนการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯและประเทศในภูมิภาคนี้ (รวมญี่ปุ่น) คิดเป็นประมาณร้อยละ 20 และ 50 ของมูลค่าการส่งออกรวมตามลำดับ ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงินประมาณว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2543/44 จะปรับลดลงจากที่ได้ประมาณการไว้เดิม
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่บ้าง กล่าวคือ ราคา น้ำมันที่มีแนวโน้มต่ำลงประกอบกับการลดอัตราดอกเบี้ยทางการของสหรัฐฯที่ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว น่าจะช่วยให้การปรับตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้นรวมทั้งการที่นโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมาซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างผ่อนคลาย เพราะได้ดำรงอัตราดอกเบี้ยทางการในระดับต่ำมาโดยตลอด นอกจากนี้ ความเสี่ยงต่ออัตราเงินเฟ้อทั้งจากปัจจัยต้นทุนต่างๆ และจากการคาดการณ์ของประชาชนยังมีไม่มากนัก กอปรกับระบบเศรษฐกิจและการเงินของไทยมีการพัฒนาในเชิงกว้างมากขึ้น ทำให้มีความสามารถที่จะต้านทานปัญหาต่างๆ จากภายนอกได้ดีขึ้น ดังนั้น การปรับตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและการเงินของไทย
คณะกรรมการฯ ได้คำนึงถึงนโยบายที่เสนอโดยพรรคการเมือง แต่เห็นว่ายังไม่มีข้อมูล ชัดเจนพอเกี่ยวกับเงื่อนไขและเงื่อนเวลาต่างๆ ที่จะปรับข้อสมมติด้านการใช้จ่ายของรัฐบาลและภาระหนี้สาธารณะได้ในขั้นนี้
เมื่อคำนึงถึงแนวโน้มเงินเฟ้อพื้นฐานและความเสี่ยงที่มีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในขณะนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินจึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนระยะ 14 วัน ไว้ในระดับเดิม คืออัตราร้อยละ 1.5 ต่อปี โดยจะติดตามวิเคราะห์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองอย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเสถียรภาพของระดับราคาและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
สำหรับรายละเอียดการประเมินภาพเศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ตลอดจนการประมาณแนวโน้มเงินเฟ้อจะแถลงให้ทราบอีกครั้งในการเผยแพร่รายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับเดือนมกราคม 2544 ในวันที่ 29 มกราคม 2544 เวลา 14.00 น.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/18 มกราคม 2544--
-ยก-