กรุงเทพฯ--10 ก.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2544 ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ต่างประเทศ ได้นำคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนของไทยเยือนรัฐกาตาร์ สรุปผลการเยือนได้ ดังนี้
1. การเข้าเฝ้าเจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ เช็ค ฮามัด บิน คาลีฟา อัล ตานี (H.H. Sheihk Hamad Bin Khalifa Al Thani) เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและผู้แทน ภาคเอกชนไทยเข้าเฝ้าฯ และในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ทูลเกล้าฯ ถวาย จดหมายของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลเจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ เรื่องการแต่งตั้ง ดร.สุรเกียรติ์ฯ เป็นผู้แทนประเทศไทยเยือนกาตาร์ ซึ่งนับเป็นการเยือนประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางของผู้นำระดับสูงของไทยเป็นประเทศแรก เนื่องจากกาตาร์เป็นประเทศสำคัญและเป็นประตูไปสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งกราบบังคมทูลเชิญให้เสด็จฯ เยือนประเทศไทยอย่างไม่เป็น ทางการ เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ได้เชิญนายกรัฐมนตรีไทยไปเยือนกาตาร์อย่างเป็นทางการด้วย ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันด้านนโยบายเศรษฐกิจ
โดยฝ่ายกาตาร์แสดงความประสงค์จะขยายการลงทุนออกไปให้ครอบคลุมถึงด้านอุตสาหกรรม ทั้งขนาดเล็กและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของไทย ซึ่งได้มีการจัดตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์แห่งชาติ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาช่วยเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทที่มีการดำเนินการที่ดี ทั้งสองฝ่ายตกลงกันที่ฝ่ายกาตาร์จะส่งคณะ ผู้แทนภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมาเจรจากับฝ่ายไทยเพื่อหาลู่ทางความร่วมมือกันต่อไป ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้กราบบังคมทูลฯ ว่าประเทศไทยกำลังดำเนินการปรับและฟื้นฟูโครง สร้างเศรษฐกิจ และภาคเอกชนไทยสนใจที่จะเข้ารับดำเนินงานต่างๆ ในโครงการจัดการแข่งขันกีฬา เอเชี่ยนเกมส์ ค.ศ. 2006 ซึ่งกาตาร์จะเป็นประเทศเจ้าภาพผู้จัด คือ โครงการก่อสร้าง การจัดพิธีเปิดและพิธีปิดการแข่งขัน และการจัดทำแผนแม่บทสำหรับการก่อสร้างในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ โดยฝ่ายไทยพร้อมจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่ฝ่ายกาตาร์กำหนดไว้ เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ทรงแสดง ความชื่นชมความสามารถของแรงงานไทยและทรงยินดีที่จะต้อนรับนักธุรกิจและคนงานจากประเทศไทย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเรื่องความร่วมมือด้านการเมือง โดยเจ้าผู้ครองรัฐ กาตาร์ได้ทรงแจ้งความประสงค์ที่จะให้ไทยเปิดสถานเอกอัครราชทูตในกาตาร์ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งให้ทราบถึงมติคณะรัฐมนตรีที่จะชะลอการเปิดสถานทูตสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ เนื่องจากสภาวะวิกฤติทางการเงินของไทย แต่หากภาคเอกชนไทยสามารถเข้าดำเนินการใน โครงการก่อสร้างต่างๆ ของกาตาร์ และมีการร่วมลงทุนระหว่างกัน ก็จะเป็นเหตุผลอันดีที่รัฐบาลไทยจะพิจารณาเปิดสถานเอกอัครราชทูตในกาตาร์ต่อไป
ในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะแลกเปลี่ยนคะแนนเสียง ระหว่างกันในการส่งผู้แทนของแต่ละประเทศสมัครเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการกฎหมายระหว่างประเทศ และฝ่ายไทยพร้อมที่จะสนับสนุนกาตาร์ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (ECOSOC) ด้วย เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ทรงเห็นพ้องกับแนวความคิดของฝ่ายไทยเรื่องการจัดประชุมรัฐมนตรี ต่างประเทศของเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue) ในประเทศไทย และทรงรับจะนำแนวคิดดังกล่าวไปแจ้งรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลางต่อไป
2. การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการเทศบาลและเกษตร ดร.สุรเกียรติ์ฯ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย หารือร่วมกับฝ่ายกาตาร์ นำโดย นายอาลี บิน โมฮัมหมัด อัล กาเตอร์ (Ali Bin Mohammed Al Khater) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการเทศบาลและเกษตร ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลโครงการก่อสร้างต่างๆ ในกาตาร์ โดยฝ่ายกาตาร์ได้แจ้งให้ทราบถึงโครงการต่างๆ ในอนาคตของกาตาร์ นอกเหนือจากโครงการก่อสร้างสำหรับการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ที่ฝ่ายไทยอาจสนใจจะเสนอตัวเข้าแข่งขันเป็นผู้ดำเนินงาน และจะได้มอบรายละเอียดโครงการต่างๆ ให้เพื่อที่ภาคเอกชนไทยจะได้ศึกษาประกอบการตัดสินใจ ฝ่ายกาตาร์เห็นพ้องกับข้อเสนอของฝ่ายไทยที่ทั้งสองฝ่ายจะมีบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ว่าด้วยความร่วมมือด้านการก่อสร้าง เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ทั้งรัฐบาลและภาคเอกชนของสองประเทศ นอกจากนี้ ยังตกลงที่จะจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วม และคณะทำงานด้านต่างๆ รวมทั้งสภาธุรกิจไทย- กาตาร์ เพื่อให้มีความต่อเนื่องในการเจรจาและติดตามผลความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในอนาคต ทั้งนี้เป็นไปตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และเทคนิค ที่ได้มีการลงนามกันไปแล้ว ในโอกาสนี้ ฝ่ายไทยได้เชิญชวนนักลงทุนกาตาร์ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของฝ่ายกาตาร์ที่ต้องการขยายขอบเขตการลงทุนออกไปนอกเหนือจากการลงทุนด้านน้ำมัน
3. การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อุตสาหกรรม ไฟฟ้า และประปา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทยในการหารือกับ นายอับดุลลา บิน ฮามัด อัล อัททิยา (Abdullah Bin Hamad Attiyah) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อุตสาหกรรม ไฟฟ้า และประปา ฝ่ายกาตาร์ตกลงจะส่งคณะเทคนิคจากกาตาร์ปิโตรเลียมมาหารือกับการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ฝ่ายผลิตและสำรวจ เกี่ยวกับลู่ทางความเป็นไปได้ในการร่วมลงทุนระหว่างกัน ฝ่ายไทยเสนอให้ฝ่ายกาตาร์พิจารณาใช้เงินที่จะได้จากการที่ไทยอาจสั่งซื้อน้ำมันจากกาตาร์เพิ่มมาลงทุนในโครงการที่ไทยกำลังปรับโครงสร้างหนี้ หรือเปลี่ยนแปลงน้ำมันดิบเป็นทุนสำหรับการลงทุน ฝ่ายกาตาร์แสดงความประสงค์จะให้ไทยตั้งตัวแทนทางธุรกิจในกาตาร์เพิ่มขึ้น เพื่อร่วมลงทุนและนำเข้าสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะอาหาร
4. การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าพบและหารือกับ เชค ฮามัด บิน จัสซิม (H.E. Sheikh Hamad Bin Jassim) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ โดยฝ่ายกาตาร์เห็นพ้องกับแนวคิดของฝ่ายไทยที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของเอเชีย และรับจะเป็นตัวแทนนำแนวความคิดของฝ่ายไทยไปหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศในตะวันออกกลางต่อไป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ แจ้งว่าจะส่งคณะมาเยือนไทยในเดือน กันยายน ศกนี้ เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ที่กาตาร์จะลงทุนในบรรษัทบริหารสินทรัพย์แห่งชาติ รวมทั้ง รับจะสนับสนุนภาคเอกชนไทยในการแข่งขันประมูลโครงการก่อสร้างต่างๆ ของกาตาร์ และแนะนำให้พิจารณาโครงการที่อยู่นอกเหนือขอบข่ายของโครงการเอเชี่ยนเกมส์ด้วย เช่น โครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมระหว่างกาตาร์และบาห์เรน ระยะทาง 46 ก.ม. เป็นต้น รวมทั้งการก่อสร้างที่กาตาร์มีโครงการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ เช่น การก่อสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ ซึ่งฝ่ายไทยอาจเสนอตัวเข้าไปก่อสร้างได้ด้วย อย่างไรก็ดี ขอให้รัฐบาลไทยดูแลคัดเลือกบริษัทที่จะเสนอตัวเข้าแข่งขัน การประกวดราคาด้วย ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กาตาร์ ครั้งที่ 1 ที่ จ.ภูเก็ต ในปลายเดือนตุลาคม ศกนี้ โดยจะมีการประชุมสภาธุรกิจไทย-กาตาร์ ต่อเนื่องไปด้วย นอกจากนี้ ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้ชักชวนให้ชาวกาตาร์เดินทางมารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีโรงพยาบาลและแพทย์ ตลอดจนอุปกรณ์การรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ และค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าการรักษาพยาบาลในยุโรปถึง 1 ใน 3 ด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2544 ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ต่างประเทศ ได้นำคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนของไทยเยือนรัฐกาตาร์ สรุปผลการเยือนได้ ดังนี้
1. การเข้าเฝ้าเจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ เช็ค ฮามัด บิน คาลีฟา อัล ตานี (H.H. Sheihk Hamad Bin Khalifa Al Thani) เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและผู้แทน ภาคเอกชนไทยเข้าเฝ้าฯ และในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ทูลเกล้าฯ ถวาย จดหมายของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลเจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ เรื่องการแต่งตั้ง ดร.สุรเกียรติ์ฯ เป็นผู้แทนประเทศไทยเยือนกาตาร์ ซึ่งนับเป็นการเยือนประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางของผู้นำระดับสูงของไทยเป็นประเทศแรก เนื่องจากกาตาร์เป็นประเทศสำคัญและเป็นประตูไปสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งกราบบังคมทูลเชิญให้เสด็จฯ เยือนประเทศไทยอย่างไม่เป็น ทางการ เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ได้เชิญนายกรัฐมนตรีไทยไปเยือนกาตาร์อย่างเป็นทางการด้วย ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันด้านนโยบายเศรษฐกิจ
โดยฝ่ายกาตาร์แสดงความประสงค์จะขยายการลงทุนออกไปให้ครอบคลุมถึงด้านอุตสาหกรรม ทั้งขนาดเล็กและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของไทย ซึ่งได้มีการจัดตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์แห่งชาติ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาช่วยเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทที่มีการดำเนินการที่ดี ทั้งสองฝ่ายตกลงกันที่ฝ่ายกาตาร์จะส่งคณะ ผู้แทนภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมาเจรจากับฝ่ายไทยเพื่อหาลู่ทางความร่วมมือกันต่อไป ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้กราบบังคมทูลฯ ว่าประเทศไทยกำลังดำเนินการปรับและฟื้นฟูโครง สร้างเศรษฐกิจ และภาคเอกชนไทยสนใจที่จะเข้ารับดำเนินงานต่างๆ ในโครงการจัดการแข่งขันกีฬา เอเชี่ยนเกมส์ ค.ศ. 2006 ซึ่งกาตาร์จะเป็นประเทศเจ้าภาพผู้จัด คือ โครงการก่อสร้าง การจัดพิธีเปิดและพิธีปิดการแข่งขัน และการจัดทำแผนแม่บทสำหรับการก่อสร้างในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ โดยฝ่ายไทยพร้อมจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่ฝ่ายกาตาร์กำหนดไว้ เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ทรงแสดง ความชื่นชมความสามารถของแรงงานไทยและทรงยินดีที่จะต้อนรับนักธุรกิจและคนงานจากประเทศไทย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเรื่องความร่วมมือด้านการเมือง โดยเจ้าผู้ครองรัฐ กาตาร์ได้ทรงแจ้งความประสงค์ที่จะให้ไทยเปิดสถานเอกอัครราชทูตในกาตาร์ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งให้ทราบถึงมติคณะรัฐมนตรีที่จะชะลอการเปิดสถานทูตสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ เนื่องจากสภาวะวิกฤติทางการเงินของไทย แต่หากภาคเอกชนไทยสามารถเข้าดำเนินการใน โครงการก่อสร้างต่างๆ ของกาตาร์ และมีการร่วมลงทุนระหว่างกัน ก็จะเป็นเหตุผลอันดีที่รัฐบาลไทยจะพิจารณาเปิดสถานเอกอัครราชทูตในกาตาร์ต่อไป
ในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะแลกเปลี่ยนคะแนนเสียง ระหว่างกันในการส่งผู้แทนของแต่ละประเทศสมัครเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการกฎหมายระหว่างประเทศ และฝ่ายไทยพร้อมที่จะสนับสนุนกาตาร์ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (ECOSOC) ด้วย เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ทรงเห็นพ้องกับแนวความคิดของฝ่ายไทยเรื่องการจัดประชุมรัฐมนตรี ต่างประเทศของเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue) ในประเทศไทย และทรงรับจะนำแนวคิดดังกล่าวไปแจ้งรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลางต่อไป
2. การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการเทศบาลและเกษตร ดร.สุรเกียรติ์ฯ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย หารือร่วมกับฝ่ายกาตาร์ นำโดย นายอาลี บิน โมฮัมหมัด อัล กาเตอร์ (Ali Bin Mohammed Al Khater) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการเทศบาลและเกษตร ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลโครงการก่อสร้างต่างๆ ในกาตาร์ โดยฝ่ายกาตาร์ได้แจ้งให้ทราบถึงโครงการต่างๆ ในอนาคตของกาตาร์ นอกเหนือจากโครงการก่อสร้างสำหรับการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ที่ฝ่ายไทยอาจสนใจจะเสนอตัวเข้าแข่งขันเป็นผู้ดำเนินงาน และจะได้มอบรายละเอียดโครงการต่างๆ ให้เพื่อที่ภาคเอกชนไทยจะได้ศึกษาประกอบการตัดสินใจ ฝ่ายกาตาร์เห็นพ้องกับข้อเสนอของฝ่ายไทยที่ทั้งสองฝ่ายจะมีบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ว่าด้วยความร่วมมือด้านการก่อสร้าง เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ทั้งรัฐบาลและภาคเอกชนของสองประเทศ นอกจากนี้ ยังตกลงที่จะจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วม และคณะทำงานด้านต่างๆ รวมทั้งสภาธุรกิจไทย- กาตาร์ เพื่อให้มีความต่อเนื่องในการเจรจาและติดตามผลความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในอนาคต ทั้งนี้เป็นไปตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และเทคนิค ที่ได้มีการลงนามกันไปแล้ว ในโอกาสนี้ ฝ่ายไทยได้เชิญชวนนักลงทุนกาตาร์ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของฝ่ายกาตาร์ที่ต้องการขยายขอบเขตการลงทุนออกไปนอกเหนือจากการลงทุนด้านน้ำมัน
3. การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อุตสาหกรรม ไฟฟ้า และประปา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทยในการหารือกับ นายอับดุลลา บิน ฮามัด อัล อัททิยา (Abdullah Bin Hamad Attiyah) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อุตสาหกรรม ไฟฟ้า และประปา ฝ่ายกาตาร์ตกลงจะส่งคณะเทคนิคจากกาตาร์ปิโตรเลียมมาหารือกับการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ฝ่ายผลิตและสำรวจ เกี่ยวกับลู่ทางความเป็นไปได้ในการร่วมลงทุนระหว่างกัน ฝ่ายไทยเสนอให้ฝ่ายกาตาร์พิจารณาใช้เงินที่จะได้จากการที่ไทยอาจสั่งซื้อน้ำมันจากกาตาร์เพิ่มมาลงทุนในโครงการที่ไทยกำลังปรับโครงสร้างหนี้ หรือเปลี่ยนแปลงน้ำมันดิบเป็นทุนสำหรับการลงทุน ฝ่ายกาตาร์แสดงความประสงค์จะให้ไทยตั้งตัวแทนทางธุรกิจในกาตาร์เพิ่มขึ้น เพื่อร่วมลงทุนและนำเข้าสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะอาหาร
4. การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าพบและหารือกับ เชค ฮามัด บิน จัสซิม (H.E. Sheikh Hamad Bin Jassim) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ โดยฝ่ายกาตาร์เห็นพ้องกับแนวคิดของฝ่ายไทยที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของเอเชีย และรับจะเป็นตัวแทนนำแนวความคิดของฝ่ายไทยไปหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศในตะวันออกกลางต่อไป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ แจ้งว่าจะส่งคณะมาเยือนไทยในเดือน กันยายน ศกนี้ เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ที่กาตาร์จะลงทุนในบรรษัทบริหารสินทรัพย์แห่งชาติ รวมทั้ง รับจะสนับสนุนภาคเอกชนไทยในการแข่งขันประมูลโครงการก่อสร้างต่างๆ ของกาตาร์ และแนะนำให้พิจารณาโครงการที่อยู่นอกเหนือขอบข่ายของโครงการเอเชี่ยนเกมส์ด้วย เช่น โครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมระหว่างกาตาร์และบาห์เรน ระยะทาง 46 ก.ม. เป็นต้น รวมทั้งการก่อสร้างที่กาตาร์มีโครงการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ เช่น การก่อสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ ซึ่งฝ่ายไทยอาจเสนอตัวเข้าไปก่อสร้างได้ด้วย อย่างไรก็ดี ขอให้รัฐบาลไทยดูแลคัดเลือกบริษัทที่จะเสนอตัวเข้าแข่งขัน การประกวดราคาด้วย ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กาตาร์ ครั้งที่ 1 ที่ จ.ภูเก็ต ในปลายเดือนตุลาคม ศกนี้ โดยจะมีการประชุมสภาธุรกิจไทย-กาตาร์ ต่อเนื่องไปด้วย นอกจากนี้ ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้ชักชวนให้ชาวกาตาร์เดินทางมารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีโรงพยาบาลและแพทย์ ตลอดจนอุปกรณ์การรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ และค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าการรักษาพยาบาลในยุโรปถึง 1 ใน 3 ด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-