วันนี้ (วันที่ 29 เมษายน 2548) นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ได้แถลงว่า ตามที่ ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเห็นชอบด้วยข้อเสนอขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) (ทีพีไอ) เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2547 โดยในแผนฟื้นฟูกิจการได้กำหนดให้ กระทรวงการคลังมีสิทธิโดยเด็ดขาดในการจัดหาผู้ร่วมลงทุนที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการ และดำเนินการให้มีการทำข้อตกลงในการขายส่วนทุนตามแผนทั้งหมดให้แก่ผู้ร่วมลงทุนดังกล่าวภายในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2548 และได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมในการเข้าร่วมลงทุนในทีพีไอ ระหว่างกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้จัดสรรหุ้นส่วนทุนตามแผน กับ ปตท. กบข. และธนาคารออมสินไปแล้ว เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2548 นั้น
เมื่อวานนี้ กระทรวงการคลังได้พิจารณาและเห็นชอบในการจัดสรรการขายส่วนทุนตามแผนให้แก่ผู้ร่วมลงทุนตามสัดส่วนโดยประมาณ ดังนี้
1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
2. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
3. กองทุนอื่นที่กระทรวงการคลังเห็นชอบ
4. ธนาคาร ออมสิน
5. ผู้ถือหุ้นเดิม (ที่ไม่ใช่เจ้าหนี้ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ทางการเงิน)
6. เจ้าหนี้ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ทางการเงิน ร้อยละ 31.5ร้อยละ 10ร้อยละ 10ร้อยละ 10ร้อยละ 20ร้อยละ 8.5
ซึ่งการจัดสรรการขายส่วนทุนตามแผนนี้ กระทรวงการคลังนอกจากการจัดหาผู้ร่วมลงทุนที่จะเข้ามาเพื่อดำเนินการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ เพื่อผลประโยชน์ของทุนฝ่ายแล้วนั้น ยังได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเดิมที่ไม่ใช่เจ้าหนี้ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย โดยขณะนี้ สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยคิดเป็นร้อยละ 25 ของบริษัทฯ และจากการจัดสรรตามสัดส่วนข้างต้น สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 30 อันเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา การดำเนินการให้เป็นไปตามแผนฟื้นฟูฯ อยู่ในช่วงของการตรวจสอบสถานะของกิจการโดยกลุ่มผู้ร่วมลงทุน บัดนี้ กลุ่มผู้ร่วมลงทุนได้เสนอราคาซื้อขายหุ้นทีพีไอเบื้องต้น ที่ราคาหุ้นละ 3.30 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่มีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่เหมาะสมและเป็นราคาที่ทำให้รายรับจากการขายหุ้นมากกว่าหนี้ที่มีวิธีการชำระพิเศษส่วนที่ 2 (650 ล้านเหรียญสหรัฐ) อันเป็นเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูฯ พร้อมกับเงื่อนไขหลักในการซื้อขายหุ้นเสนอให้กับกระทรวงการคลังเพื่อรับทราบและเห็นชอบให้ใช้เงื่อนไขดังกล่าว เป็นหลักการในการเจรจาและจัดทำสัญญาซื้อขายหุ้นและสัญญาที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับการดำเนินการต่อไปนั้น จะเป็นการดำเนินการเจรจาและจัดทำสัญญาซื้อขายหุ้นและสัญญาที่เกี่ยวข้องแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2548 และมีการลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นและสัญญาที่เกี่ยวข้องภายในเดือนมิถุนายน 2548 ทั้งนี้ การชำระเงินค่าหุ้นจะชำระเมื่อบริษัทฯ และบริษัทย่อยออกจากแผนฟื้นฟูกิจการซึ่งจะไม่เกินวันที่ 4 พฤศจิกายน 2548
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 29/2548 29 เมษายน 2548--
เมื่อวานนี้ กระทรวงการคลังได้พิจารณาและเห็นชอบในการจัดสรรการขายส่วนทุนตามแผนให้แก่ผู้ร่วมลงทุนตามสัดส่วนโดยประมาณ ดังนี้
1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
2. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
3. กองทุนอื่นที่กระทรวงการคลังเห็นชอบ
4. ธนาคาร ออมสิน
5. ผู้ถือหุ้นเดิม (ที่ไม่ใช่เจ้าหนี้ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ทางการเงิน)
6. เจ้าหนี้ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ทางการเงิน ร้อยละ 31.5ร้อยละ 10ร้อยละ 10ร้อยละ 10ร้อยละ 20ร้อยละ 8.5
ซึ่งการจัดสรรการขายส่วนทุนตามแผนนี้ กระทรวงการคลังนอกจากการจัดหาผู้ร่วมลงทุนที่จะเข้ามาเพื่อดำเนินการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ เพื่อผลประโยชน์ของทุนฝ่ายแล้วนั้น ยังได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเดิมที่ไม่ใช่เจ้าหนี้ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย โดยขณะนี้ สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยคิดเป็นร้อยละ 25 ของบริษัทฯ และจากการจัดสรรตามสัดส่วนข้างต้น สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 30 อันเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา การดำเนินการให้เป็นไปตามแผนฟื้นฟูฯ อยู่ในช่วงของการตรวจสอบสถานะของกิจการโดยกลุ่มผู้ร่วมลงทุน บัดนี้ กลุ่มผู้ร่วมลงทุนได้เสนอราคาซื้อขายหุ้นทีพีไอเบื้องต้น ที่ราคาหุ้นละ 3.30 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่มีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่เหมาะสมและเป็นราคาที่ทำให้รายรับจากการขายหุ้นมากกว่าหนี้ที่มีวิธีการชำระพิเศษส่วนที่ 2 (650 ล้านเหรียญสหรัฐ) อันเป็นเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูฯ พร้อมกับเงื่อนไขหลักในการซื้อขายหุ้นเสนอให้กับกระทรวงการคลังเพื่อรับทราบและเห็นชอบให้ใช้เงื่อนไขดังกล่าว เป็นหลักการในการเจรจาและจัดทำสัญญาซื้อขายหุ้นและสัญญาที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับการดำเนินการต่อไปนั้น จะเป็นการดำเนินการเจรจาและจัดทำสัญญาซื้อขายหุ้นและสัญญาที่เกี่ยวข้องแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2548 และมีการลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นและสัญญาที่เกี่ยวข้องภายในเดือนมิถุนายน 2548 ทั้งนี้ การชำระเงินค่าหุ้นจะชำระเมื่อบริษัทฯ และบริษัทย่อยออกจากแผนฟื้นฟูกิจการซึ่งจะไม่เกินวันที่ 4 พฤศจิกายน 2548
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 29/2548 29 เมษายน 2548--