กรุงเทพฯ--25 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ปฏิญญาผู้นำเศรษฐกิจเอเปค ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน 21 ตุลาคม 2544 การเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ในทศวรรษใหม่ (Meeting New Challenges in the New Century) (1)
1. พวกเรา ผู้นำเศรษฐกิจเอเปคมาประชุมร่วมกันในวันนี้ในนครเซี่ยงไฮ้ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 21 เพื่อแสวงหาแนวทางในการเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ด้วยความเชื่อมั่นในอภิศักยภาพของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เราจึงตั้งมั่นที่จะบรรลุถึงความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันโดยอาศัยการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขึ้นและความร่วมมืออย่างใกล้ชิดขึ้น
2. การประชุมของพวกเราในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ เศรษฐกิจหลักต่าง ๆ ของโลกกำลังประสบภาวะเศรษฐกิจเฉื่อยชาอย่างรุนแรงกว่าที่คาดไว้ เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ได้เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เศรษฐกิจเกิดใหม่บางแห่งได้รับผลกระทบจากสภาพตลาดภายนอกที่ไม่เอื้ออำนวย นอกจากนั้น การที่ผู้ก่อการร้ายโจมตีสหรัฐฯ ได้ทำให้เกิดความล่อแหลมที่จะเกิดหายนะในอุตสาหกรรมบางสาขารวมทั้งในความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนด้วย ในระยะยาว ความท้าทายที่สำคัญของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกคือ การจัดการกับการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งอันเกิดจากโลกาภิวัตน์และเศรษฐกิจภาคใหม่ (New Economy) และการหาประโยชน์จากโอกาสที่มีอยู่
3. ในฐานะที่เป็นเวทีหลักของความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก เอเปคจึงเหมาะที่จะมีบทบาทนำในการช่วยให้เศรษฐกิจสมาชิกโอบรับโอกาสและความท้าทายเหล่านี้ พวกเราตั้งความหวังที่จะส่งสัญญาณที่ชัดเจนและแรงว่า ประชาคมเอเชียแปซิฟิกมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการต่อต้านการก่อการร้าย พวกเรามุ่งมั่นที่จะดึงกลับสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำและรักษาความมั่นใจของสาธารณชนในห้วงเวลาของความไม่แน่นอนโดยการต่อสู้กับการปกป้องทางการค้าและมีพันธะกับการเปิดการเจรจารอบใหม่ของ WTO ในการประชุมระดับรัฐมนตรีของ WTO ที่จะมีขึ้น ความมุ่งมั่นนี้จะสอดคล้องและเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของเอเปคซึ่งประกอบด้วย สันติภาพ ความสมานฉันท์ และความไพบูลย์ร่วมกัน
4. ด้วยวิสัยทัศน์ข้างต้น พวกเรามีความมุ่งมั่นในการร่วมงานกันเพื่อเพิ่มพูนพลวัตรและสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในศตวรรษใหม่โดยการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน การแบ่งปันประโยชน์ที่เกิดจากโลกาภิวัตน์และเศรษฐกิจภาคใหม่ รวมทั้งการเร่งการเปิดเสรี และการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Liberalization and Facilitation | TILF) ในการนี้ พวกเรากล่าวย้ำถึงพันธะที่จะบรรลุถึงเป้าหมายโบกอร์ (Bogor Goals) ซึ่งระบุให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุนภายในปี 2553 (ค.ศ. 2010) สำหรับประเทศพัฒนาแล้ว และภายในปี 2563 (ค.ศ. 2020) สำหรับประเทศกำลังพัฒนา พวกเราได้กำหนดเส้นทางของการพัฒนาของเอเปคในทศวรรษที่สองและในระยะต่อจากนั้นไป โดยการประกาศ “ข้อตกลงเซี่ยงไฮ้” (Shanghai Accord) การส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ยั่งยืน (Promoting Sustainable Growth)
5. พวกเรามีความมั่นใจมากในโอกาสของการเจริญเติบโตของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งในระยะกลางและระยะยาวเนื่องจากพื้นฐานของภูมิภาคนี้ยังมีความมั่นคง ผลจากการปฏิรูปและการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2540-2541 (ค.ศ. 1997-1998) ทำให้เศรษฐกิจเกิดใหม่หลายแห่งอยู่ในสภาพที่เข้มแข็งขึ้นพอที่จะลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดหวัง
6. พวกเราได้ดำเนินนโยบายและมาตรการที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการหารือและความร่วมมือด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ไม่เพียงแต่เพื่อให้มีการเจริญเติบโตเช่นเดิมเท่านั้น แต่ยังเพื่อสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งสำหรับการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนและการพัฒนาที่กว้างขวาง สิ่งสำคัญคือเศรษฐกิจสมาชิกทั้งหมดจะดำเนินนโยบายตามกาลเวลาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ตลาด และอำนวยให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของโลกโดยเร็ว
7. ในเรื่องนี้ พวกเราให้คำมั่นว่าจะเร่งดำเนินการภายในประเทศในการสร้างสมรรถนะและปฏิรูปโครงสร้างเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่โครงสร้างพื้นฐานของตลาดทั่วทั้งภูมิภาค ในการนี้ เราขอเน้นถึงความสำคัญของการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและธรรมาภิบาลของบรรษัท ตลอดจนบทบาทและความรับผิดชอบที่สำคัญของภาครัฐในการวางกรอบของกฎและระเบียบที่จะส่งเสริมให้มีการแข่งขันและมีนวัตกรรมโดยเพิ่มการเน้นเรื่องการสร้างสมรรถนะ การพัฒนาสร้างโครงข่ายรองรับทางสังคม (social safety net) มีลำดับความสำคัญสูง เนื่องจากจะสามารถช่วยลดผลกระทบทางลบทางเศรษฐกิจให้กลุ่มที่อ่อนแอ ดังที่ได้กล่าวไว้ในรายงานภาวะเศรษฐกิจประจำปี 2544 (2001 Economic Outlook) การเพิ่มประสิทธิภาพทางการคลังนับเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ พวกเราจึงยินดีกับการทำงานภายใต้กรอบเหล่านี้ในเอเปคซึ่งรวมถึงเรื่องการกระชับโครงสร้างกฎหมายทางเศรษฐกิจ การดูแลตลาดทุน ธรรมาภิบาลของบริษัท และการดำเนินการของมาตรฐานการคลังระหว่างประเทศดังตัวอย่างกระบวนงานของรัฐมนตรีการคลัง พวกเราขอชื่นชมผลงานของสภาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในคาบสมุทรแปซิฟิก (Pacific Economic Cooperation Council | PECC) ในเรื่องนี้ด้วย ทั้งนี้ พวกเราได้มอบหมายให้ รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบสานต่องานในเรื่องดังกล่าว
8. โดยที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมเสถียรภาพทางการคลังและการป้องกันวิกฤตการณ์ พวกเราจึงเน้นถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบการคลังระหว่างประเทศ เราขอให้มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องต่อไปเพื่อให้กลไกในการป้องกันการเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจซ้ำขึ้นอีกมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรายินดีที่ได้เห็นความก้าวหน้าที่สำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาปัตยกรรมทางการคลังระหว่างประเทศ (international financial architecture) ซึ่งรวมถึงการที่เวทีเสถียรภาพการคลัง (Financial Stability Forum) ได้ทบทวนประสิทธิภาพและความก้าวหน้าในการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ Working Group on Offshore Financial Centers and Highly Leveraged Institutions เราขอเน้นถึงความสำคัญที่จะทำให้เกิดความแน่ใจว่าผู้แทนในคณะกรรมการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund | IMF) และการแจกจ่ายโควต้า/ส่วนแบ่งของ IMF จะต้องสอดคล้องอย่างเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ในขณะที่ IMF และสถาบันการเงินระหว่างประเทศอื่น ๆ มีบทบาทที่สำคัญอยู่มาก ความร่วมมือในภูมิภาคก็มีประโยชน์อย่างมากในการเสริมการทำงานของสถาบันเหล่านี้ในการค้ำชูเสถียรภาพทางการเงินเช่นกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ เรายินดีที่เห็นความก้าวหน้าอย่างมากของการดำเนินการตาม Chiang Mai Initiative ซึ่งเป็นการกระชับความร่วมมือทางการคลังระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียน และจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เราได้รับทราบงานที่กำลังดำเนินอยู่ของกลุ่มโครงงานมะนิลา (Manila Framework Group) ด้วย เราสนับสนุนการดำเนินการเหล่านี้ และเรียกร้องให้ดำเนินการอย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้น
9. สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในขณะนี้ยิ่งทำให้เห็นถึงความสำคัญของงานของเอเปคในการมุ่งสู่ระบบเศรษฐกิจที่เปิดมากขึ้นและเข้มแข็งมากขึ้น พวกเราขอยืนยันพันธกรณีในการเปิดเสรีการค้าและการลงทุน และจะร่วมกันต่อต้านการปกป้องทางการค้าในทุกรูปแบบ เราให้การสนับสนุนเต็มที่แก่ระบบการค้าพหุภาคี (Multilateral Trading System) ที่เปิด เป็นธรรม และอยู่บนพื้นฐานของกฎระเบียบ ซึ่งมีความสำคัญต่อการธำรงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก เอเปคต้องคงเส้นคงวาในการดำเนินการตามวาระงานด้านการค้าและการลงทุนและการสร้างสมรรถนะ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th(ยังมีต่อ)
-อน-
ปฏิญญาผู้นำเศรษฐกิจเอเปค ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน 21 ตุลาคม 2544 การเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ในทศวรรษใหม่ (Meeting New Challenges in the New Century) (1)
1. พวกเรา ผู้นำเศรษฐกิจเอเปคมาประชุมร่วมกันในวันนี้ในนครเซี่ยงไฮ้ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 21 เพื่อแสวงหาแนวทางในการเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ด้วยความเชื่อมั่นในอภิศักยภาพของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เราจึงตั้งมั่นที่จะบรรลุถึงความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันโดยอาศัยการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขึ้นและความร่วมมืออย่างใกล้ชิดขึ้น
2. การประชุมของพวกเราในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ เศรษฐกิจหลักต่าง ๆ ของโลกกำลังประสบภาวะเศรษฐกิจเฉื่อยชาอย่างรุนแรงกว่าที่คาดไว้ เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ได้เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เศรษฐกิจเกิดใหม่บางแห่งได้รับผลกระทบจากสภาพตลาดภายนอกที่ไม่เอื้ออำนวย นอกจากนั้น การที่ผู้ก่อการร้ายโจมตีสหรัฐฯ ได้ทำให้เกิดความล่อแหลมที่จะเกิดหายนะในอุตสาหกรรมบางสาขารวมทั้งในความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนด้วย ในระยะยาว ความท้าทายที่สำคัญของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกคือ การจัดการกับการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งอันเกิดจากโลกาภิวัตน์และเศรษฐกิจภาคใหม่ (New Economy) และการหาประโยชน์จากโอกาสที่มีอยู่
3. ในฐานะที่เป็นเวทีหลักของความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก เอเปคจึงเหมาะที่จะมีบทบาทนำในการช่วยให้เศรษฐกิจสมาชิกโอบรับโอกาสและความท้าทายเหล่านี้ พวกเราตั้งความหวังที่จะส่งสัญญาณที่ชัดเจนและแรงว่า ประชาคมเอเชียแปซิฟิกมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการต่อต้านการก่อการร้าย พวกเรามุ่งมั่นที่จะดึงกลับสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำและรักษาความมั่นใจของสาธารณชนในห้วงเวลาของความไม่แน่นอนโดยการต่อสู้กับการปกป้องทางการค้าและมีพันธะกับการเปิดการเจรจารอบใหม่ของ WTO ในการประชุมระดับรัฐมนตรีของ WTO ที่จะมีขึ้น ความมุ่งมั่นนี้จะสอดคล้องและเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของเอเปคซึ่งประกอบด้วย สันติภาพ ความสมานฉันท์ และความไพบูลย์ร่วมกัน
4. ด้วยวิสัยทัศน์ข้างต้น พวกเรามีความมุ่งมั่นในการร่วมงานกันเพื่อเพิ่มพูนพลวัตรและสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในศตวรรษใหม่โดยการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน การแบ่งปันประโยชน์ที่เกิดจากโลกาภิวัตน์และเศรษฐกิจภาคใหม่ รวมทั้งการเร่งการเปิดเสรี และการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Liberalization and Facilitation | TILF) ในการนี้ พวกเรากล่าวย้ำถึงพันธะที่จะบรรลุถึงเป้าหมายโบกอร์ (Bogor Goals) ซึ่งระบุให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุนภายในปี 2553 (ค.ศ. 2010) สำหรับประเทศพัฒนาแล้ว และภายในปี 2563 (ค.ศ. 2020) สำหรับประเทศกำลังพัฒนา พวกเราได้กำหนดเส้นทางของการพัฒนาของเอเปคในทศวรรษที่สองและในระยะต่อจากนั้นไป โดยการประกาศ “ข้อตกลงเซี่ยงไฮ้” (Shanghai Accord) การส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ยั่งยืน (Promoting Sustainable Growth)
5. พวกเรามีความมั่นใจมากในโอกาสของการเจริญเติบโตของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งในระยะกลางและระยะยาวเนื่องจากพื้นฐานของภูมิภาคนี้ยังมีความมั่นคง ผลจากการปฏิรูปและการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2540-2541 (ค.ศ. 1997-1998) ทำให้เศรษฐกิจเกิดใหม่หลายแห่งอยู่ในสภาพที่เข้มแข็งขึ้นพอที่จะลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดหวัง
6. พวกเราได้ดำเนินนโยบายและมาตรการที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการหารือและความร่วมมือด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ไม่เพียงแต่เพื่อให้มีการเจริญเติบโตเช่นเดิมเท่านั้น แต่ยังเพื่อสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งสำหรับการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนและการพัฒนาที่กว้างขวาง สิ่งสำคัญคือเศรษฐกิจสมาชิกทั้งหมดจะดำเนินนโยบายตามกาลเวลาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ตลาด และอำนวยให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของโลกโดยเร็ว
7. ในเรื่องนี้ พวกเราให้คำมั่นว่าจะเร่งดำเนินการภายในประเทศในการสร้างสมรรถนะและปฏิรูปโครงสร้างเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่โครงสร้างพื้นฐานของตลาดทั่วทั้งภูมิภาค ในการนี้ เราขอเน้นถึงความสำคัญของการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและธรรมาภิบาลของบรรษัท ตลอดจนบทบาทและความรับผิดชอบที่สำคัญของภาครัฐในการวางกรอบของกฎและระเบียบที่จะส่งเสริมให้มีการแข่งขันและมีนวัตกรรมโดยเพิ่มการเน้นเรื่องการสร้างสมรรถนะ การพัฒนาสร้างโครงข่ายรองรับทางสังคม (social safety net) มีลำดับความสำคัญสูง เนื่องจากจะสามารถช่วยลดผลกระทบทางลบทางเศรษฐกิจให้กลุ่มที่อ่อนแอ ดังที่ได้กล่าวไว้ในรายงานภาวะเศรษฐกิจประจำปี 2544 (2001 Economic Outlook) การเพิ่มประสิทธิภาพทางการคลังนับเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ พวกเราจึงยินดีกับการทำงานภายใต้กรอบเหล่านี้ในเอเปคซึ่งรวมถึงเรื่องการกระชับโครงสร้างกฎหมายทางเศรษฐกิจ การดูแลตลาดทุน ธรรมาภิบาลของบริษัท และการดำเนินการของมาตรฐานการคลังระหว่างประเทศดังตัวอย่างกระบวนงานของรัฐมนตรีการคลัง พวกเราขอชื่นชมผลงานของสภาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในคาบสมุทรแปซิฟิก (Pacific Economic Cooperation Council | PECC) ในเรื่องนี้ด้วย ทั้งนี้ พวกเราได้มอบหมายให้ รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบสานต่องานในเรื่องดังกล่าว
8. โดยที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมเสถียรภาพทางการคลังและการป้องกันวิกฤตการณ์ พวกเราจึงเน้นถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบการคลังระหว่างประเทศ เราขอให้มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องต่อไปเพื่อให้กลไกในการป้องกันการเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจซ้ำขึ้นอีกมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรายินดีที่ได้เห็นความก้าวหน้าที่สำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาปัตยกรรมทางการคลังระหว่างประเทศ (international financial architecture) ซึ่งรวมถึงการที่เวทีเสถียรภาพการคลัง (Financial Stability Forum) ได้ทบทวนประสิทธิภาพและความก้าวหน้าในการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ Working Group on Offshore Financial Centers and Highly Leveraged Institutions เราขอเน้นถึงความสำคัญที่จะทำให้เกิดความแน่ใจว่าผู้แทนในคณะกรรมการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund | IMF) และการแจกจ่ายโควต้า/ส่วนแบ่งของ IMF จะต้องสอดคล้องอย่างเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ในขณะที่ IMF และสถาบันการเงินระหว่างประเทศอื่น ๆ มีบทบาทที่สำคัญอยู่มาก ความร่วมมือในภูมิภาคก็มีประโยชน์อย่างมากในการเสริมการทำงานของสถาบันเหล่านี้ในการค้ำชูเสถียรภาพทางการเงินเช่นกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ เรายินดีที่เห็นความก้าวหน้าอย่างมากของการดำเนินการตาม Chiang Mai Initiative ซึ่งเป็นการกระชับความร่วมมือทางการคลังระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียน และจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เราได้รับทราบงานที่กำลังดำเนินอยู่ของกลุ่มโครงงานมะนิลา (Manila Framework Group) ด้วย เราสนับสนุนการดำเนินการเหล่านี้ และเรียกร้องให้ดำเนินการอย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้น
9. สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในขณะนี้ยิ่งทำให้เห็นถึงความสำคัญของงานของเอเปคในการมุ่งสู่ระบบเศรษฐกิจที่เปิดมากขึ้นและเข้มแข็งมากขึ้น พวกเราขอยืนยันพันธกรณีในการเปิดเสรีการค้าและการลงทุน และจะร่วมกันต่อต้านการปกป้องทางการค้าในทุกรูปแบบ เราให้การสนับสนุนเต็มที่แก่ระบบการค้าพหุภาคี (Multilateral Trading System) ที่เปิด เป็นธรรม และอยู่บนพื้นฐานของกฎระเบียบ ซึ่งมีความสำคัญต่อการธำรงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก เอเปคต้องคงเส้นคงวาในการดำเนินการตามวาระงานด้านการค้าและการลงทุนและการสร้างสมรรถนะ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th(ยังมีต่อ)
-อน-