นายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายฯ ว่า ความมุ่งหมายที่รัฐบาลเสนองบประมาณเพิ่มเติมจำวน 5 หมื่นล้านบาทนั้น ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลมองปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ ทั้งที่ประเทศชาติยังมีปัญหาอีกหลายด้าน ซึ่งปัญหาทุกปัญหาย่อมมีความสำคัญทั้งสิ้น ปัญหาของประเทศยังมีอีกหลายด้านนอกจากเศรษฐกิจ ทั้งความมั่นคง ความปลอดภัย เช่นปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัด เป็นต้น
เหตุผลที่รัฐบาลจะนำงบประมาณ 5 หมื่นล้านไปใช้หนึ่งในเหตุผลนั้นๆคือ เป็นเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉิน 1 หมื่น 7 พันล้านบาท ซึ่งแนวทางที่จะนำเงินไปใช้เป็นจำนวนเท่าไรยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉิน เป็นเรื่องที่ต้องมีความชัดเจน
วันนี้ต้องยอมรับว่าเป็นนโยบายด้านสังคมมีความเสี่ยง เพราะเป็นการตั้งเป้ารายได้จากอบายมุข และยังมีปัญหาเรื่องการพัฒนาประเทศ ต้องยอมรับว่างบกลางที่นายกฯเคยใช้อดีต เป็นเรื่องที่นายกฯสรุปเพียงคนเดียว ทั้งโครงการทัวร์นกขมิ้น แต่ตนเห็นว่าอย่างน้อยที่สุดคนไทยต้องรู้ว่าประเทศจะพัฒนาอย่างไร และทุกพื้นที่ต้องได้รับโอกาสเท่าเทียมกัน
ปัญหาอีกประการหนึ่งคือปัญหาสิทธิมนุษยชน กล่าวคือโครงสร้างของการดูแลความมั่นคงก็ดี การให้ความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินก็ดี นายกฯ ต้องใส่ใจแก้ปัญหาเหล่านี้ และอีกปัญหาคือปัญหาประชาธิปไตย สังคมประชาธิปไตย วิธีการได้มาซึ่งอำนาจไม่เป็นเพียงวิธีการได้มาซึ่งอำนาจเท่านั้น ต้องถือความเป็นประชาธิปไตยเป็นเป้าหมายสุดท้ายปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่นปัญหาภัยแล้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องใช้งบประมาณไม่น้อยในการเข้าไปดูแล ปัญหาต่างเหล่านี้รัฐบาล นายกฯ ต้องเอาใจใส่ดูแลด้วย
นายชำนิ ยังกล่าวถึงการใช้จ่ายเงินในการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านหรือเอสเอ็มแอลถือเป็นงบขายตรงจากทำเนียบฯถึงหมู่บ้านทั้งที่จริงๆทำไม่ได้เพราะมีองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นที่ควรจะได้ในส่วนนี้แต่รัฐบาลก็ไม่ให้แต่กลับเอาเงินไปใส่ไว้ในการแก้ปัญหาภัยแล้งจำนวน 4,600ล้านบาทซึ่งไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนดที่ต้องเพิ่มเงินให้ท้องถิ่นในแต่ละปีดังนั้นจึงเห็นว่า งบกลางทั้ง 5ด้านที่รัฐบาลทำขึ้นเป็นการจัดงบประมาณที่นายกฯเล่นคนเดียวได้ดั่งใจ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 เม.ย. 2548--จบ--
-ดท-
เหตุผลที่รัฐบาลจะนำงบประมาณ 5 หมื่นล้านไปใช้หนึ่งในเหตุผลนั้นๆคือ เป็นเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉิน 1 หมื่น 7 พันล้านบาท ซึ่งแนวทางที่จะนำเงินไปใช้เป็นจำนวนเท่าไรยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉิน เป็นเรื่องที่ต้องมีความชัดเจน
วันนี้ต้องยอมรับว่าเป็นนโยบายด้านสังคมมีความเสี่ยง เพราะเป็นการตั้งเป้ารายได้จากอบายมุข และยังมีปัญหาเรื่องการพัฒนาประเทศ ต้องยอมรับว่างบกลางที่นายกฯเคยใช้อดีต เป็นเรื่องที่นายกฯสรุปเพียงคนเดียว ทั้งโครงการทัวร์นกขมิ้น แต่ตนเห็นว่าอย่างน้อยที่สุดคนไทยต้องรู้ว่าประเทศจะพัฒนาอย่างไร และทุกพื้นที่ต้องได้รับโอกาสเท่าเทียมกัน
ปัญหาอีกประการหนึ่งคือปัญหาสิทธิมนุษยชน กล่าวคือโครงสร้างของการดูแลความมั่นคงก็ดี การให้ความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินก็ดี นายกฯ ต้องใส่ใจแก้ปัญหาเหล่านี้ และอีกปัญหาคือปัญหาประชาธิปไตย สังคมประชาธิปไตย วิธีการได้มาซึ่งอำนาจไม่เป็นเพียงวิธีการได้มาซึ่งอำนาจเท่านั้น ต้องถือความเป็นประชาธิปไตยเป็นเป้าหมายสุดท้ายปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่นปัญหาภัยแล้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องใช้งบประมาณไม่น้อยในการเข้าไปดูแล ปัญหาต่างเหล่านี้รัฐบาล นายกฯ ต้องเอาใจใส่ดูแลด้วย
นายชำนิ ยังกล่าวถึงการใช้จ่ายเงินในการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านหรือเอสเอ็มแอลถือเป็นงบขายตรงจากทำเนียบฯถึงหมู่บ้านทั้งที่จริงๆทำไม่ได้เพราะมีองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นที่ควรจะได้ในส่วนนี้แต่รัฐบาลก็ไม่ให้แต่กลับเอาเงินไปใส่ไว้ในการแก้ปัญหาภัยแล้งจำนวน 4,600ล้านบาทซึ่งไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนดที่ต้องเพิ่มเงินให้ท้องถิ่นในแต่ละปีดังนั้นจึงเห็นว่า งบกลางทั้ง 5ด้านที่รัฐบาลทำขึ้นเป็นการจัดงบประมาณที่นายกฯเล่นคนเดียวได้ดั่งใจ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 เม.ย. 2548--จบ--
-ดท-