ยางพารา : คาดว่าราคายางลดลงในช่วงไตรมาสแรกของปี 2545
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่า ปี 2545 มีผลผลิตประมาณ 2.409 ล้านตัน สูงขึ้นจาก 2.361 ล้านตัน ของปี 2544 ร้อยละ 2.03 เนื่องจากยางพันธุ์ดีที่ปลู กสำหรับความต้องการใช้ยางธรรมชาติในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางในประเทศปี 2545 คาดวามีประมาณ 0.26 ล้านตัน สูงขึ้นจาก 0.25 ล้านตัน ของปี 2544 ร้อยละ 4 เนื่องจากไทยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทต่างประเทศให้เป็นฐานการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วน/อะไหล่รถยนต์ที่ให้มีการใช้วัตถุดิบในประเทศเกือบทั้งหมด นอกจากนี้อุตสาหกรรมถุงมือยางยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรัฐได้มีนโยบายสนับสนุนหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจใช้ผลิตภัณฑ์ยางที่ผลิตในประเทศ และให้มีการใช้ยางธรรมชาติในประเทศเพิ่มขึ้น โดยสนับสนุนให้มีการใช้ยางธรรมชาติลาดถนนแทนการใช้ยางมะตอย
ด้านการส่งออกยางธรรมชาติ ปี 2545 คาดว่ามีประมาณ 2.2 ล้านตันเพิ่มขึ้นจาก 2.1 ล้านตัน ของปี 2544 ร้อยละ 4.76 เนื่องจากผลผลิตเพิ่มขึ้น
สำหรับราคายางภายในประเทศในช่วงไตรมาสแรกของปี 2545 คาดว่าจะโน้มลดลงตามภาวะราคายางในตลาดโลก เนื่องจากอุปทานยางของโลกอยู่ในระดับสูง ขณะที่ประเทศผู้ใช้ยางมีสต็อกยางคงเหลือในประเทศมาก ประกอบกับในช่วงต้นปีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ วางแผนที่จะระบายยางแผ่นรมควันในยุทธปัจจัยออกสู่ตลาด
ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในระยะเร่งด่วน เห็นควรดำเนินการแทรกแซงตลาดยางพาราต่อไป และเร่งรัดให้มีการนำยางธรรมชาติมาใช้ลาดถนนแทนยางมะตอย รวมทั้งเร่งรัดจัดสร้างโรงงานด้านแบบผลิตภัณฑ์ยางเพื่อเพิ่มความต้องการใช้ยางธรรมชาติในประเทศเพิ่มขึ้น
ฝ้าย : การแก้ปัญหาราคาฝ้ายตกต่ำ
เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงการรับซื้อฝ้ายไทยร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย ประกันราคาฝ้ายดอกชนิด 1 ก. ราคา ณ หน้าโรงหีบฝ้ายกิโลกรัมละ 15.10 บาท ซึ่งในระยะนี้เกษตรกรทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตฝ้ายปี 2544/45 แล้ว โดยที่ราคาฝ้ายดอกมีแนวโน้มลดลงและได้มีการร้องเรียนจากเกษตรกรหลายจังหวัดว่าไม่สามารถขายฝ้ายตามราคาประกันได้ ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว สมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยจะเข้าไปรับซื้อฝ้ายจากเกษตรกร โดยให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันเพื่อรวบรวมผลผลิตให้มีปริมาณ 10 ตันขึ้นไป และแจ้งมายังสำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ โดยกำหนดวันและสถานที่ซื้อขายแล้วเจ้าหน้าที่จะประสานงานกับกรมส่งเสริมการเกษตร และแจ้งสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยให้เข้าไปรับซื้อฝ้ายจากเกษตรกร ซึ่งสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยจะดำเนินการให้มีการเข้าไปรับซื้อฝ้าย ณ จุดที่กำหนดภายในระยะเวลา 3 วัน นับจากวันที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้แจ้งไป
สำหรับโรงหีบฝ้ายเครือข่ายที่จะเข้ามารับซื้อฝ้ายตามข้อตกลง มีจำนวน 6 โรง ได้แก่ โรงหีบฝ้ายนโม โอมนะ จังหวัดสุโขทัย โรงหีบฝ้ายสามัคคีค้าฝ้ายและนุ่นไทย จังหวัดปทุมธานี โรงหีบฝ้ายอมรวัฒนา และโรงหีบฝ้ายสิทธิ์สมบูรณ์ จังหวัดเลย โรงหีบฝ้ายฟ้าดินประสิทธิ์ทรัพย์ จังหวัดสระบุรี และโรงหีบฝ้ายแสงทวี จังหวัดนครปฐม
เพื่อให้ขายฝ้ายได้ราคาดีตามที่ประกัน เกษตรกรต้องดูแลเรื่องการเก็บเกี่ยว โดยเกษตรกรจะต้องคัดแยกฝ้ายฟันม้าออกจากฝ้ายดี นำฝ้ายมาผึ่งลมหรือตากแดดให้แห้ง ก่อนบรรจุกระสอบปอ ไม่ควรใช้ถุงปุ๋ย ถุงพลาสติก หรือเชือกพลาสติก ในการบรรจุและเย็บปากกระสอบ สถานที่เก็บรวบรวมฝ้ายควรเป็นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความร้อน ซึ่งหากฝ้ายยังไม่แห้งดีจะทำให้ฝ้ายดำได้
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 46 ประจำวันที่ 26 พ.ย.- 2 ธ.ค. 2544
-สส-
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่า ปี 2545 มีผลผลิตประมาณ 2.409 ล้านตัน สูงขึ้นจาก 2.361 ล้านตัน ของปี 2544 ร้อยละ 2.03 เนื่องจากยางพันธุ์ดีที่ปลู กสำหรับความต้องการใช้ยางธรรมชาติในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางในประเทศปี 2545 คาดวามีประมาณ 0.26 ล้านตัน สูงขึ้นจาก 0.25 ล้านตัน ของปี 2544 ร้อยละ 4 เนื่องจากไทยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทต่างประเทศให้เป็นฐานการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วน/อะไหล่รถยนต์ที่ให้มีการใช้วัตถุดิบในประเทศเกือบทั้งหมด นอกจากนี้อุตสาหกรรมถุงมือยางยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรัฐได้มีนโยบายสนับสนุนหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจใช้ผลิตภัณฑ์ยางที่ผลิตในประเทศ และให้มีการใช้ยางธรรมชาติในประเทศเพิ่มขึ้น โดยสนับสนุนให้มีการใช้ยางธรรมชาติลาดถนนแทนการใช้ยางมะตอย
ด้านการส่งออกยางธรรมชาติ ปี 2545 คาดว่ามีประมาณ 2.2 ล้านตันเพิ่มขึ้นจาก 2.1 ล้านตัน ของปี 2544 ร้อยละ 4.76 เนื่องจากผลผลิตเพิ่มขึ้น
สำหรับราคายางภายในประเทศในช่วงไตรมาสแรกของปี 2545 คาดว่าจะโน้มลดลงตามภาวะราคายางในตลาดโลก เนื่องจากอุปทานยางของโลกอยู่ในระดับสูง ขณะที่ประเทศผู้ใช้ยางมีสต็อกยางคงเหลือในประเทศมาก ประกอบกับในช่วงต้นปีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ วางแผนที่จะระบายยางแผ่นรมควันในยุทธปัจจัยออกสู่ตลาด
ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในระยะเร่งด่วน เห็นควรดำเนินการแทรกแซงตลาดยางพาราต่อไป และเร่งรัดให้มีการนำยางธรรมชาติมาใช้ลาดถนนแทนยางมะตอย รวมทั้งเร่งรัดจัดสร้างโรงงานด้านแบบผลิตภัณฑ์ยางเพื่อเพิ่มความต้องการใช้ยางธรรมชาติในประเทศเพิ่มขึ้น
ฝ้าย : การแก้ปัญหาราคาฝ้ายตกต่ำ
เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงการรับซื้อฝ้ายไทยร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย ประกันราคาฝ้ายดอกชนิด 1 ก. ราคา ณ หน้าโรงหีบฝ้ายกิโลกรัมละ 15.10 บาท ซึ่งในระยะนี้เกษตรกรทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตฝ้ายปี 2544/45 แล้ว โดยที่ราคาฝ้ายดอกมีแนวโน้มลดลงและได้มีการร้องเรียนจากเกษตรกรหลายจังหวัดว่าไม่สามารถขายฝ้ายตามราคาประกันได้ ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว สมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยจะเข้าไปรับซื้อฝ้ายจากเกษตรกร โดยให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันเพื่อรวบรวมผลผลิตให้มีปริมาณ 10 ตันขึ้นไป และแจ้งมายังสำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ โดยกำหนดวันและสถานที่ซื้อขายแล้วเจ้าหน้าที่จะประสานงานกับกรมส่งเสริมการเกษตร และแจ้งสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยให้เข้าไปรับซื้อฝ้ายจากเกษตรกร ซึ่งสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยจะดำเนินการให้มีการเข้าไปรับซื้อฝ้าย ณ จุดที่กำหนดภายในระยะเวลา 3 วัน นับจากวันที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้แจ้งไป
สำหรับโรงหีบฝ้ายเครือข่ายที่จะเข้ามารับซื้อฝ้ายตามข้อตกลง มีจำนวน 6 โรง ได้แก่ โรงหีบฝ้ายนโม โอมนะ จังหวัดสุโขทัย โรงหีบฝ้ายสามัคคีค้าฝ้ายและนุ่นไทย จังหวัดปทุมธานี โรงหีบฝ้ายอมรวัฒนา และโรงหีบฝ้ายสิทธิ์สมบูรณ์ จังหวัดเลย โรงหีบฝ้ายฟ้าดินประสิทธิ์ทรัพย์ จังหวัดสระบุรี และโรงหีบฝ้ายแสงทวี จังหวัดนครปฐม
เพื่อให้ขายฝ้ายได้ราคาดีตามที่ประกัน เกษตรกรต้องดูแลเรื่องการเก็บเกี่ยว โดยเกษตรกรจะต้องคัดแยกฝ้ายฟันม้าออกจากฝ้ายดี นำฝ้ายมาผึ่งลมหรือตากแดดให้แห้ง ก่อนบรรจุกระสอบปอ ไม่ควรใช้ถุงปุ๋ย ถุงพลาสติก หรือเชือกพลาสติก ในการบรรจุและเย็บปากกระสอบ สถานที่เก็บรวบรวมฝ้ายควรเป็นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความร้อน ซึ่งหากฝ้ายยังไม่แห้งดีจะทำให้ฝ้ายดำได้
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 46 ประจำวันที่ 26 พ.ย.- 2 ธ.ค. 2544
-สส-