การเงินและการธนาคาร
ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2543 สาขาธนาคารพาณิชย์มียอดเงินฝากคงค้าง 271,371.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 956.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.4 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน จากรายได้ภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีเงินฝากพักไว้ของอุตสาหกรรมส่งออก เงินฝากเพิ่มขึ้นมากในจังหวัดเชียงราย ลำพูน แพร่ สุโขทัย และเชียงใหม่
ทางด้านสินเชื่อมียอดคงค้าง 186,693.6 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อน 2,030.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.1 และลดลงร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ยังระมัดระวังการให้สินเชื่อ ประกอบกับมีการโอนสินเชื่อบางส่วนไปบริหารที่ส่วนกลาง และการโอนหนี้ไปให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) รวมถึงการตัดจำหน่ายลูกหนี้จากการที่ธนาคารพาณิชย์สามารถกัน สำรองได้ครบแล้ว และการคืนหนี้ซึ่งเป็นผลมาจากความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างหนี้ อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์ยังคงมีการให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นในกิจการแปรรูปสินค้าเกษตร ธุรกิจรถจักรยานยนต์ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อลดลงมากที่จังหวัดลำปาง แม่ฮ่องสอน พะเยา เชียงราย และสุโขทัย
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 ธนาคาร ทรงตัวจากเดือนก่อน โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภทประจำ 3 เดือนอยู่ที่ระดับ 3.00 ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.50 ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภท 24 เดือนอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.00-4.25 ต่อปี สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมแก่ลูกค้าชั้นดี (MLR) อยู่ที่ระดับร้อยละ 7.50-8.25 ต่อปี
ปริมาณการใช้เช็คในเดือนตุลาคม 2543 มีปริมาณ 388,308 ฉบับ มูลค่า 24,836.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 13.5 และร้อยละ 9.7 ตามลำดับ โดยเพิ่มขึ้นในจังหวัดเชียงราย เพชรบูรณ์ สุโขทัย นครสวรรค์ และน่าน ทางด้านปริมาณและมูลค่าเช็คคืนเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 13.4 และร้อยละ 17.0 เป็น 6,848 ฉบับ มูลค่า 381.6 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่าเช็คคืนมีสัดส่วนร้อยละ 1.8 และร้อยละ 1.5 ของปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บ ใกล้เคียงกับร้อยละ 1.8 และร้อยละ 1.4 เมื่อเดือนก่อน และร้อยละ 2.0 และร้อยละ 1.5 ระยะเดียวกันปีก่อน
ฐานะการคลัง
ฐานะการคลังรัฐบาลในภาคเหนือเดือนตุลาคม 2543 มีเงินในงบประมาณขาดดุล 7,122.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเทียบกับที่ขาดดุล 5,395.1 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน เนื่องจากรายจ่ายเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.1 เป็น 7,959.6 ล้านบาท ขณะที่รายได้ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.4 เหลือ 837.1 ล้านบาท
รายได้ที่รัฐบาลนำส่งคลังจังหวัดทั้ง 20 แห่งในภาคเหนือลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.4 เหลือ 837.1 ล้านบาท โดยการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลดลงร้อยละ 3.2 เหลือ 270.0 ล้านบาท ลดลงมากในส่วนของการจัดเก็บจากเงินได้ดอกเบี้ยร้อยละ 30.6 เหลือ 81.4 ล้านบาท จากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในเกณฑ์ต่ำ และการจัดเก็บรายได้อื่นลดลงร้อยละ 41.2 เหลือ 148.6 ล้านบาท ขณะที่การจัดเก็บเงินได้ภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.4 เป็น 123.0 ล้านบาท และภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 เป็น 295.4 ล้านบาท จากการเร่งรัดจัดเก็บ
รายจ่ายรัฐบาลในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.1 เป็น 7,959.6 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นทั้งรายจ่ายลงทุนและรายจ่ายประจำ ในส่วนของรายจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.1 เป็น 2,385.5 ล้านบาท จากรายจ่ายหมวดเงินอุดหนุนที่เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว เป็น 973.7 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างและจัดซื้อครุภัณฑ์แก่สถาบันการศึกษาในจังหวัดเชียงราย ทางด้านรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.7 เป็น 5,574.1 ล้านบาท จากรายจ่ายงบกลางเพิ่มขึ้นร้อยละ 68.3 เป็น 1,522.0 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินขวัญถุงแก่ข้าราชการที่เกษียณอายุก่อนกำหนดเป็นสำคัญ
รายจ่ายตามมาตรการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (มิยาซาวา) ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2543 มีวงเงินที่ได้รับอนุมัติทั้งสิ้น 8,530.8 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 8,073.5 ล้านบาทหรือร้อยละ 94.6 ของวงเงินอนุมัติ จังหวัดที่มีอัตราเบิกจ่ายสูงสุด 3 ลำดับคือ จังหวัดอุทัยธานี นครสวรรค์ และเชียงใหม่ ร้อยละ 98.1 ร้อยละ 97.8 และร้อยละ 97.7 ของวงเงินอนุมัติ ตามลำดับการค้าต่างประเทศ
การส่งออก ของภาคเหนือเดือนตุลาคม 2543 มีมูลค่า 127.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 3.7 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 42.0 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 5,478.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 7.0 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 55.7) จากการเพิ่มขึ้นทั้งการส่งออกผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่และผ่านชายแดน
การส่งออกผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีมูลค่า 107.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.5 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 31.8 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 4,623.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 3.8 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 44.5) เป็นการเพิ่มขึ้นของการส่งออกสินค้าจากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือและการส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูป เป็นสำคัญ โดยการส่งออกจากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือมีมูลค่า 96.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.0 และร้อยละ 34.0 ตามลำดับจากความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลกเพิ่มขึ้น เพื่อผลิตสินค้าจำหน่ายในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ เพิ่มขึ้นมากโดยเฉพาะในตลาดเอเชีย เช่น สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลี และญี่ปุ่น และในช่วงที่ผ่านมาโรงงานหลายแห่งในนิคมฯได้ขยายกำลังการผลิต ทำให้สามารถผลิตได้เพิ่มขึ้น ส่วนการส่งออกนอกนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือมีมูลค่า 11.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 3.3 เนื่องจากการส่งออกลำไยแปรรูปลดลงตามฤดูกาล แต่ก็ยังมีมูลค่ามากกว่าเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.1
การส่งออกผ่านชายแดน มีมูลค่า 19.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 25.0 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนกว่าเท่าตัว (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 854.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 29.0 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนเกือบ 2 เท่าตัว) จากการเพิ่มขึ้นของการส่งออกไปพม่า และลาว เป็นสำคัญ
การส่งออกไปพม่า มีมูลค่า 15.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 22.8 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 682.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 26.8 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนเกือบ 3 เท่าตัว) เนื่องจาก ความต้องการของพ่อค้าพม่ามีเพิ่มขึ้น ประกอบกับเดือนนี้สามารถทำการค้าได้ตามปกติ ไม่ประสบปัญหาทางการค้าเช่นเดือนเดียวกันปีก่อน ส่วน การส่งออกไปลาว มีมูลค่า 1.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 44.8 และร้อยละ 51.2 ตามลำดับ (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 59.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 49.4 และร้อยละ 65.7 ตามลำดับ) เนื่องจากความต้องการสินค้ามีมากขึ้น ทางด้าน การส่งออกไปจีน (ตอนใต้ ) มีมูลค่า 2.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 29.1 แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนลดลงร้อยละ 2.1 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 113.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 33.3 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.4)
การนำเข้า มูลค่าสินค้านำเข้ามีมูลค่า 95.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 5.4 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 35.4 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 4,122.7 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 2.4 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 48.5) จากการเพิ่มขึ้นของการนำเข้าผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่เป็นสำคัญ
การนำเข้าผ่านด่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีมูลค่า 91.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 6.2 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 38.4 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 3,951.5 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 3.1 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 51.8) จากการนำเข้าสินค้าในเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเป็นสำคัญ โดยการนำเข้าในเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือมีมูลค่า 91.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 5.7 ตามภาวะการนำเข้าเครื่องจักรที่ชะลอลงเนื่องจากได้ติดตั้งเครื่องจักรไปบางส่วนแล้ว แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.8 จากการนำเข้าวัตถุดิบเพิ่มขึ้นตามการส่งออก ส่วนการนำเข้าสินค้านอกนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ (ผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่) มีมูลค่า 0.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 54.2 และร้อยละ 9.1 ตามลำดับ (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 18.0 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 52.7 และร้อยละ 0.3 ตามลำดับ) จากความต้องการที่ลดลง
การนำเข้าสินค้าจากชายแดน มีมูลค่า 4.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 16.7 แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.9 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 171.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 20.4 แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.2) จากการนำเข้าสินค้าจากจีน (ตอนใต้) ลดลงเป็นสำคัญ
การนำเข้าสินค้าจากพม่า มีมูลค่า 1.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.9 และร้อยละ 22.2 ตามลำดับ (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 79.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 19.6 และร้อยละ 34.0 ตามลำดับ) ตามความต้องการที่มีเพิ่มขึ้นและไม่ประสบอุปสรรคทางการค้าเช่นปีก่อน การนำเข้าจากลาว มีมูลค่า 0.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 49.7 และร้อยละ 83.8 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 37.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 54.5 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนกว่าเท่าตัว) เนื่องจากมีการนำเข้าโค-กระบือเพิ่มขึ้น ส่วน การนำเข้าจากจีน (ตอนใต้) มีมูลค่า 1.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 2.0 แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 48.1 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 54.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 5.3 แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 43.1) จากการนำเข้าแอปเปิ้ลลดลง ระดับราคา
ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนตุลาคม 2543 ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.2 แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน โดยดัชนีราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.6 ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าหมวดอื่นๆที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.1
หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ลดลงจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.6 ร้อยละ 0.1 ตามลำดับ เนื่องจากสินค้าประเภทอาหารราคาลดลงเกือบทุกกลุ่ม ยกเว้นกลุ่มข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งที่ราคาเพิ่มขึ้น สินค้าที่ราคาลดลงมากได้แก่ สินค้ากลุ่มผักและผลไม้ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 4.1 สินค้ากลุ่มไข่และผลิตภัณฑ์นมราคาลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 1.0 เนื่องจากปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดมากขึ้น กลุ่มอาหารที่ซื้อจากตลาดและกลุ่มเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ราคาลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.1 เท่ากัน เนื่องจากภาวะการแข่งขันของผู้ประกอบการ ขณะที่กลุ่มอาหารที่ซื้อบริโภคราคาไม่เปลี่ยนแปลง
หมวดอื่นๆ ที่มิใช่อาหาร เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.1 และร้อยละ 3.6 ตามลำดับ แม้ว่าราคาน้ำมันในเดือนนี้จะปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย แต่การปรับขึ้นค่าโดยสารรถยนต์โดยสารประจำทางระหว่างจังหวัดในช่วงปลายเดือนก่อน ทำให้ราคาสินค้าในหมวดพาหนะการขนส่งและการสื่อสารปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 โดยสินค้ากลุ่มการขนส่งสาธารณะราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 3.4 ส่วนหมวดเคหสถาน หมวดเครื่องนุ่งห่ม หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.1 ขณะที่หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคลราคาลดลงร้อยละ 0.1 เนื่องจากโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งลดอัตราค่าห้องพักคนไข้ ขณะที่หมวดการบันเทิง การอ่านและการศึกษาราคาไม่เปลี่ยนแปลง
การใช้จ่ายภาคเอกชน
การใช้จ่ายภาคเอกชนเริ่มมีสัญญาณบางด้านปรับตัวลดลง ทั้งนี้เครื่องชี้ในส่วนของปริมาณรถยนต์จดทะเบียนเดือนกันยายน 2543 ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.5 เหลือ 1,649 คัน เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.6 เมื่อเดือนก่อน จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลให้ผู้ซื้อชะลอการซื้อรถ และจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ อย่างไรก็ดี สำหรับ ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 39.5 เป็น 10,653 คัน เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.6 เมื่อเดือนก่อน เพิ่มขึ้นในเกือบทุกจังหวัดของภาคเหนือ
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (คำนวณจากฐานภาษีร้อยละ 7) เดือนตุลาคม 2543 เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 13.4 เป็น 295.4 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 เมื่อเดือนก่อน จากการเร่งรัดจัดเก็บภาษีและการใช้จ่ายของประชาชน โดยเพิ่มขึ้นมากในเขตภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดที่ เป็นแหล่งท่องเที่ยว
การใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เดือนกันยายน 2543 เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.8 เป็น 223.3 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 เมื่อเดือนก่อน โดยเพิ่มขึ้นทั้งในเขตภาคเหนือตอนบนและตอนล่างร้อยละ 6.9 และร้อยละ 2.4 ตามลำดับ
ทางด้าน สินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภค มียอดคงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2543 ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.8 เหลือ 38,666.5 ล้านบาท จากการที่ธนาคารพาณิชย์ยังระมัดระวังการให้สินเชื่อและบางส่วนจากการโอนสินเชื่อไปบริหารที่สำนักงานใหญ่
--ส่วนวิชาการธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ--
-ยก-
ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2543 สาขาธนาคารพาณิชย์มียอดเงินฝากคงค้าง 271,371.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 956.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.4 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน จากรายได้ภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีเงินฝากพักไว้ของอุตสาหกรรมส่งออก เงินฝากเพิ่มขึ้นมากในจังหวัดเชียงราย ลำพูน แพร่ สุโขทัย และเชียงใหม่
ทางด้านสินเชื่อมียอดคงค้าง 186,693.6 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อน 2,030.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.1 และลดลงร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ยังระมัดระวังการให้สินเชื่อ ประกอบกับมีการโอนสินเชื่อบางส่วนไปบริหารที่ส่วนกลาง และการโอนหนี้ไปให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) รวมถึงการตัดจำหน่ายลูกหนี้จากการที่ธนาคารพาณิชย์สามารถกัน สำรองได้ครบแล้ว และการคืนหนี้ซึ่งเป็นผลมาจากความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างหนี้ อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์ยังคงมีการให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นในกิจการแปรรูปสินค้าเกษตร ธุรกิจรถจักรยานยนต์ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อลดลงมากที่จังหวัดลำปาง แม่ฮ่องสอน พะเยา เชียงราย และสุโขทัย
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 ธนาคาร ทรงตัวจากเดือนก่อน โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภทประจำ 3 เดือนอยู่ที่ระดับ 3.00 ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.50 ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภท 24 เดือนอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.00-4.25 ต่อปี สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมแก่ลูกค้าชั้นดี (MLR) อยู่ที่ระดับร้อยละ 7.50-8.25 ต่อปี
ปริมาณการใช้เช็คในเดือนตุลาคม 2543 มีปริมาณ 388,308 ฉบับ มูลค่า 24,836.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 13.5 และร้อยละ 9.7 ตามลำดับ โดยเพิ่มขึ้นในจังหวัดเชียงราย เพชรบูรณ์ สุโขทัย นครสวรรค์ และน่าน ทางด้านปริมาณและมูลค่าเช็คคืนเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 13.4 และร้อยละ 17.0 เป็น 6,848 ฉบับ มูลค่า 381.6 ล้านบาท ปริมาณและมูลค่าเช็คคืนมีสัดส่วนร้อยละ 1.8 และร้อยละ 1.5 ของปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บ ใกล้เคียงกับร้อยละ 1.8 และร้อยละ 1.4 เมื่อเดือนก่อน และร้อยละ 2.0 และร้อยละ 1.5 ระยะเดียวกันปีก่อน
ฐานะการคลัง
ฐานะการคลังรัฐบาลในภาคเหนือเดือนตุลาคม 2543 มีเงินในงบประมาณขาดดุล 7,122.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเทียบกับที่ขาดดุล 5,395.1 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน เนื่องจากรายจ่ายเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.1 เป็น 7,959.6 ล้านบาท ขณะที่รายได้ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.4 เหลือ 837.1 ล้านบาท
รายได้ที่รัฐบาลนำส่งคลังจังหวัดทั้ง 20 แห่งในภาคเหนือลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.4 เหลือ 837.1 ล้านบาท โดยการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลดลงร้อยละ 3.2 เหลือ 270.0 ล้านบาท ลดลงมากในส่วนของการจัดเก็บจากเงินได้ดอกเบี้ยร้อยละ 30.6 เหลือ 81.4 ล้านบาท จากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในเกณฑ์ต่ำ และการจัดเก็บรายได้อื่นลดลงร้อยละ 41.2 เหลือ 148.6 ล้านบาท ขณะที่การจัดเก็บเงินได้ภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.4 เป็น 123.0 ล้านบาท และภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 เป็น 295.4 ล้านบาท จากการเร่งรัดจัดเก็บ
รายจ่ายรัฐบาลในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.1 เป็น 7,959.6 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นทั้งรายจ่ายลงทุนและรายจ่ายประจำ ในส่วนของรายจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.1 เป็น 2,385.5 ล้านบาท จากรายจ่ายหมวดเงินอุดหนุนที่เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว เป็น 973.7 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างและจัดซื้อครุภัณฑ์แก่สถาบันการศึกษาในจังหวัดเชียงราย ทางด้านรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.7 เป็น 5,574.1 ล้านบาท จากรายจ่ายงบกลางเพิ่มขึ้นร้อยละ 68.3 เป็น 1,522.0 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินขวัญถุงแก่ข้าราชการที่เกษียณอายุก่อนกำหนดเป็นสำคัญ
รายจ่ายตามมาตรการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (มิยาซาวา) ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2543 มีวงเงินที่ได้รับอนุมัติทั้งสิ้น 8,530.8 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 8,073.5 ล้านบาทหรือร้อยละ 94.6 ของวงเงินอนุมัติ จังหวัดที่มีอัตราเบิกจ่ายสูงสุด 3 ลำดับคือ จังหวัดอุทัยธานี นครสวรรค์ และเชียงใหม่ ร้อยละ 98.1 ร้อยละ 97.8 และร้อยละ 97.7 ของวงเงินอนุมัติ ตามลำดับการค้าต่างประเทศ
การส่งออก ของภาคเหนือเดือนตุลาคม 2543 มีมูลค่า 127.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 3.7 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 42.0 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 5,478.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 7.0 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 55.7) จากการเพิ่มขึ้นทั้งการส่งออกผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่และผ่านชายแดน
การส่งออกผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีมูลค่า 107.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.5 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 31.8 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 4,623.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 3.8 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 44.5) เป็นการเพิ่มขึ้นของการส่งออกสินค้าจากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือและการส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูป เป็นสำคัญ โดยการส่งออกจากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือมีมูลค่า 96.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.0 และร้อยละ 34.0 ตามลำดับจากความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลกเพิ่มขึ้น เพื่อผลิตสินค้าจำหน่ายในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ เพิ่มขึ้นมากโดยเฉพาะในตลาดเอเชีย เช่น สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลี และญี่ปุ่น และในช่วงที่ผ่านมาโรงงานหลายแห่งในนิคมฯได้ขยายกำลังการผลิต ทำให้สามารถผลิตได้เพิ่มขึ้น ส่วนการส่งออกนอกนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือมีมูลค่า 11.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 3.3 เนื่องจากการส่งออกลำไยแปรรูปลดลงตามฤดูกาล แต่ก็ยังมีมูลค่ามากกว่าเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.1
การส่งออกผ่านชายแดน มีมูลค่า 19.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 25.0 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนกว่าเท่าตัว (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 854.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 29.0 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนเกือบ 2 เท่าตัว) จากการเพิ่มขึ้นของการส่งออกไปพม่า และลาว เป็นสำคัญ
การส่งออกไปพม่า มีมูลค่า 15.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 22.8 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 682.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 26.8 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนเกือบ 3 เท่าตัว) เนื่องจาก ความต้องการของพ่อค้าพม่ามีเพิ่มขึ้น ประกอบกับเดือนนี้สามารถทำการค้าได้ตามปกติ ไม่ประสบปัญหาทางการค้าเช่นเดือนเดียวกันปีก่อน ส่วน การส่งออกไปลาว มีมูลค่า 1.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 44.8 และร้อยละ 51.2 ตามลำดับ (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 59.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 49.4 และร้อยละ 65.7 ตามลำดับ) เนื่องจากความต้องการสินค้ามีมากขึ้น ทางด้าน การส่งออกไปจีน (ตอนใต้ ) มีมูลค่า 2.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 29.1 แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนลดลงร้อยละ 2.1 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 113.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 33.3 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.4)
การนำเข้า มูลค่าสินค้านำเข้ามีมูลค่า 95.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 5.4 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 35.4 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 4,122.7 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 2.4 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 48.5) จากการเพิ่มขึ้นของการนำเข้าผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่เป็นสำคัญ
การนำเข้าผ่านด่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีมูลค่า 91.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 6.2 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 38.4 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 3,951.5 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 3.1 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 51.8) จากการนำเข้าสินค้าในเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเป็นสำคัญ โดยการนำเข้าในเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือมีมูลค่า 91.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 5.7 ตามภาวะการนำเข้าเครื่องจักรที่ชะลอลงเนื่องจากได้ติดตั้งเครื่องจักรไปบางส่วนแล้ว แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.8 จากการนำเข้าวัตถุดิบเพิ่มขึ้นตามการส่งออก ส่วนการนำเข้าสินค้านอกนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ (ผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่) มีมูลค่า 0.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 54.2 และร้อยละ 9.1 ตามลำดับ (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 18.0 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 52.7 และร้อยละ 0.3 ตามลำดับ) จากความต้องการที่ลดลง
การนำเข้าสินค้าจากชายแดน มีมูลค่า 4.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 16.7 แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.9 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 171.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 20.4 แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.2) จากการนำเข้าสินค้าจากจีน (ตอนใต้) ลดลงเป็นสำคัญ
การนำเข้าสินค้าจากพม่า มีมูลค่า 1.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.9 และร้อยละ 22.2 ตามลำดับ (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 79.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 19.6 และร้อยละ 34.0 ตามลำดับ) ตามความต้องการที่มีเพิ่มขึ้นและไม่ประสบอุปสรรคทางการค้าเช่นปีก่อน การนำเข้าจากลาว มีมูลค่า 0.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 49.7 และร้อยละ 83.8 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 37.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 54.5 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนกว่าเท่าตัว) เนื่องจากมีการนำเข้าโค-กระบือเพิ่มขึ้น ส่วน การนำเข้าจากจีน (ตอนใต้) มีมูลค่า 1.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 2.0 แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 48.1 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 54.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 5.3 แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 43.1) จากการนำเข้าแอปเปิ้ลลดลง ระดับราคา
ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนตุลาคม 2543 ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.2 แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน โดยดัชนีราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.6 ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าหมวดอื่นๆที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.1
หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ลดลงจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.6 ร้อยละ 0.1 ตามลำดับ เนื่องจากสินค้าประเภทอาหารราคาลดลงเกือบทุกกลุ่ม ยกเว้นกลุ่มข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งที่ราคาเพิ่มขึ้น สินค้าที่ราคาลดลงมากได้แก่ สินค้ากลุ่มผักและผลไม้ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 4.1 สินค้ากลุ่มไข่และผลิตภัณฑ์นมราคาลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 1.0 เนื่องจากปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดมากขึ้น กลุ่มอาหารที่ซื้อจากตลาดและกลุ่มเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ราคาลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.1 เท่ากัน เนื่องจากภาวะการแข่งขันของผู้ประกอบการ ขณะที่กลุ่มอาหารที่ซื้อบริโภคราคาไม่เปลี่ยนแปลง
หมวดอื่นๆ ที่มิใช่อาหาร เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.1 และร้อยละ 3.6 ตามลำดับ แม้ว่าราคาน้ำมันในเดือนนี้จะปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย แต่การปรับขึ้นค่าโดยสารรถยนต์โดยสารประจำทางระหว่างจังหวัดในช่วงปลายเดือนก่อน ทำให้ราคาสินค้าในหมวดพาหนะการขนส่งและการสื่อสารปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 โดยสินค้ากลุ่มการขนส่งสาธารณะราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 3.4 ส่วนหมวดเคหสถาน หมวดเครื่องนุ่งห่ม หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.1 ขณะที่หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคลราคาลดลงร้อยละ 0.1 เนื่องจากโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งลดอัตราค่าห้องพักคนไข้ ขณะที่หมวดการบันเทิง การอ่านและการศึกษาราคาไม่เปลี่ยนแปลง
การใช้จ่ายภาคเอกชน
การใช้จ่ายภาคเอกชนเริ่มมีสัญญาณบางด้านปรับตัวลดลง ทั้งนี้เครื่องชี้ในส่วนของปริมาณรถยนต์จดทะเบียนเดือนกันยายน 2543 ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.5 เหลือ 1,649 คัน เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.6 เมื่อเดือนก่อน จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลให้ผู้ซื้อชะลอการซื้อรถ และจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ อย่างไรก็ดี สำหรับ ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 39.5 เป็น 10,653 คัน เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.6 เมื่อเดือนก่อน เพิ่มขึ้นในเกือบทุกจังหวัดของภาคเหนือ
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (คำนวณจากฐานภาษีร้อยละ 7) เดือนตุลาคม 2543 เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 13.4 เป็น 295.4 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 เมื่อเดือนก่อน จากการเร่งรัดจัดเก็บภาษีและการใช้จ่ายของประชาชน โดยเพิ่มขึ้นมากในเขตภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดที่ เป็นแหล่งท่องเที่ยว
การใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เดือนกันยายน 2543 เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.8 เป็น 223.3 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 เมื่อเดือนก่อน โดยเพิ่มขึ้นทั้งในเขตภาคเหนือตอนบนและตอนล่างร้อยละ 6.9 และร้อยละ 2.4 ตามลำดับ
ทางด้าน สินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภค มียอดคงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2543 ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.8 เหลือ 38,666.5 ล้านบาท จากการที่ธนาคารพาณิชย์ยังระมัดระวังการให้สินเชื่อและบางส่วนจากการโอนสินเชื่อไปบริหารที่สำนักงานใหญ่
--ส่วนวิชาการธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ--
-ยก-