กรุงเทพฯ--11 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2544 ฯพณฯ นายปองพล อดิเรกสาร รองนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการเข้าร่วมการประชุมสภารัฐมนตรีของสมาคมความร่วมมือแห่งมหาสมุทรอินเดีย (IOR-ARC) ระหว่างวันที่ 7-8 เมษายน 2544 ณ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน สรุปได้ดังนี้ 1. ผลการประชุมสภารัฐมนตรีของ IOR-ARC ที่ประชุมฯ เห็นความสำคัญในเรื่องพลังงานจึงเห็นควรให้มีการรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับความต้องการและความสามารถในการลงทุนด้านพลังงานระหว่างประเทศสมาชิกด้วยกัน นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบต่อความร่วมมือด้านการประมงระหว่างสมาชิก IOR-ARC ซึ่งเสนอโดยโอมานและให้มีการจัดตั้ง “Experts Group ” ขึ้นเพื่อหารือกันต่อไป ซึ่งจะพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดทำปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือด้านประมง (Declaration on Fisheries Cooperation) ด้วย สำหรับความร่วมมือในกรอบพหุภาคี ที่ประชุมฯ เห็นความจำเป็นที่จะให้มีการหารือเป็นระยะๆ ของประเทศสมาชิก IOR-ARC เกี่ยวกับประเด็นในองค์การการค้าโลก (WTO) และให้มีการประชุม IOR-ARC Experts Meeting ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรี WTO ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2544 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ด้วย
2. การหารือทวิภาคีระหว่างรองนายกรัฐมนตรีกับหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศต่างๆ
2.1 การหารือกับนาย Yousouf bin Alawi bin Abdullah รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศโอมาน (เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2544) ทั้งสองฝ่ายได้หารือใน 3 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
1) ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวโอมานต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแต่ยังขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ ฝ่ายไทยจึงเสนอให้โอมานส่งบุคลากรมาอบรมด้านการโรงแรม การท่องเที่ยวและการประกอบอาหารในประเทศไทยซึ่งมีสถาบันการศึกษาหลายแห่งที่มีหลักสูตรดังกล่าว นอกจากนี้ ไทยยังได้แจ้งความประสงค์ที่จะส่งเสริมให้ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับชาวโอมานที่มีรายได้สูง รวมทั้งชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในโอมานซึ่งมีจำนวนกว่าแสนคน
2) ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมประมง โอมานมีชายฝั่งทะเลที่ยาวและมีทรัพยากรสัตว์น้ำเป็นจำนวนมาก แต่มีกองเรือประมงที่จำกัด โอมานจึงประสงค์ที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมประมงและอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลซึ่งไทยมีศักยภาพสูง ในขณะที่ไทยเองก็ขาดแคลนปลาสำหรับเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล ดังนั้น หากมีความร่วมมือในการใช้ อนุรักษ์ และจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ ตลอดจนพัฒนาและร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่องก็จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
3) ความร่วมมือด้านพลังงานจากการที่ไทยมีการนำเข้าน้ำมันจากโอมานเป็นจำนวนมาก ฝ่ายไทยจึงได้เสนอให้โอมานมาลงทุนด้านโรงกลั่นน้ำมันและคลังน้ำมันในประเทศไทย ในขณะเดียวกัน ปตท.สผ. (บริษัท การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)) ก็มีความประสงค์จะไปลงทุนร่วมสำรวจแหล่งทรัพยากรพลังงานในโอมาน
2.2 การหารือกับนาง Nkosazana Dlamini Zuma รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การต่างประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ (เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2544) ฝ่ายไทยแสดงความเห็นว่า แอฟริกาใต้เป็นประตูสำคัญไปสู่ประเทศต่างๆ ใน ภูมิภาคแอฟริกาใต้ เนื่องจากมีระบบการคมนาคมที่สะดวกและยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติงดงามและสัตว์ป่าหลากหลาย ในขณะที่ไทยก็เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้และมีแหล่งท่องเที่ยวที่คล้ายคลึงกับแอฟริกาใต้ ดังนั้น จึงน่าจะมีความร่วมมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งเสริมและแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่สนใจการท่องเที่ยวในเชิงนิเวศน์ อาทิ การดูนกและการเดินป่าในเขตร้อนชื้น
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยได้แจ้งว่า ในเดือนพฤษภาคม 2544 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยจะเดินทางไปเปิดงาน Thailand Exhibition 2001 ที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก และจะมีการลงนามความตกลงทางการค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างไทยกับแอฟริกาใต้ในอนาคต ฝ่ายไทยยังได้เชิญรัฐมนตรีต่างประเทศแอฟริกาใต้เดินทางมาเยือนไทย ซึ่งฝ่ายแอฟริกาใต้รับที่จะหาโอกาสมาเยือนไทยในระหว่างเดินทางมาเยือนประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
2.3 การหารือกับนาย Kamal Karazi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน (เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2544) ฝ่ายอิหร่านเสนอให้มีความร่วมมือด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน และขอให้ไทยพิจารณาใช้อิหร่านเป็นประตูไปสู่ประเทศต่างๆ ในเอเชียกลาง เนื่องจากขณะนี้ ได้มีการ ลงนามความตกลงระหว่างอิหร่าน ปากีสถาน และรัสเชีย ในการพัฒนาเส้นทางคมนาคมที่เรียกว่า South-North Corridor ในขณะที่ ฝ่ายไทยแจ้งว่า อิหร่านก็สามารถใช้ไทยเป็นประตูไปสู่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เช่นกัน เนื่องจากมีโครงการ East-West Corridor ซึ่งเชื่อมโยงประเทศอินโดจีนและพม่า และโครงการ North-South Corridor ที่จะเชื่อมจีนตอนใต้ ไทย มาเลเซีย ไปจนถึงสิงคโปร์ ฝ่ายไทยได้เสนอให้อิหร่านพิจารณาทำการค้าต่างตอบแทน ซึ่งฝ่ายอิหร่านแจ้งว่าเพิ่งยกเลิกนโยบายการค้าต่างตอบแทนไปเมื่อเร็วๆ นี้ ดังนั้น จึงขอให้มีการพิจารณาใช้กลไกอื่นๆ เช่น การเปิดบัญชีระหว่างกัน เป็นต้น ซึ่งฝ่ายไทยเห็นพ้องในเรื่องนี้ และเสนอให้ธนาคารกลางและธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของแต่ละประเทศหารือในรายละเอียดต่อไป นอกจากนี้ อิหร่านขอให้ไทยสนับสนุนการสมัครเข้าเป็นสมาชิก WTO ของ อิหร่าน ซึ่งฝ่ายไทยรับที่จะสนับสนุนในเรื่องดังกล่าว
2.4 การหารือกับนาย Alwi Shihab รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อินโดนีเซีย ฝ่ายไทยขอให้อินโดนีเซียผ่อนผันกฏระเบียบที่กำหนดให้ใช้เรือเหล็กสำหรับ เรือประมงต่างชาติที่จะเข้าไปทำการประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียแก่เรือประมงไทยซึ่งส่วนใหญ่จะทำด้วยไม้ และแจ้งให้ฝ่ายอินโดนีเซียทราบว่า ฝ่ายไทยจะขึ้นทะเบียนเรือประมงของไทยทั้งหมดและจะคอยติดตามการทำประมงของเรือดังกล่าวด้วย ฝ่ายอินโดนีเซียเสนอให้มีการทำการค้าต่างตอบแทนเหมือนเช่นกรณีการซื้อเครื่องบิน 2 ลำของอินโดนีเซียแลกกับการซื้อข้าวจากไทยในอดีต ซึ่งฝ่ายไทยแจ้งว่าจะหารือกับ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2544 ฯพณฯ นายปองพล อดิเรกสาร รองนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการเข้าร่วมการประชุมสภารัฐมนตรีของสมาคมความร่วมมือแห่งมหาสมุทรอินเดีย (IOR-ARC) ระหว่างวันที่ 7-8 เมษายน 2544 ณ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน สรุปได้ดังนี้ 1. ผลการประชุมสภารัฐมนตรีของ IOR-ARC ที่ประชุมฯ เห็นความสำคัญในเรื่องพลังงานจึงเห็นควรให้มีการรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับความต้องการและความสามารถในการลงทุนด้านพลังงานระหว่างประเทศสมาชิกด้วยกัน นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบต่อความร่วมมือด้านการประมงระหว่างสมาชิก IOR-ARC ซึ่งเสนอโดยโอมานและให้มีการจัดตั้ง “Experts Group ” ขึ้นเพื่อหารือกันต่อไป ซึ่งจะพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดทำปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือด้านประมง (Declaration on Fisheries Cooperation) ด้วย สำหรับความร่วมมือในกรอบพหุภาคี ที่ประชุมฯ เห็นความจำเป็นที่จะให้มีการหารือเป็นระยะๆ ของประเทศสมาชิก IOR-ARC เกี่ยวกับประเด็นในองค์การการค้าโลก (WTO) และให้มีการประชุม IOR-ARC Experts Meeting ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรี WTO ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2544 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ด้วย
2. การหารือทวิภาคีระหว่างรองนายกรัฐมนตรีกับหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศต่างๆ
2.1 การหารือกับนาย Yousouf bin Alawi bin Abdullah รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศโอมาน (เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2544) ทั้งสองฝ่ายได้หารือใน 3 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
1) ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวโอมานต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแต่ยังขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ ฝ่ายไทยจึงเสนอให้โอมานส่งบุคลากรมาอบรมด้านการโรงแรม การท่องเที่ยวและการประกอบอาหารในประเทศไทยซึ่งมีสถาบันการศึกษาหลายแห่งที่มีหลักสูตรดังกล่าว นอกจากนี้ ไทยยังได้แจ้งความประสงค์ที่จะส่งเสริมให้ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับชาวโอมานที่มีรายได้สูง รวมทั้งชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในโอมานซึ่งมีจำนวนกว่าแสนคน
2) ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมประมง โอมานมีชายฝั่งทะเลที่ยาวและมีทรัพยากรสัตว์น้ำเป็นจำนวนมาก แต่มีกองเรือประมงที่จำกัด โอมานจึงประสงค์ที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมประมงและอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลซึ่งไทยมีศักยภาพสูง ในขณะที่ไทยเองก็ขาดแคลนปลาสำหรับเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล ดังนั้น หากมีความร่วมมือในการใช้ อนุรักษ์ และจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ ตลอดจนพัฒนาและร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่องก็จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
3) ความร่วมมือด้านพลังงานจากการที่ไทยมีการนำเข้าน้ำมันจากโอมานเป็นจำนวนมาก ฝ่ายไทยจึงได้เสนอให้โอมานมาลงทุนด้านโรงกลั่นน้ำมันและคลังน้ำมันในประเทศไทย ในขณะเดียวกัน ปตท.สผ. (บริษัท การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)) ก็มีความประสงค์จะไปลงทุนร่วมสำรวจแหล่งทรัพยากรพลังงานในโอมาน
2.2 การหารือกับนาง Nkosazana Dlamini Zuma รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การต่างประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ (เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2544) ฝ่ายไทยแสดงความเห็นว่า แอฟริกาใต้เป็นประตูสำคัญไปสู่ประเทศต่างๆ ใน ภูมิภาคแอฟริกาใต้ เนื่องจากมีระบบการคมนาคมที่สะดวกและยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติงดงามและสัตว์ป่าหลากหลาย ในขณะที่ไทยก็เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้และมีแหล่งท่องเที่ยวที่คล้ายคลึงกับแอฟริกาใต้ ดังนั้น จึงน่าจะมีความร่วมมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งเสริมและแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่สนใจการท่องเที่ยวในเชิงนิเวศน์ อาทิ การดูนกและการเดินป่าในเขตร้อนชื้น
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยได้แจ้งว่า ในเดือนพฤษภาคม 2544 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยจะเดินทางไปเปิดงาน Thailand Exhibition 2001 ที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก และจะมีการลงนามความตกลงทางการค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างไทยกับแอฟริกาใต้ในอนาคต ฝ่ายไทยยังได้เชิญรัฐมนตรีต่างประเทศแอฟริกาใต้เดินทางมาเยือนไทย ซึ่งฝ่ายแอฟริกาใต้รับที่จะหาโอกาสมาเยือนไทยในระหว่างเดินทางมาเยือนประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
2.3 การหารือกับนาย Kamal Karazi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน (เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2544) ฝ่ายอิหร่านเสนอให้มีความร่วมมือด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน และขอให้ไทยพิจารณาใช้อิหร่านเป็นประตูไปสู่ประเทศต่างๆ ในเอเชียกลาง เนื่องจากขณะนี้ ได้มีการ ลงนามความตกลงระหว่างอิหร่าน ปากีสถาน และรัสเชีย ในการพัฒนาเส้นทางคมนาคมที่เรียกว่า South-North Corridor ในขณะที่ ฝ่ายไทยแจ้งว่า อิหร่านก็สามารถใช้ไทยเป็นประตูไปสู่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เช่นกัน เนื่องจากมีโครงการ East-West Corridor ซึ่งเชื่อมโยงประเทศอินโดจีนและพม่า และโครงการ North-South Corridor ที่จะเชื่อมจีนตอนใต้ ไทย มาเลเซีย ไปจนถึงสิงคโปร์ ฝ่ายไทยได้เสนอให้อิหร่านพิจารณาทำการค้าต่างตอบแทน ซึ่งฝ่ายอิหร่านแจ้งว่าเพิ่งยกเลิกนโยบายการค้าต่างตอบแทนไปเมื่อเร็วๆ นี้ ดังนั้น จึงขอให้มีการพิจารณาใช้กลไกอื่นๆ เช่น การเปิดบัญชีระหว่างกัน เป็นต้น ซึ่งฝ่ายไทยเห็นพ้องในเรื่องนี้ และเสนอให้ธนาคารกลางและธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของแต่ละประเทศหารือในรายละเอียดต่อไป นอกจากนี้ อิหร่านขอให้ไทยสนับสนุนการสมัครเข้าเป็นสมาชิก WTO ของ อิหร่าน ซึ่งฝ่ายไทยรับที่จะสนับสนุนในเรื่องดังกล่าว
2.4 การหารือกับนาย Alwi Shihab รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อินโดนีเซีย ฝ่ายไทยขอให้อินโดนีเซียผ่อนผันกฏระเบียบที่กำหนดให้ใช้เรือเหล็กสำหรับ เรือประมงต่างชาติที่จะเข้าไปทำการประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียแก่เรือประมงไทยซึ่งส่วนใหญ่จะทำด้วยไม้ และแจ้งให้ฝ่ายอินโดนีเซียทราบว่า ฝ่ายไทยจะขึ้นทะเบียนเรือประมงของไทยทั้งหมดและจะคอยติดตามการทำประมงของเรือดังกล่าวด้วย ฝ่ายอินโดนีเซียเสนอให้มีการทำการค้าต่างตอบแทนเหมือนเช่นกรณีการซื้อเครื่องบิน 2 ลำของอินโดนีเซียแลกกับการซื้อข้าวจากไทยในอดีต ซึ่งฝ่ายไทยแจ้งว่าจะหารือกับ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-