ข่าวในประเทศ
1. คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท.คงอัตราดอกเบี้ยอาร์พีประเภท 14 วันไว้ในอัตราเดิม ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.43 ว่า ที่ประชุมมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืน พธบ.(อาร์พี)ประเภท 14 วันไว้ที่ระดับร้อยละ 1.5 เท่าเดิม เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นและค่าเงินบาทอ่อนค่าลงก็ตาม แต่ไม่ได้เป็นการสร้างแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยเฉพาะกำลังซื้อภายในประเทศยังไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก เห็นได้จาก เดือน ต.ค.และ พ.ย.43 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับร้อยละ 1.7 จากร้อยละ 2.2 ในไตรมาสที่ 2 ปี 43 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมราคาสินค้าอาหารสดและราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.7 และ 0.8 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ คณะกรรมการได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ ประกอบการกำหนดนโยบาย ได้แก่ การที่เศรษฐกิจของประเทศอุตสาหกรรมหลักของโลกชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของการค้าโลก การส่งออกของไทย และส่งผลให้แนวโน้มเงินเฟ้อของไทยลดลง รวมทั้งได้พิจารณาเปลี่ยนแปลงสมมุติฐานใหม่ว่า สรอ.จะไม่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายการเงินโดยคงอัตราดอกเบี้ยต่ำจะเริ่มเห็นผลชัดเจนภายในปี 44 โดยเชื่อว่ากำลังซื้อภายในประเทศทั้งการอุปโภคบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนจะขยายตัวขึ้น(เดลินิวส์,ไทยโพสต์ 7)
2. กองทุนฟื้นฟูฯ เปิดเผยความคืบหน้าการขาย ธ.ศรีนครและ ธ.นครหลวงไทย ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายจัดการกองทุน ธปท. เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.43 มีการพิจารณาร่างสัญญาการซื้อขาย ธ.ศรีนครที่อัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว และมีข้อสังเกตที่คณะกรรมการฯ พิจารณาว่าควรแก้ไขก่อนยื่นเรื่องให้บริษัทเอชเอสบีซี โฮลดิ้ง พิจารณาว่าจะลงนามในสัญญาซื้อขายหรือไม่ ในส่วนของ ธ.นครหลวงไทย จะมีการพิจารณาข้อเสนอของผู้สนใจเสนอซื้อที่มีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มของ บง.ทิสโก้ร่วมทุนกับต่างชาติ และกลุ่มของตระกูลชาญอิสระร่วมทุนกับเลห์แมนบราเธอร์สและกลุ่มนิวบริดน์...(วัฏจักร,มติชน 7)
3. เอสแอนด์พีประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยไว้ในระดับเดิม รมช.คลัง เปิดเผยกรณีบริษัท สแตนดาร์ด แอนด์ พัว (เอสแอนด์พี) ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยไว้ในอัตราเดิมว่า ไม่ใช่เรื่องเสียหายและยุติธรรมดีแล้ว แม้ว่าในภาพรวมไทยน่าจะได้รับการปรับเครดิตเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เอสแอนด์พี ได้ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือในตราสารด้อยสิทธิและตราสารไม่มีหลักประกันระยะสั้น รวมทั้งความน่าเชื่อถือระยะยาวของสกุลเงินตราต่างประเทศของไทยในระดับ BBB-/A-3 หรือทรงตัวในระดับมีเสถียรภาพไว้ดังเดิมเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยอ้างความยืดหยุ่นของดุลการชำระเงินที่ปรับตัวดีขึ้น ความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปฏิรูปเศรษฐกิจ การยกเลิกอุปสรรคต่อการลงทุนของต่างประเทศ การปรับปรุงการกำกับดูแล ธพ. ขณะที่เงินเฟ้ออ่อนตัวลงมากกว่าที่คาดไว้ แต่ปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ยังคงมีอยู่สูง(ไทยรัฐ 7)
จัดทำโดย ทีมสิ่งพิมพ์ต่อเนื่องและวารสารอิเล็กทรอนิกส์ โทร 5698 F-SE-011/rev.1/01-11-43
สรุปข่าวต่างประเทศ
1. สรอ. ปรับลดประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรกรรมเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ในไตรมาสที่ 3 ปี 43 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.43 ก.แรงงาน สรอ. รายงานว่า ไตรมาสที่ 3 ปี 43 สรอ. ปรับลดประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรกรรมของ สรอ. ซึ่งวัดจากผลผลิตต่อคนทำงาน เป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 จากประมาณการเดิมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 ในไตรมาสที่ 2 ปี 43 ขณะที่ปรับเพิ่มต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเป็นร้อยละ 2.9 จากประมาณการเดิมที่ร้อยละ 2.5 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.2 ในไตรมาสที่ 2 ปี 43 ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า แม้ประสิทธิภาพการผลิตฯ ในไตรมาสที่ 3 ปี 43 จะขยายตัวชะลอลง แต่ก็ยังขยายตัวในอัตราที่เพียงพอให้ ธ.กลาง สรอ. มั่นใจได้ว่า ประสิทธิภาพการผลิตฯ ยังสามารถส่งผลช่วยเหลือให้ภาวะเงินเฟ้อผ่อนคลายลง นอกจากนั้น ก.แรงงานฯ กล่าวว่า การที่ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากค่าตอบแทนต่อชั่วโมงการทำงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มที่สูงที่สุดนับแต่ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 ในไตรมาสที่ 1 ปี (รอยเตอร์ 6)
2. คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของเยอรมนีเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 ในเดือน ต.ค.43 รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.43 ก.คลังเยอรมนีรายงานว่า เดือน ต.ค.43 คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมปรับฤดูกาลของเยอรมนีโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เป็นการฟื้นตัวกลับขึ้นมาจากที่ลดลงถึงร้อยละ 4.2 ในเดือน ก.ย.43 และเป็นอัตราการเพิ่มที่สูงเกินความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์จากการสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียงร้อยละ 1.0 โดยในเดือน ต.ค.นี้ คำสั่งซื้อฯ เพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 จากที่ลดลงร้อยละ 6.1 ในเดือน ก.ย.43 ขณะที่คำสั่งซื้อฯ ภายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 จากที่ลดลงร้อยละ 2.6 ในเดือน ก.ย.43 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำสั่งซื้อฯ ประเภทสินค้าทุน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9.3 จากที่ลดลงร้อยละ 8.2 ในเดือน ก.ย.43 ทั้งนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขคำสั่งซื้อฯ ในเดือน ต.ค.นี้ ชี้ว่า เศรษฐกิจของเยอรมนีจะกลับมาขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ หลังจากที่ขยายตัวชะลอลงในไตรมาสที่ 3 ปี 43 อนึ่ง หากคิดแยกระหว่างเยอรมนีตะวันตกและเยอรมนีตะวันออก คำสั่งซื้อฯ ของเยอรมนีตะวันตกในเดือน ต.ค.43 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 จากที่ลดลงร้อยละ 4.4 ในเดือน ก.ย.43 ส่วนคำสั่งซื้อของเยอรมนีตะวันออก เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 จากที่เพิ่มขึ้น 0.6 ในเดือน ก.ย.43(รอยเตอร์ 6)
3. ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับ 85.7 ในเดือน ต.ค.43 รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.43 สำนักวางแผนเศรษฐกิจของญี่ปุ่น (EPA) รายงานว่า เดือน ต.ค.43 ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (Index of leading indicators) ซึ่งใช้วัดภาวะเศรษฐกิจในช่วงเดือนที่จะมาถึงของญี่ปุ่น ตามตัวเลขเบื้องต้นอยู่ที่ระดับ 85.7 เพิ่มขึ้นจากที่อยู่ที่ระดับ 45.0 ซึ่งเป็นตัวเลขปรับใหม่ ในเดือน ก.ย.43 ขณะที่ Coincident index ซึ่งใช้วัดภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 85.7 เช่นเดียวกัน หลังจากที่อยู่ที่ระดับ 50.0 ในเดือน ก.ย.43 ส่วน Lagging Index ซึ่งใช้วัดภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 58.3 เพิ่มขึ้นจากที่อยู่ที่ระดับ 42.9 ในเดือน ก.ย 43.(รอยเตอร์ 6)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 6 ธ.ค. 43.558 (43.747)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 6 ธ.ค. 43
ซื้อ 43.3595 (43.5010) ขาย 43.6673 (43.8084)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,600 (5,550) ขาย 5,700 (5,650)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 23.90 (23.56)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 16.79 (17.09) ดีเซลหมุนเร็ว 14.44 (14.74)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท.คงอัตราดอกเบี้ยอาร์พีประเภท 14 วันไว้ในอัตราเดิม ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.43 ว่า ที่ประชุมมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืน พธบ.(อาร์พี)ประเภท 14 วันไว้ที่ระดับร้อยละ 1.5 เท่าเดิม เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นและค่าเงินบาทอ่อนค่าลงก็ตาม แต่ไม่ได้เป็นการสร้างแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยเฉพาะกำลังซื้อภายในประเทศยังไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก เห็นได้จาก เดือน ต.ค.และ พ.ย.43 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับร้อยละ 1.7 จากร้อยละ 2.2 ในไตรมาสที่ 2 ปี 43 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมราคาสินค้าอาหารสดและราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.7 และ 0.8 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ คณะกรรมการได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ ประกอบการกำหนดนโยบาย ได้แก่ การที่เศรษฐกิจของประเทศอุตสาหกรรมหลักของโลกชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของการค้าโลก การส่งออกของไทย และส่งผลให้แนวโน้มเงินเฟ้อของไทยลดลง รวมทั้งได้พิจารณาเปลี่ยนแปลงสมมุติฐานใหม่ว่า สรอ.จะไม่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายการเงินโดยคงอัตราดอกเบี้ยต่ำจะเริ่มเห็นผลชัดเจนภายในปี 44 โดยเชื่อว่ากำลังซื้อภายในประเทศทั้งการอุปโภคบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนจะขยายตัวขึ้น(เดลินิวส์,ไทยโพสต์ 7)
2. กองทุนฟื้นฟูฯ เปิดเผยความคืบหน้าการขาย ธ.ศรีนครและ ธ.นครหลวงไทย ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายจัดการกองทุน ธปท. เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.43 มีการพิจารณาร่างสัญญาการซื้อขาย ธ.ศรีนครที่อัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว และมีข้อสังเกตที่คณะกรรมการฯ พิจารณาว่าควรแก้ไขก่อนยื่นเรื่องให้บริษัทเอชเอสบีซี โฮลดิ้ง พิจารณาว่าจะลงนามในสัญญาซื้อขายหรือไม่ ในส่วนของ ธ.นครหลวงไทย จะมีการพิจารณาข้อเสนอของผู้สนใจเสนอซื้อที่มีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มของ บง.ทิสโก้ร่วมทุนกับต่างชาติ และกลุ่มของตระกูลชาญอิสระร่วมทุนกับเลห์แมนบราเธอร์สและกลุ่มนิวบริดน์...(วัฏจักร,มติชน 7)
3. เอสแอนด์พีประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยไว้ในระดับเดิม รมช.คลัง เปิดเผยกรณีบริษัท สแตนดาร์ด แอนด์ พัว (เอสแอนด์พี) ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยไว้ในอัตราเดิมว่า ไม่ใช่เรื่องเสียหายและยุติธรรมดีแล้ว แม้ว่าในภาพรวมไทยน่าจะได้รับการปรับเครดิตเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เอสแอนด์พี ได้ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือในตราสารด้อยสิทธิและตราสารไม่มีหลักประกันระยะสั้น รวมทั้งความน่าเชื่อถือระยะยาวของสกุลเงินตราต่างประเทศของไทยในระดับ BBB-/A-3 หรือทรงตัวในระดับมีเสถียรภาพไว้ดังเดิมเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยอ้างความยืดหยุ่นของดุลการชำระเงินที่ปรับตัวดีขึ้น ความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปฏิรูปเศรษฐกิจ การยกเลิกอุปสรรคต่อการลงทุนของต่างประเทศ การปรับปรุงการกำกับดูแล ธพ. ขณะที่เงินเฟ้ออ่อนตัวลงมากกว่าที่คาดไว้ แต่ปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ยังคงมีอยู่สูง(ไทยรัฐ 7)
จัดทำโดย ทีมสิ่งพิมพ์ต่อเนื่องและวารสารอิเล็กทรอนิกส์ โทร 5698 F-SE-011/rev.1/01-11-43
สรุปข่าวต่างประเทศ
1. สรอ. ปรับลดประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรกรรมเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ในไตรมาสที่ 3 ปี 43 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.43 ก.แรงงาน สรอ. รายงานว่า ไตรมาสที่ 3 ปี 43 สรอ. ปรับลดประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรกรรมของ สรอ. ซึ่งวัดจากผลผลิตต่อคนทำงาน เป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 จากประมาณการเดิมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 ในไตรมาสที่ 2 ปี 43 ขณะที่ปรับเพิ่มต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเป็นร้อยละ 2.9 จากประมาณการเดิมที่ร้อยละ 2.5 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.2 ในไตรมาสที่ 2 ปี 43 ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า แม้ประสิทธิภาพการผลิตฯ ในไตรมาสที่ 3 ปี 43 จะขยายตัวชะลอลง แต่ก็ยังขยายตัวในอัตราที่เพียงพอให้ ธ.กลาง สรอ. มั่นใจได้ว่า ประสิทธิภาพการผลิตฯ ยังสามารถส่งผลช่วยเหลือให้ภาวะเงินเฟ้อผ่อนคลายลง นอกจากนั้น ก.แรงงานฯ กล่าวว่า การที่ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากค่าตอบแทนต่อชั่วโมงการทำงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มที่สูงที่สุดนับแต่ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 ในไตรมาสที่ 1 ปี (รอยเตอร์ 6)
2. คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของเยอรมนีเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 ในเดือน ต.ค.43 รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.43 ก.คลังเยอรมนีรายงานว่า เดือน ต.ค.43 คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมปรับฤดูกาลของเยอรมนีโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เป็นการฟื้นตัวกลับขึ้นมาจากที่ลดลงถึงร้อยละ 4.2 ในเดือน ก.ย.43 และเป็นอัตราการเพิ่มที่สูงเกินความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์จากการสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียงร้อยละ 1.0 โดยในเดือน ต.ค.นี้ คำสั่งซื้อฯ เพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 จากที่ลดลงร้อยละ 6.1 ในเดือน ก.ย.43 ขณะที่คำสั่งซื้อฯ ภายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 จากที่ลดลงร้อยละ 2.6 ในเดือน ก.ย.43 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำสั่งซื้อฯ ประเภทสินค้าทุน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9.3 จากที่ลดลงร้อยละ 8.2 ในเดือน ก.ย.43 ทั้งนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขคำสั่งซื้อฯ ในเดือน ต.ค.นี้ ชี้ว่า เศรษฐกิจของเยอรมนีจะกลับมาขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ หลังจากที่ขยายตัวชะลอลงในไตรมาสที่ 3 ปี 43 อนึ่ง หากคิดแยกระหว่างเยอรมนีตะวันตกและเยอรมนีตะวันออก คำสั่งซื้อฯ ของเยอรมนีตะวันตกในเดือน ต.ค.43 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 จากที่ลดลงร้อยละ 4.4 ในเดือน ก.ย.43 ส่วนคำสั่งซื้อของเยอรมนีตะวันออก เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 จากที่เพิ่มขึ้น 0.6 ในเดือน ก.ย.43(รอยเตอร์ 6)
3. ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับ 85.7 ในเดือน ต.ค.43 รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.43 สำนักวางแผนเศรษฐกิจของญี่ปุ่น (EPA) รายงานว่า เดือน ต.ค.43 ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (Index of leading indicators) ซึ่งใช้วัดภาวะเศรษฐกิจในช่วงเดือนที่จะมาถึงของญี่ปุ่น ตามตัวเลขเบื้องต้นอยู่ที่ระดับ 85.7 เพิ่มขึ้นจากที่อยู่ที่ระดับ 45.0 ซึ่งเป็นตัวเลขปรับใหม่ ในเดือน ก.ย.43 ขณะที่ Coincident index ซึ่งใช้วัดภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 85.7 เช่นเดียวกัน หลังจากที่อยู่ที่ระดับ 50.0 ในเดือน ก.ย.43 ส่วน Lagging Index ซึ่งใช้วัดภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 58.3 เพิ่มขึ้นจากที่อยู่ที่ระดับ 42.9 ในเดือน ก.ย 43.(รอยเตอร์ 6)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 6 ธ.ค. 43.558 (43.747)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 6 ธ.ค. 43
ซื้อ 43.3595 (43.5010) ขาย 43.6673 (43.8084)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,600 (5,550) ขาย 5,700 (5,650)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 23.90 (23.56)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 16.79 (17.09) ดีเซลหมุนเร็ว 14.44 (14.74)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-