นายวีระ บุญศรี รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20-26 กันยายน 2543 ได้นำคณะผู้แทนการค้า ซึ่งประกอบผู้แทนสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย และสมาคมการค้าอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลัง เดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อหาลู่ทางขยายการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทย โดยคณะผู้แทนการค้าได้พบปะหารือกับโรงงานผลิตแอลกอฮอล์ โรงงานผลิตผงชูรส อุตสาหกรรมผลิตภาชนะบรรจุอาหาร โรงงานผลิตกรดมะนาว และผู้ประกอบการอาหารสัตว์
คณะผู้แทนการค้าไทยได้รับทราบข้อมูลจากฝ่ายจีนว่า ฤดูการผลิตในปีนี้ ผลผลิตข้าวโพดได้รับความเสียหายจากภาวะอากาศแล้ง โดยเฉพาะอย่างมณฑลจี้หลิน มณฑลฮาบิ้น และมณฑลเซิ่นหยาง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวโพดที่สำคัญของจีน พื้นที่เพาะปลูกข้าวโพด ได้รับความเสียหาย ผลผลิตลดลงประมาณ 30% ราคาข้าวโพดมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้ ผู้ประกอบการมีความต้องการที่จะนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพื่อนำไปใช้ทดแทนผลผลิตข้าวโพดที่ได้รับความเสียหาย โดยอุตสาหกรรมที่มีโอกาสสูงที่จะใช้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทดแทนได้คืออุตสาหกรรมผลิตแอกอฮอล์ และอุตสาหกรรมผลิตกรดมะนาว ส่วนอุตสาหกรรมผลิตภาชนะบรรจุอาหารจากผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังมีโอกาสมากที่จะขยายตัวในอนาคต โดยมีความต้องการใช้มันเส้นรวมกันประมาณ 1.25 ล้านตัน หรือประมาณ 2.8 ล้านตัน เมื่อทอนเป็นหัวมันสด
รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จีนเป็นตลาดผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังสำหรับการบริโภค ซึ่งจะแตกต่างจากตลาดสหภาพยุโรปซึ่งจะใช้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ และจากภาวะที่ผลผลิตข้าวโพดของจีนได้รับความเสียหายดังกล่าว ประเทศจีนจึงได้ให้ความสนใจที่จะนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทยอย่างมาก แต่จะต้องมีการปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดจีนก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งเจือปน ซึ่งผู้ส่งออกที่ร่วมเดินทางไปกับคณะได้ให้การรับรองว่า จะประสานกับสมาชิกให้เร่งติดตั้งเครื่องร่อนทรายให้ได้ภายใน 45 วัน สำหรับเกษตรกรต้องตัดรากเหง้าก่อนส่งเข้าโรงงาน ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้มันสำปะหลังของไทยก็จะเป็นที่ต้องการของตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดที่สำคัญอีกตลาดหนึ่ง สำหรับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ในจีนยังมีความรู้ในการใช้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์น้อยมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพานักลงทุนไทยที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีนเป็นผู้บุกเบิกนำผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเข้าไปใช้ในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่จีนเกิดการขาดแคลนข้าวโพด จะสามารถเจาะตลาดผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในจีนได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศยังได้เปิดเผยว่า หากผู้ส่งออกที่สามารถปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังให้มีคุณภาพได้ตามความต้องการของตลาดจีน คือ มีทรายปนไม่เกิน 2% และมันเส้นมีเชื้อแป้งไม่ต่ำกว่า 68% แล้ว กรมส่งเสริมการส่งออกจะให้เครื่องหมายรับรองคุณภาพให้กับผู้ส่งออกนั้นๆ เพื่อเป็นการส่งเสริมการขยายตลาดจีน สำหรับการขยายตลาดจีน กรมการค้าต่างประเทศจะได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือกำหนดแผนการส่งออกอย่างเร่งด่วนต่อไป--จบ--
--กรมการค้าต่างประเทศ ตุลาคม 2543--
-อน-
คณะผู้แทนการค้าไทยได้รับทราบข้อมูลจากฝ่ายจีนว่า ฤดูการผลิตในปีนี้ ผลผลิตข้าวโพดได้รับความเสียหายจากภาวะอากาศแล้ง โดยเฉพาะอย่างมณฑลจี้หลิน มณฑลฮาบิ้น และมณฑลเซิ่นหยาง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวโพดที่สำคัญของจีน พื้นที่เพาะปลูกข้าวโพด ได้รับความเสียหาย ผลผลิตลดลงประมาณ 30% ราคาข้าวโพดมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้ ผู้ประกอบการมีความต้องการที่จะนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพื่อนำไปใช้ทดแทนผลผลิตข้าวโพดที่ได้รับความเสียหาย โดยอุตสาหกรรมที่มีโอกาสสูงที่จะใช้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทดแทนได้คืออุตสาหกรรมผลิตแอกอฮอล์ และอุตสาหกรรมผลิตกรดมะนาว ส่วนอุตสาหกรรมผลิตภาชนะบรรจุอาหารจากผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังมีโอกาสมากที่จะขยายตัวในอนาคต โดยมีความต้องการใช้มันเส้นรวมกันประมาณ 1.25 ล้านตัน หรือประมาณ 2.8 ล้านตัน เมื่อทอนเป็นหัวมันสด
รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จีนเป็นตลาดผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังสำหรับการบริโภค ซึ่งจะแตกต่างจากตลาดสหภาพยุโรปซึ่งจะใช้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ และจากภาวะที่ผลผลิตข้าวโพดของจีนได้รับความเสียหายดังกล่าว ประเทศจีนจึงได้ให้ความสนใจที่จะนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทยอย่างมาก แต่จะต้องมีการปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดจีนก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งเจือปน ซึ่งผู้ส่งออกที่ร่วมเดินทางไปกับคณะได้ให้การรับรองว่า จะประสานกับสมาชิกให้เร่งติดตั้งเครื่องร่อนทรายให้ได้ภายใน 45 วัน สำหรับเกษตรกรต้องตัดรากเหง้าก่อนส่งเข้าโรงงาน ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้มันสำปะหลังของไทยก็จะเป็นที่ต้องการของตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดที่สำคัญอีกตลาดหนึ่ง สำหรับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ในจีนยังมีความรู้ในการใช้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์น้อยมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพานักลงทุนไทยที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีนเป็นผู้บุกเบิกนำผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเข้าไปใช้ในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่จีนเกิดการขาดแคลนข้าวโพด จะสามารถเจาะตลาดผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในจีนได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศยังได้เปิดเผยว่า หากผู้ส่งออกที่สามารถปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังให้มีคุณภาพได้ตามความต้องการของตลาดจีน คือ มีทรายปนไม่เกิน 2% และมันเส้นมีเชื้อแป้งไม่ต่ำกว่า 68% แล้ว กรมส่งเสริมการส่งออกจะให้เครื่องหมายรับรองคุณภาพให้กับผู้ส่งออกนั้นๆ เพื่อเป็นการส่งเสริมการขยายตลาดจีน สำหรับการขยายตลาดจีน กรมการค้าต่างประเทศจะได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือกำหนดแผนการส่งออกอย่างเร่งด่วนต่อไป--จบ--
--กรมการค้าต่างประเทศ ตุลาคม 2543--
-อน-