นายเกริกไกร จีระแพทย์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่า ประเทศไทยยังครองแชมป์ปริมาณส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งในปี 2542 สามารถส่งออกข้าวได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์จำนวน 6.71 ล้านตัน มูลค่า 72,319 ล้านบาท (1,904 ล้านเหรียญสหรัฐ) ทำลายสถิติการส่งออกที่เคยสูงสุดเมื่อปี 2541 ที่มีการส่งออกจำนวน 6.41 ล้านตัน มูลค่า 85,369 ล้านบาท(2,065 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 แต่มูลค่าส่งออกลดลงเนื่องจากการแข็งตัวของค่าเงินบาทประกอบกับภาวะตลาดเป็นของผู้ซื้อมากขึ้นทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกอ่อนตัวลง โดยชนิดข้าวส่งออกเป็นข้าวคุณภาพดี (ข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว 100 % ข้าว 5 % ข้าวขาว 10-15 % )ร้อยละ 56 และข้าวคุณภาพต่ำ (ข้าวขาว 20 % ปลายข้าวและข้าวนึ่ง) ร้อยละ 44 ตลาดส่งออกที่สำคัญได้แก่ ตลาดแอฟริกา (ไนจีเรีย แอฟริกาใต้ เซเนกัล) ตลาดแถบตะวันออกกลาง (อิหร่านและอิรัก) และตลาดอื่น ๆ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกงและสหรัฐฯ
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศได้กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์ข้าวและแนวโน้มในปี 2543 ว่า ภาวะตลาดข้าวยังเป็นของผู้ซื้อเนื่องจากผลผลิตข้าวของโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในปี 2543 ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกข้าวไว้ 6 ล้านตัน มูลค่า 60,000 ล้านบาท ( 1,554 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)โดยมีส่วนแบ่งตลาดข้าวโลกประมาณร้อยละ 26 ของปริมาณการค้าข้าวโลก และคาดว่าประเทศไทยจะส่งออกข้าวคุณภาพดีได้มากขึ้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจแถบเอเชียฟื้นตัว อีกทั้งตลาดข้าวหลักของไทยยังคงนำเข้าข้าวปริมาณมาก ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2542 รัฐบาลไทยประสบผลสำเร็จในการตกลงทำสัญญาขายข้าวให้อิหร่าน จำนวน 3 แสนตัน มีกำหนดส่งมอบตั้งแต่เดือนมกราคม- พฤษภาคม 2543 ซึ่งจะช่วยระบายผลผลิตข้าวเปลือกที่กำลังทยอยสู่ตลาดส่งผลดีต่อราคาข้าวของเกษตรกร อีกทั้งในปี2543นี้ หากสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกจะเป็นโอกาสให้ไทยสามารถขยายการส่งออกข้าวหอมมะลิไปจีนได้อีกมาก นอกจากนี้ไทยยังมีตลาดหลักที่สำคัญอื่น ๆ อีกเช่น อิหร่าน อินโดนีเซีย ไนจีเรีย อิรัก ฮ่องกง และมาเลเซีย ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์อยู่ในระหว่างการเร่งหาตลาดขายข้าวรัฐบาลต่อรัฐบาลและร่วมมือกับภาคเอกชนในการบุกขยายตลาดข้าวในทุกภูมิภาคตามแผนการรณรงค์ขายข้าวให้ได้มากที่สุดต่อไป
-กรมการค้าต่างประเทศ กุมภาพันธ์ 2543--
-อน-
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศได้กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์ข้าวและแนวโน้มในปี 2543 ว่า ภาวะตลาดข้าวยังเป็นของผู้ซื้อเนื่องจากผลผลิตข้าวของโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในปี 2543 ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกข้าวไว้ 6 ล้านตัน มูลค่า 60,000 ล้านบาท ( 1,554 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)โดยมีส่วนแบ่งตลาดข้าวโลกประมาณร้อยละ 26 ของปริมาณการค้าข้าวโลก และคาดว่าประเทศไทยจะส่งออกข้าวคุณภาพดีได้มากขึ้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจแถบเอเชียฟื้นตัว อีกทั้งตลาดข้าวหลักของไทยยังคงนำเข้าข้าวปริมาณมาก ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2542 รัฐบาลไทยประสบผลสำเร็จในการตกลงทำสัญญาขายข้าวให้อิหร่าน จำนวน 3 แสนตัน มีกำหนดส่งมอบตั้งแต่เดือนมกราคม- พฤษภาคม 2543 ซึ่งจะช่วยระบายผลผลิตข้าวเปลือกที่กำลังทยอยสู่ตลาดส่งผลดีต่อราคาข้าวของเกษตรกร อีกทั้งในปี2543นี้ หากสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกจะเป็นโอกาสให้ไทยสามารถขยายการส่งออกข้าวหอมมะลิไปจีนได้อีกมาก นอกจากนี้ไทยยังมีตลาดหลักที่สำคัญอื่น ๆ อีกเช่น อิหร่าน อินโดนีเซีย ไนจีเรีย อิรัก ฮ่องกง และมาเลเซีย ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์อยู่ในระหว่างการเร่งหาตลาดขายข้าวรัฐบาลต่อรัฐบาลและร่วมมือกับภาคเอกชนในการบุกขยายตลาดข้าวในทุกภูมิภาคตามแผนการรณรงค์ขายข้าวให้ได้มากที่สุดต่อไป
-กรมการค้าต่างประเทศ กุมภาพันธ์ 2543--
-อน-