กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
ไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปจัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือไทย-ประชาคมยุโรปเพื่อพิจารณาความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกัน โดยเป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ซึ่งทั้งสองฝ่ายสลับกันเป็นเจ้าภาพ และมีขึ้นแล้ว 6 ครั้ง ครั้งแรกจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อปีพ.ศ. 2535 ครั้งที่ 6 จัดขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวันที่ 16-17 พฤศจิกายน 2542 และครั้งที่ 7 นี้ จัดขึ้นที่กระทรวงการต่างประเทศ กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 27-29 มีนาคม 2544 ทั้งนี้ ในวันที่ 27 มีนาคม เป็นการหารือกลุ่มย่อย และการประชุมเต็มคณะในวันที่ 28 และ 29 มีนาคม ที่ประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในภาพรวมทั้งในเรื่องพัฒนาการด้านการเมืองและ เศรษฐกิจในภูมิภาคทั้งสองและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในรายละเอียดเรื่องความร่วมมือด้านต่างๆ ความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป - ทั้งสองฝ่ายได้พิจารณาความคืบหน้าของโครงการต่างๆ ในประเทศไทยที่ประชาคมยุโรป ให้การสนับสนุน และหน่วยงานของไทย อาทิ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กระทรวงคมนาคม ทบวงมหาวิทยาลัย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามยาเสพติด เป็นต้น ได้รายงานความคืบหน้าของโครงการต่างๆ ซึ่งในภาพรวมนับได้ว่าประสบความสำเร็จและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาในประเทศไทย ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นควรที่จะจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลประสานงานการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือในภาพรวม รวมทั้งกำหนกจะจัดการประชุมคณะทำงานครั้งแรกภายในปีนี้เพื่อกำหนดสาขาความร่วมมือที่จะให้ความสำคัญในอนาคตก่อนที่จะเสนอโครงการความร่วมมือใหม่ - ฝ่ายประชาคมยุโรปรับทราบข้อเรียกร้องของไทยที่ขอให้คงความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาแก่ไทยต่อไปในบางสาขาที่มีความจำเป็น โดยเฉพาะในช่วงที่ไทยอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ เช่น ด้านการแก้ปัญหาความยากจน ปัญหาสังคม การพัฒนาด้านการเกษตร และการพัฒนาชนบท การสาธารณสุข และการปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยรับที่จะพิจารณาประกอบการกำหนด แผนงานความร่วมมือในอนาคต - ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสาขาความร่วมมือที่มีลำดับความสำคัญในระยะ 3 ปีข้างหน้า ซึ่งฝ่ายไทยได้เสนอสาขาต่างๆ 6 สาขา อันได้แก่
(1) การเกษตรและพัฒนาชนบท
(2) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งสังคม เศรษฐกิจ ความรู้ และสิ่งแวดล้อม
(3) การศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
(4) สาธารณสุข
(5) การลงทุน อุตสาหกรรม SMEs และภาคธุรกิจ เอกชน
(6) ความร่วมมือด้านสังคมและความร่วมมือระหว่างประชาชนต่อประชาชน - ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะมีความร่วมมือด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยฝ่ายสหภาพยุโรปจะจัด Workshop เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ รวมทั้งจะมีการประชุมระหว่าง Think tanks ของไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปด้วย - นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังตกลงที่จะมีการประชุมหารือกันที่กรุงเทพฯ ในเดือนพฤษภาคม ปีนี้ เพื่อพิจารณาแนวทางความร่วมมือเกี่ยวกับสังคมเศรษฐกิจความรู้ (Knowledge-based economy) ด้านการลงทุน - ฝ่ายไทยได้สรุปให้ฝ่ายสหภาพยุโรปทราบเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนในไทย กฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านการค้า อาทิ Foreign Business Act และการปฏิรูปแผนงานการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ทั้งสองฝ่ายยังได้หารืออย่างกว้างขวางเกี่ยวกับภาพลักษณ์การลงทุนในไทยและกฎระเบียบการลงทุนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้ฝ่ายสหภาพยุโรปเข้าใจนโยบายเศรษฐกิจและการลงทุนของไทยดีขึ้น - ทั้งสองฝ่ายจะพิจารณาลู่ทางในการจัดตั้ง Thai —EU CEO Forum หรือเวทีการหารือระหว่าง CEO ของไทยกับสหภาพยุโรป เพื่อจะเป็นเวทีสำหรับนักธุรกิจระดับสูงจากยุโรปและไทย มาพบปะและหารือการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน - ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะจัดให้มีการเชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและการลงทุนของไทยมีการประชุมหารือกับคณะผู้แทนและบริษัทกับคณะผู้แทนเอกชนยุโรปที่ประกอบธุรกิจในเมืองไทยเพื่อบรรยายสรุปข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจและบรรยากาศการลงทุนในไทย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
ไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปจัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือไทย-ประชาคมยุโรปเพื่อพิจารณาความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกัน โดยเป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ซึ่งทั้งสองฝ่ายสลับกันเป็นเจ้าภาพ และมีขึ้นแล้ว 6 ครั้ง ครั้งแรกจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อปีพ.ศ. 2535 ครั้งที่ 6 จัดขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวันที่ 16-17 พฤศจิกายน 2542 และครั้งที่ 7 นี้ จัดขึ้นที่กระทรวงการต่างประเทศ กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 27-29 มีนาคม 2544 ทั้งนี้ ในวันที่ 27 มีนาคม เป็นการหารือกลุ่มย่อย และการประชุมเต็มคณะในวันที่ 28 และ 29 มีนาคม ที่ประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในภาพรวมทั้งในเรื่องพัฒนาการด้านการเมืองและ เศรษฐกิจในภูมิภาคทั้งสองและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในรายละเอียดเรื่องความร่วมมือด้านต่างๆ ความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป - ทั้งสองฝ่ายได้พิจารณาความคืบหน้าของโครงการต่างๆ ในประเทศไทยที่ประชาคมยุโรป ให้การสนับสนุน และหน่วยงานของไทย อาทิ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กระทรวงคมนาคม ทบวงมหาวิทยาลัย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามยาเสพติด เป็นต้น ได้รายงานความคืบหน้าของโครงการต่างๆ ซึ่งในภาพรวมนับได้ว่าประสบความสำเร็จและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาในประเทศไทย ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นควรที่จะจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลประสานงานการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือในภาพรวม รวมทั้งกำหนกจะจัดการประชุมคณะทำงานครั้งแรกภายในปีนี้เพื่อกำหนดสาขาความร่วมมือที่จะให้ความสำคัญในอนาคตก่อนที่จะเสนอโครงการความร่วมมือใหม่ - ฝ่ายประชาคมยุโรปรับทราบข้อเรียกร้องของไทยที่ขอให้คงความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาแก่ไทยต่อไปในบางสาขาที่มีความจำเป็น โดยเฉพาะในช่วงที่ไทยอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ เช่น ด้านการแก้ปัญหาความยากจน ปัญหาสังคม การพัฒนาด้านการเกษตร และการพัฒนาชนบท การสาธารณสุข และการปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยรับที่จะพิจารณาประกอบการกำหนด แผนงานความร่วมมือในอนาคต - ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสาขาความร่วมมือที่มีลำดับความสำคัญในระยะ 3 ปีข้างหน้า ซึ่งฝ่ายไทยได้เสนอสาขาต่างๆ 6 สาขา อันได้แก่
(1) การเกษตรและพัฒนาชนบท
(2) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งสังคม เศรษฐกิจ ความรู้ และสิ่งแวดล้อม
(3) การศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
(4) สาธารณสุข
(5) การลงทุน อุตสาหกรรม SMEs และภาคธุรกิจ เอกชน
(6) ความร่วมมือด้านสังคมและความร่วมมือระหว่างประชาชนต่อประชาชน - ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะมีความร่วมมือด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยฝ่ายสหภาพยุโรปจะจัด Workshop เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ รวมทั้งจะมีการประชุมระหว่าง Think tanks ของไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปด้วย - นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังตกลงที่จะมีการประชุมหารือกันที่กรุงเทพฯ ในเดือนพฤษภาคม ปีนี้ เพื่อพิจารณาแนวทางความร่วมมือเกี่ยวกับสังคมเศรษฐกิจความรู้ (Knowledge-based economy) ด้านการลงทุน - ฝ่ายไทยได้สรุปให้ฝ่ายสหภาพยุโรปทราบเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนในไทย กฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านการค้า อาทิ Foreign Business Act และการปฏิรูปแผนงานการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ทั้งสองฝ่ายยังได้หารืออย่างกว้างขวางเกี่ยวกับภาพลักษณ์การลงทุนในไทยและกฎระเบียบการลงทุนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้ฝ่ายสหภาพยุโรปเข้าใจนโยบายเศรษฐกิจและการลงทุนของไทยดีขึ้น - ทั้งสองฝ่ายจะพิจารณาลู่ทางในการจัดตั้ง Thai —EU CEO Forum หรือเวทีการหารือระหว่าง CEO ของไทยกับสหภาพยุโรป เพื่อจะเป็นเวทีสำหรับนักธุรกิจระดับสูงจากยุโรปและไทย มาพบปะและหารือการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน - ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะจัดให้มีการเชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและการลงทุนของไทยมีการประชุมหารือกับคณะผู้แทนและบริษัทกับคณะผู้แทนเอกชนยุโรปที่ประกอบธุรกิจในเมืองไทยเพื่อบรรยายสรุปข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจและบรรยากาศการลงทุนในไทย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-