กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2544 เวลา 16.00 น. ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ทางไกลจากด่านตรวจคนเข้าเมือง พรมแดนไทยลาวเกี่ยวกับผลการเยือนลาว
ดร.สุรเกียรติ์ฯ กล่าวว่าฝ่ายลาวรู้สึกพอใจและกล่าวย้ำในหลายโอกาสแสดงความ ยินดีที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยรัฐมนตรีต่างประเทศได้เน้นย้ำกับฝ่ายลาวว่า ไทยพร้อมให้ความร่วมมือในทุกๆ ด้านอย่างเต็มที่ โดยจะจับมือกันเพื่อก้าวไปข้างหน้าและ ช่วยเหลือกันและกันในทุกๆ ด้าน
ประเด็นสำคัญที่ ดร. สุรเกียรติ์ฯ ได้หารือกับฝ่ายลาวคือ
1. การร่วมวางแผนประโยชน์ที่จะได้รับจากการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง แห่งที่สองเชื่อมระหว่างจังหวัดมุกดาหารและสะหวันนะเขต ทั้งสองฝ่ายมีนโยบายขยายเศรษฐกิจการค้าระหว่างกันโดยความร่วมมือจากภาคเอกชน ฝ่ายลาวได้เสนอให้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจเสรีสะหวันเขตเพื่อขยายสินค้าและบริการระหว่างกัน ฝ่ายไทยได้เสนอให้มีการพบปะระหว่างผู้นำเวียดนาม ลาวและไทย เพื่อเจรจานโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยอาจมีการหารือในความเป็นไปได้ที่จะมีเส้นทางเชื่อมผ่านไทย ลาว เพื่อส่งสินค้าไปยังเมืองท่าดานังในเวียดนามซึ่งเป็นทางออกไปสู่ทะเลจีนใต้
2. การเสริมสร้างรายได้ กลุ่มนักธุรกิจไทย เช่น บริษัทเจริญโภคภัณฑ์แสดงความสนใจจะร่วมลงทุนกับ รัฐบาลลาวเพื่อส่งออกสินค้าไปยังประเทศที่สาม โดยอาจมีการร่วมลงทุนในด้านต่างๆ เช่น การขุดบ่อเลี้ยงปลาปลอดสารพิษ ปลูกข้าวโพดฝักอ่อน ปลูกถั่วเหลือง ฯลฯ ซึ่งนายสมสะหวาด เล่งสะหวัด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศลาวได้ให้ความเห็นชอบในเรื่องนี้ เนื่องจากลาวยังมีพื้นที่สำหรับการลงทุนอีกมาก และหากรัฐบาลลาวมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการลงทุนก็จะสามารถสั่งซื้อสินค้าและบริการจากไทยได้มากขึ้น
3. นโยบายอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) มีการเสนอให้ขยายฐานการผลิตจากไทยไปลาว เนื่องจากต้นทุนด้านแรงงานที่ไม่สูงเท่าของไทย จึงน่าจะมีการเชื่อมโยงนโยบายอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมอันจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย
4. ความร่วมมือในกรอบพหุภาคี ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันที่จะมีเวทีหารือเพื่อเชื่อมโยงประเทศในเอเชียให้มีความเป็นปึกแผ่นในภูมิภาค
5. การแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาล นายบุนยัง วอละจิด นายกรัฐมนตรีลาวได้เชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเยือนลาวอย่างเป็นทางการ โดยจะประสานช่วงเวลาที่สองฝ่ายสะดวกต่อไป
6. “บ้านพี่เมืองน้อง” ดร.สุรเกียรติ์ ฯ ชี้แจงต่อสื่อมวลชนด้วยว่า ได้รับคำยืนยันจากฝ่ายลาวว่า ไม่เคยรู้สึกไม่พอใจต่อการที่สื่อมวลชนใช้คำว่า “บ้านพี่เมืองน้อง” ในการกล่าวอ้างถึงความสัมพันธ์ไทย-ลาว เนื่องจากในความเป็นจริง สองประเทศใกล้ชิดกัน เป็นเสมือนญาติกันพูดคุยกันได้ ไม่ได้มีการเอาเปรียบกันแต่อย่างใด ในการนี้ จึงขอให้สื่อมวลชนรับทราบประเด็นนี้ด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2544 เวลา 16.00 น. ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ทางไกลจากด่านตรวจคนเข้าเมือง พรมแดนไทยลาวเกี่ยวกับผลการเยือนลาว
ดร.สุรเกียรติ์ฯ กล่าวว่าฝ่ายลาวรู้สึกพอใจและกล่าวย้ำในหลายโอกาสแสดงความ ยินดีที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยรัฐมนตรีต่างประเทศได้เน้นย้ำกับฝ่ายลาวว่า ไทยพร้อมให้ความร่วมมือในทุกๆ ด้านอย่างเต็มที่ โดยจะจับมือกันเพื่อก้าวไปข้างหน้าและ ช่วยเหลือกันและกันในทุกๆ ด้าน
ประเด็นสำคัญที่ ดร. สุรเกียรติ์ฯ ได้หารือกับฝ่ายลาวคือ
1. การร่วมวางแผนประโยชน์ที่จะได้รับจากการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง แห่งที่สองเชื่อมระหว่างจังหวัดมุกดาหารและสะหวันนะเขต ทั้งสองฝ่ายมีนโยบายขยายเศรษฐกิจการค้าระหว่างกันโดยความร่วมมือจากภาคเอกชน ฝ่ายลาวได้เสนอให้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจเสรีสะหวันเขตเพื่อขยายสินค้าและบริการระหว่างกัน ฝ่ายไทยได้เสนอให้มีการพบปะระหว่างผู้นำเวียดนาม ลาวและไทย เพื่อเจรจานโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยอาจมีการหารือในความเป็นไปได้ที่จะมีเส้นทางเชื่อมผ่านไทย ลาว เพื่อส่งสินค้าไปยังเมืองท่าดานังในเวียดนามซึ่งเป็นทางออกไปสู่ทะเลจีนใต้
2. การเสริมสร้างรายได้ กลุ่มนักธุรกิจไทย เช่น บริษัทเจริญโภคภัณฑ์แสดงความสนใจจะร่วมลงทุนกับ รัฐบาลลาวเพื่อส่งออกสินค้าไปยังประเทศที่สาม โดยอาจมีการร่วมลงทุนในด้านต่างๆ เช่น การขุดบ่อเลี้ยงปลาปลอดสารพิษ ปลูกข้าวโพดฝักอ่อน ปลูกถั่วเหลือง ฯลฯ ซึ่งนายสมสะหวาด เล่งสะหวัด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศลาวได้ให้ความเห็นชอบในเรื่องนี้ เนื่องจากลาวยังมีพื้นที่สำหรับการลงทุนอีกมาก และหากรัฐบาลลาวมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการลงทุนก็จะสามารถสั่งซื้อสินค้าและบริการจากไทยได้มากขึ้น
3. นโยบายอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) มีการเสนอให้ขยายฐานการผลิตจากไทยไปลาว เนื่องจากต้นทุนด้านแรงงานที่ไม่สูงเท่าของไทย จึงน่าจะมีการเชื่อมโยงนโยบายอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมอันจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย
4. ความร่วมมือในกรอบพหุภาคี ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันที่จะมีเวทีหารือเพื่อเชื่อมโยงประเทศในเอเชียให้มีความเป็นปึกแผ่นในภูมิภาค
5. การแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาล นายบุนยัง วอละจิด นายกรัฐมนตรีลาวได้เชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเยือนลาวอย่างเป็นทางการ โดยจะประสานช่วงเวลาที่สองฝ่ายสะดวกต่อไป
6. “บ้านพี่เมืองน้อง” ดร.สุรเกียรติ์ ฯ ชี้แจงต่อสื่อมวลชนด้วยว่า ได้รับคำยืนยันจากฝ่ายลาวว่า ไม่เคยรู้สึกไม่พอใจต่อการที่สื่อมวลชนใช้คำว่า “บ้านพี่เมืองน้อง” ในการกล่าวอ้างถึงความสัมพันธ์ไทย-ลาว เนื่องจากในความเป็นจริง สองประเทศใกล้ชิดกัน เป็นเสมือนญาติกันพูดคุยกันได้ ไม่ได้มีการเอาเปรียบกันแต่อย่างใด ในการนี้ จึงขอให้สื่อมวลชนรับทราบประเด็นนี้ด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-