แท็ก
ธปท.
ข่าวในประเทศ
1. ผลการดำเนินงานของ ธปท.ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 43 นางธัญญา ศิริเวทิน รองผู้ว่าการ ธปท.เปิดเผยผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 43 ว่า ธปท.มีรายได้ 38,120.3 ล.บาท รายจ่าย 13,955.6 ล.บาท ส่งผลให้มีกำไรเบื้องต้นทั้งสิ้น 24,164.7 ล.บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 23.60 โดยแบ่งเป็นผลกำไรของกิจการธนาคาร 2,306.8 ล.บาท และจากฝ่ายออกบัตรธนาคาร 21,857.9 ล.บาท ทั้งนี้ รายได้หลักของฝ่ายกิจการธนาคารมาจากสินทรัพย์และเงินลงทุนในประเทศ 10,146.9 ล.บาท ขณะที่รายได้ของฝ่ายออกบัตรเป็นรายได้ที่มาจากการลงทุนในต่างประเทศ 22,741.8 ล.บาท สำหรับรายจ่ายที่สำคัญของ ธปท.ร้อยละ 80 เป็นค่าดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากต่างประเทศตามโครงการกู้ยืมจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ 5.5 ส่วนผลการดำเนินงานตลอดปี 43 นั้น คาดว่าจะมีกำไรเบื้องต้นจำนวน 42,676.4 ล.บาท แบ่งเป็นกำไรจากฝ่ายกิจการธนาคาร 175.1 ล.บาท จากฝ่ายออกบัตรธนาคาร 42,501.3 ล.บาท โดยฝ่ายออกบัตรจะมีกำไร เพราะมีแต่สินทรัพย์ไม่มีหนี้สิน ส่วนฝ่ายกิจการธนาคารที่มีกำไรนั้น ยังไม่ได้หักผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน คาดว่าตลอดปี 43 ธปท.จะมีกำไรสุทธิ 19,964.1 ล.บาท (กรุงเทพธุรกิจ 5)
2. ยอดการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.3 ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 43 รมช.พาณิชย์เปิดเผยตัวเลขการส่งออกในช่วง ม.ค.-ก.ค.43 ว่า มีมูลค่าทั้งสิ้น 39,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 42 ร้อยละ 21.3 และคิดเป็นร้อยละ 62.9 ของเป้าหมายการส่งออก เมื่อเทียบการส่งออกเป็นเงินบาทมีมูลค่า 1,483,120.5 ล.บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 42 ร้อยละ 25.1 ทั้งนี้ สินค้าส่งออกที่สำคัญได้แก่ หมวดสินค้าอุตสาหกรรม มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 27,717 ล.ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 42 ร้อยละ 24.1 ซึ่งสินค้าส่งออกที่สำคัญในหมวดนี้ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้า, อิเล็กทรอนิกส์, สิ่งทอ, รถยนต์และส่วนประกอบ, อัญมณีและเครี่องประดับ ส่วนสินค้าภาคเกษตรกรรมมีการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 โดยเป็นการขยายตัวของการส่งออกยางพารา, กุ้งสดแช่แข็ง, ไก่แช่แข็งและแปรรูป, ผลไม้สดแช่เย็น ด้านหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรมีกาส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ตามการขยายตัวของการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง โดยตลาดหลัก คือ ญี่ปุ่น อาเซียน และยุโรปโดยเฉพาะเอเชียใต้และจีนมีอัตราการขยายตัวสูง สำหรับแนวโน้มการส่งออกนั้น คาดว่าจะสามารถส่งออกได้ร้อยละ 12ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ (วัฏจักร 5)
3. ธปท.แถลงยอดหนี้เอ็นพีแอล ณ สิ้นเดือน ก.ค.43 ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการพิเศษและการวิเคราะห์ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท.เปิดเผยว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของระบบสถาบันการเงิน ณ สิ้นเดือน ก.ค.43 มีจำนวน 1.59 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 31.28 ของสินเชื่อ 5.10 ล้านล้านบาท เทียบกับเดือน มิ.ย.43 ที่มียอดคงค้าง 1.61 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 31.98 ของสินเชื่อรวม ทั้งนี้ การที่เอ็นพีแอลลดลงในเดือน ก.ค.ดังกล่าว เกิดจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 4.56 หมื่น ล.บาท และจากเหตุผลอื่นๆ 1.46 หมื่น ล.บาท ขณะที่มีเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 4.17 หมื่น ล.บาท เป็นเอ็นพีแอลรายใหม่ 2.36 หมื่น ล.บาท และรายที่เคยปรับโครงสร้างหนี้แต่กลับมาเป็นเอ็นพีแอลใหม่อีก 1.81 หมื่น ล.บาท .(ไทยโพสต์ 5)
ข่าวต่างประเทศ
1. คาดว่า การใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของบริษัทในญี่ปุ่นจะเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสไตรมาสที่ 2 ปี 43 รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 4 ก.ย.43 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผลการสำรวจการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของบริษัทในไตรมาสที่ 2 ปี 43 นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า การใช้จ่ายเพื่อการลงทุนทางด้านโรงงานและเครื่องมือและอุปกรณ์ จะเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 5.5 - 14 จากไตรมาสเดียวกันของปี 42 และเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ในไตรมาสแรกปี 43 นับเป็นไตรมาสแรกที่การใช้จ่ายฯ เพิ่มขึ้นในช่วง 9 ไตรมาสที่ผ่านมา สำหรับการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายฯ ในไตรมาสที่ 2 ปี 43 นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า จะเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง ซึ่งจะช่วยย้ำให้เห็นว่า การใช้จ่ายฯ เป็นปัจจัยที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน (รอยเตอร์ 4)
2. ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี รายงานจากลอนดอนเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 43 น้ำมันดิบเบรนท์ในตลาดลอนดอน ที่ส่งมอบล่วงหน้าในเดือน ต.ค. 43 มีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 33 โดยซื้อขายที่บาร์เรลละ 32.85 ดอลลาร์ สรอ. และเพิ่มขึ้นบาร์เรลละ 1 ดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ซึ่งสรอ. เห็นว่าราคาน้ำมันที่สูงเกินบาร์เรลละ 30 ดอลลาร์เป็นราคาที่สูงเกินไป และต้องการให้ราคาน้ำมันอยู่ที่ประมาณบาร์เรลละ 25 ดอลลาร์ ทั้งนี้ การที่ราคาน้ำมันสูงขึ้น เนื่องจากความกังวลว่าปริมาณน้ำมันที่ใช้ทำความร้อนของ สรอ. อาจจะขาดแคลนในฤดูหนาวนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงสุดในรอบ 10 ปี ก่อนที่จะมีการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ในสัปดาห์หน้า (รอยเตอร์ 4)
3. ดัชนีการก่อสร้างของอังกฤษลดลงอยู่ที่ระดับ 57.8 ในเดือน ส.ค.43 รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 4 ก.ย.43 Chartered Institute of Purchasing and Supply รายงานว่า เดือน ส.ค.43 ดัชนีการก่อสร้าง ที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาลของอังกฤษ ลดลงอยู่ที่ระดับ 57.8 จากระดับ 58.9 ในเดือน ก.ค.43 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และเป็นการลดลงอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.42 อย่างไรก็ตาม ดัชนีฯ ที่อยู่เหนือระดับ 50 ชี้ว่า การก่อสร้างยังอยู่ในภาวะที่ขยายตัว (รอยเตอร์ 4)
4. การว่างงานของกลุ่มประเทศยูโรคาดว่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 9.1ในเดือน ก.ค. 43 รายงานจากลอนดอนเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 43 จากผลการสำรวจของรอยเตอร์ นักเศรษฐศาสตร์ 16 คน คาดว่า อัตราการว่างงานของ 11 ประเทศในกลุ่มยูโร จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงโดยอยู่ทีอัตราร้อยละ 9.1 ในเดือน ก.ค.43 โดยมีช่วงระหว่างประมาณร้อยละ 9-9.1 แต่คาดว่า จะลดลงในเดือนต่อไป ทั้งนี้ Deutch Bank รายงานว่า การที่อัตราการว่างงานในเยอรมนีกำลังจะลดลงอย่างรวดเร็วนั้น เป็นผลจากการปฎิรูปโครงสร้างภาษี และภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้แนวโน้มการว่างงานของประเทศยุโรปลดลง (รอยเตอร์ 4)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 4 ก.ย. 43 41.079 (40.886)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน)ณสิ้นวันทำการ 4 ก.ย.43
ซื้อ 40.8452 (40.6660) ขาย 41.1420 (40.9644)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,350 (5,300) ขาย 5,450 (5,400)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 31.02 (29.51)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 16.79 (16.79) ดีเซลหมุนเร็ว 13.64 (13.64)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ผลการดำเนินงานของ ธปท.ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 43 นางธัญญา ศิริเวทิน รองผู้ว่าการ ธปท.เปิดเผยผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 43 ว่า ธปท.มีรายได้ 38,120.3 ล.บาท รายจ่าย 13,955.6 ล.บาท ส่งผลให้มีกำไรเบื้องต้นทั้งสิ้น 24,164.7 ล.บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 23.60 โดยแบ่งเป็นผลกำไรของกิจการธนาคาร 2,306.8 ล.บาท และจากฝ่ายออกบัตรธนาคาร 21,857.9 ล.บาท ทั้งนี้ รายได้หลักของฝ่ายกิจการธนาคารมาจากสินทรัพย์และเงินลงทุนในประเทศ 10,146.9 ล.บาท ขณะที่รายได้ของฝ่ายออกบัตรเป็นรายได้ที่มาจากการลงทุนในต่างประเทศ 22,741.8 ล.บาท สำหรับรายจ่ายที่สำคัญของ ธปท.ร้อยละ 80 เป็นค่าดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากต่างประเทศตามโครงการกู้ยืมจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ 5.5 ส่วนผลการดำเนินงานตลอดปี 43 นั้น คาดว่าจะมีกำไรเบื้องต้นจำนวน 42,676.4 ล.บาท แบ่งเป็นกำไรจากฝ่ายกิจการธนาคาร 175.1 ล.บาท จากฝ่ายออกบัตรธนาคาร 42,501.3 ล.บาท โดยฝ่ายออกบัตรจะมีกำไร เพราะมีแต่สินทรัพย์ไม่มีหนี้สิน ส่วนฝ่ายกิจการธนาคารที่มีกำไรนั้น ยังไม่ได้หักผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน คาดว่าตลอดปี 43 ธปท.จะมีกำไรสุทธิ 19,964.1 ล.บาท (กรุงเทพธุรกิจ 5)
2. ยอดการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.3 ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 43 รมช.พาณิชย์เปิดเผยตัวเลขการส่งออกในช่วง ม.ค.-ก.ค.43 ว่า มีมูลค่าทั้งสิ้น 39,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 42 ร้อยละ 21.3 และคิดเป็นร้อยละ 62.9 ของเป้าหมายการส่งออก เมื่อเทียบการส่งออกเป็นเงินบาทมีมูลค่า 1,483,120.5 ล.บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 42 ร้อยละ 25.1 ทั้งนี้ สินค้าส่งออกที่สำคัญได้แก่ หมวดสินค้าอุตสาหกรรม มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 27,717 ล.ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 42 ร้อยละ 24.1 ซึ่งสินค้าส่งออกที่สำคัญในหมวดนี้ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้า, อิเล็กทรอนิกส์, สิ่งทอ, รถยนต์และส่วนประกอบ, อัญมณีและเครี่องประดับ ส่วนสินค้าภาคเกษตรกรรมมีการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 โดยเป็นการขยายตัวของการส่งออกยางพารา, กุ้งสดแช่แข็ง, ไก่แช่แข็งและแปรรูป, ผลไม้สดแช่เย็น ด้านหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรมีกาส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ตามการขยายตัวของการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง โดยตลาดหลัก คือ ญี่ปุ่น อาเซียน และยุโรปโดยเฉพาะเอเชียใต้และจีนมีอัตราการขยายตัวสูง สำหรับแนวโน้มการส่งออกนั้น คาดว่าจะสามารถส่งออกได้ร้อยละ 12ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ (วัฏจักร 5)
3. ธปท.แถลงยอดหนี้เอ็นพีแอล ณ สิ้นเดือน ก.ค.43 ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการพิเศษและการวิเคราะห์ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท.เปิดเผยว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของระบบสถาบันการเงิน ณ สิ้นเดือน ก.ค.43 มีจำนวน 1.59 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 31.28 ของสินเชื่อ 5.10 ล้านล้านบาท เทียบกับเดือน มิ.ย.43 ที่มียอดคงค้าง 1.61 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 31.98 ของสินเชื่อรวม ทั้งนี้ การที่เอ็นพีแอลลดลงในเดือน ก.ค.ดังกล่าว เกิดจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 4.56 หมื่น ล.บาท และจากเหตุผลอื่นๆ 1.46 หมื่น ล.บาท ขณะที่มีเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 4.17 หมื่น ล.บาท เป็นเอ็นพีแอลรายใหม่ 2.36 หมื่น ล.บาท และรายที่เคยปรับโครงสร้างหนี้แต่กลับมาเป็นเอ็นพีแอลใหม่อีก 1.81 หมื่น ล.บาท .(ไทยโพสต์ 5)
ข่าวต่างประเทศ
1. คาดว่า การใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของบริษัทในญี่ปุ่นจะเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสไตรมาสที่ 2 ปี 43 รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 4 ก.ย.43 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผลการสำรวจการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของบริษัทในไตรมาสที่ 2 ปี 43 นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า การใช้จ่ายเพื่อการลงทุนทางด้านโรงงานและเครื่องมือและอุปกรณ์ จะเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 5.5 - 14 จากไตรมาสเดียวกันของปี 42 และเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ในไตรมาสแรกปี 43 นับเป็นไตรมาสแรกที่การใช้จ่ายฯ เพิ่มขึ้นในช่วง 9 ไตรมาสที่ผ่านมา สำหรับการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายฯ ในไตรมาสที่ 2 ปี 43 นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า จะเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง ซึ่งจะช่วยย้ำให้เห็นว่า การใช้จ่ายฯ เป็นปัจจัยที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน (รอยเตอร์ 4)
2. ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี รายงานจากลอนดอนเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 43 น้ำมันดิบเบรนท์ในตลาดลอนดอน ที่ส่งมอบล่วงหน้าในเดือน ต.ค. 43 มีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 33 โดยซื้อขายที่บาร์เรลละ 32.85 ดอลลาร์ สรอ. และเพิ่มขึ้นบาร์เรลละ 1 ดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ซึ่งสรอ. เห็นว่าราคาน้ำมันที่สูงเกินบาร์เรลละ 30 ดอลลาร์เป็นราคาที่สูงเกินไป และต้องการให้ราคาน้ำมันอยู่ที่ประมาณบาร์เรลละ 25 ดอลลาร์ ทั้งนี้ การที่ราคาน้ำมันสูงขึ้น เนื่องจากความกังวลว่าปริมาณน้ำมันที่ใช้ทำความร้อนของ สรอ. อาจจะขาดแคลนในฤดูหนาวนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงสุดในรอบ 10 ปี ก่อนที่จะมีการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ในสัปดาห์หน้า (รอยเตอร์ 4)
3. ดัชนีการก่อสร้างของอังกฤษลดลงอยู่ที่ระดับ 57.8 ในเดือน ส.ค.43 รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 4 ก.ย.43 Chartered Institute of Purchasing and Supply รายงานว่า เดือน ส.ค.43 ดัชนีการก่อสร้าง ที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาลของอังกฤษ ลดลงอยู่ที่ระดับ 57.8 จากระดับ 58.9 ในเดือน ก.ค.43 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และเป็นการลดลงอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.42 อย่างไรก็ตาม ดัชนีฯ ที่อยู่เหนือระดับ 50 ชี้ว่า การก่อสร้างยังอยู่ในภาวะที่ขยายตัว (รอยเตอร์ 4)
4. การว่างงานของกลุ่มประเทศยูโรคาดว่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 9.1ในเดือน ก.ค. 43 รายงานจากลอนดอนเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 43 จากผลการสำรวจของรอยเตอร์ นักเศรษฐศาสตร์ 16 คน คาดว่า อัตราการว่างงานของ 11 ประเทศในกลุ่มยูโร จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงโดยอยู่ทีอัตราร้อยละ 9.1 ในเดือน ก.ค.43 โดยมีช่วงระหว่างประมาณร้อยละ 9-9.1 แต่คาดว่า จะลดลงในเดือนต่อไป ทั้งนี้ Deutch Bank รายงานว่า การที่อัตราการว่างงานในเยอรมนีกำลังจะลดลงอย่างรวดเร็วนั้น เป็นผลจากการปฎิรูปโครงสร้างภาษี และภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้แนวโน้มการว่างงานของประเทศยุโรปลดลง (รอยเตอร์ 4)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 4 ก.ย. 43 41.079 (40.886)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน)ณสิ้นวันทำการ 4 ก.ย.43
ซื้อ 40.8452 (40.6660) ขาย 41.1420 (40.9644)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,350 (5,300) ขาย 5,450 (5,400)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 31.02 (29.51)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 16.79 (16.79) ดีเซลหมุนเร็ว 13.64 (13.64)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-