นายพิษณุ เหรียญมหาสาร รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีข่าวที่ว่า มีการนำไก่จีนมาส่งเข้า EU แทนไก่ไทยว่าหากเป็นเรื่องจริงแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรีบดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยด่วนเพราะนอกจากจะเป็นเรื่องการฉ้อฉลทางการค้าแล้ว ยังอาจทำให้ไก่ไทยเจออุปสรรคในการส่งเข้าอียูได้ เนื่องจากอียูยังคงห้ามนำเข้าไก่จีนตั้งแต่ตุลาคม 2540 จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่อนุญาตให้ไก่จีนนำเข้าอียู เพราะอียูยังไม่ยอมรับไก่จีนที่เจ้าหน้าที่อียูตรวจพบมีสารตกค้างและการผลิตในโรงงานไม่ถูกสุขอนามัยที่อียูกำหนดไว้
นายพิษณุ กล่าวว่า ขณะนี้ไก่ไทยมีข้อได้เปรียบการแข่งขันในตลาดอียูมาก เพราะอียูรับรองไก่ไทยถูกสุขอนามัยตามกฎระเบียบของอียู โดยไก่ไทยซึ่งรวมถึงไก่แช่แข็งและผลิตภัณฑ์ ไก่ไทยได้รับการรับรองให้ ส่งเข้าอียูได้ตั้งแต่ปี 2539แล้ว ดังนั้นภาครัฐและเอกชนไทยจะต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการรักษาคุณภาพและมาตรฐานไก่ไทยให้เป็นที่ยอมรับและสามารถส่งเข้าอียูได้อย่างยั่งยืนต่อไป
นายพิษณุ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ตลาดไก่ในอียูมีลู่ทางแจ่มใสมากเนื่องจากปัญหาการระบาดของโรควัวบ้ากระจายในกลุ่มประเทศอียูตั้งแต่สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี และสเปน ได้ส่งผลให้ผู้บริโภคอียู ตื่นตระหนกและหมดความเชื่อถือเนื้อวัวอย่างรุนแรง การบริโภคเนื้อวัวได้ลดลงมากกว่าร้อยละ 30 และต่างหันมาบริโภคเนื้อขาวกันมากขึ้น ได้แก่ เนื้อไก่ กุ้ง และปลาเป็นสำคัญ ดังนั้นปริมาณความต้องการบริโภคเนื้อไก่และอาหารทะเลในอียูจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกมากอย่างแน่นอน
นายพิษณุ กล่าวในที่สุดว่า จากสถานการณ์วัวบ้าในอียูนี้ย่อมส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการส่งออกไก่ไทยเข้าอียูที่แจ่มใสอย่างแน่นอน ในปี 2544 คาดว่าการส่งออกไก่แช่แข็งและผลิตภัณฑ์ไก่ไทยเข้าอียูจะเพิ่มจาก ปี 2543 มากกว่าร้อยละ 20 โดยในปี 2543 ไทยส่งสินค้าไก่เข้าอียูได้ปริมาณ 105,044 ตัน สำหรับราคาในปี 2544 ส่งเข้าอียูเพิ่มขึ้นจากปี 2543 อย่างมาก กล่าวคือราคา C&F จากประมาณตันละ 2,000 เหรียญสหรัฐฯ เป็นประมาณตันละ 3,000 เหรียญสหรัฐฯ ในขณะนี้
หากการขยายตัวของการส่งไก่ไทยเข้าอียูยังมีอัตราเพิ่มที่สูงอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วเช่นนี้ ทำให้ คาดว่าจะสามารถขยายการส่งออกได้จนแซงตลาดญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของไทยได้ภายใน 5 ปี ข้างหน้านี้ แน่นอน ในขณะที่ ปี 2543 ไทยส่งไก่เข้าญี่ปุ่นได้ประมาณ 178,750 ตัน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในการขยายตัวเพราะต้องแข่งขันอย่างรุนแรงจากไก่ของจีนที่สามารถส่งเข้าญี่ปุ่นได้สูง
--กรมการค้าต่างประเทศ มีนาคม 2544--
-อน-
นายพิษณุ กล่าวว่า ขณะนี้ไก่ไทยมีข้อได้เปรียบการแข่งขันในตลาดอียูมาก เพราะอียูรับรองไก่ไทยถูกสุขอนามัยตามกฎระเบียบของอียู โดยไก่ไทยซึ่งรวมถึงไก่แช่แข็งและผลิตภัณฑ์ ไก่ไทยได้รับการรับรองให้ ส่งเข้าอียูได้ตั้งแต่ปี 2539แล้ว ดังนั้นภาครัฐและเอกชนไทยจะต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการรักษาคุณภาพและมาตรฐานไก่ไทยให้เป็นที่ยอมรับและสามารถส่งเข้าอียูได้อย่างยั่งยืนต่อไป
นายพิษณุ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ตลาดไก่ในอียูมีลู่ทางแจ่มใสมากเนื่องจากปัญหาการระบาดของโรควัวบ้ากระจายในกลุ่มประเทศอียูตั้งแต่สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี และสเปน ได้ส่งผลให้ผู้บริโภคอียู ตื่นตระหนกและหมดความเชื่อถือเนื้อวัวอย่างรุนแรง การบริโภคเนื้อวัวได้ลดลงมากกว่าร้อยละ 30 และต่างหันมาบริโภคเนื้อขาวกันมากขึ้น ได้แก่ เนื้อไก่ กุ้ง และปลาเป็นสำคัญ ดังนั้นปริมาณความต้องการบริโภคเนื้อไก่และอาหารทะเลในอียูจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกมากอย่างแน่นอน
นายพิษณุ กล่าวในที่สุดว่า จากสถานการณ์วัวบ้าในอียูนี้ย่อมส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการส่งออกไก่ไทยเข้าอียูที่แจ่มใสอย่างแน่นอน ในปี 2544 คาดว่าการส่งออกไก่แช่แข็งและผลิตภัณฑ์ไก่ไทยเข้าอียูจะเพิ่มจาก ปี 2543 มากกว่าร้อยละ 20 โดยในปี 2543 ไทยส่งสินค้าไก่เข้าอียูได้ปริมาณ 105,044 ตัน สำหรับราคาในปี 2544 ส่งเข้าอียูเพิ่มขึ้นจากปี 2543 อย่างมาก กล่าวคือราคา C&F จากประมาณตันละ 2,000 เหรียญสหรัฐฯ เป็นประมาณตันละ 3,000 เหรียญสหรัฐฯ ในขณะนี้
หากการขยายตัวของการส่งไก่ไทยเข้าอียูยังมีอัตราเพิ่มที่สูงอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วเช่นนี้ ทำให้ คาดว่าจะสามารถขยายการส่งออกได้จนแซงตลาดญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของไทยได้ภายใน 5 ปี ข้างหน้านี้ แน่นอน ในขณะที่ ปี 2543 ไทยส่งไก่เข้าญี่ปุ่นได้ประมาณ 178,750 ตัน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในการขยายตัวเพราะต้องแข่งขันอย่างรุนแรงจากไก่ของจีนที่สามารถส่งเข้าญี่ปุ่นได้สูง
--กรมการค้าต่างประเทศ มีนาคม 2544--
-อน-