กรุงเทพฯ--30 พ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (29 พฤษภาคม 2543) นายดอน ปรมัตถ์วินัย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงต่อสื่อมวลชนเรื่องผลการเยือนลาวของนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 26-28 พฤษภาคม 2543 โดยได้มีการหารือข้อราชการกับฝ่ายลาว ซึ่งนำโดย ฯพณฯ สีสะหวาด แก้วบุนพัน นายก รัฐมนตรีลาว สรุปผลการหารือได้ดังนี้ :
1. การพัฒนาความสัมพันธ์ขั้นพื้นฐานระหว่างสองประเทศ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ขยายความร่วมมือด้านการศึกษา และวัฒนธรรมกันให้มากขึ้น เพื่อหาทางขจัดความขัดแย้งและปัญหาที่เคยมีมาในอดีต
2. การปักปันเขตแดน ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายได้ปักปันเขตแดนไปแล้วเป็นระยะทาง 450 กิโลเมตร จำนวน 104 หลัก คิดเป็นร้อยละ 64 สำหรับเขตแดนทางบกได้ตกลงที่จะดำเนินการปักปันให้แล้วเสร็จในปี 2543 และการปักปันทางน้ำจะให้แล้วเสร็จในปี 2546 ซึ่งหลังจากปักปันเขตแดนเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็จะร่วมมือกันทำให้บริเวณดังกล่าวเป็นเขตแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือและความ มั่นคงต่อไป
3. โครงการผลิตไฟฟ้า ฝ่ายไทยแสดงความยินดีที่ไทยและลาวจะมีการลงนามความ ตกลงในโครงการน้ำเทิน 2 ซึ่งเป็นโครงการไฟฟ้าพลังน้ำที่ไทยจะซื้อกระแสไฟฟ้าจากลาว ซึ่งแม้ว่าจำนวนกระแสไฟฟ้าที่ไทยซื้ออาจไม่มากเท่ากับที่ได้เคยเจรจากับฝ่ายลาวไว้ แต่ก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้นในอนาคต เนื่องจากระดับความต้องการใช้ไฟฟ้าในไทยเริ่มเพิ่มขึ้นหลังจากช่วงวิกฤติเศรษฐกิจผ่านไป
4. การค้าและการค้าชายแดน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะมีการแลกเปลี่ยนกันมากขึ้น โดยไทยได้เสนอที่จะลดภาษีสินค้าให้แก่ลาว 23 รายการ เท่ากับสมาชิกองค์การการค้าโลก
5. การท่องเที่ยว ฝ่ายลาวให้ความสนใจเรื่องนี้ เนื่องจากการท่องเที่ยวลาวเป็นอนาคตของลาวและประสงค์จะเห็นความร่วมมือในการพัฒนาการท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง รวมทั้งในโครงการมหัศจรรย์สุวรรณภูมิ
6. ยาเสพติด ฝ่ายไทยได้แจ้งถึงความห่วงกังวลของประชาคมโลกเกี่ยวกับปัญหายา เสพติด ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องมีการหารือกันในระดับเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งรัดการลดความรุนแรงของปัญหานี้
7. การหารือในกรอบการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องการพัฒนาเส้นทาง East-West Corridor และการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง แห่งที่ 2 ระหว่างมุกดาหาร — สะหวันนะเขต ซึ่งขณะนี้ ทำการออกแบบก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยความช่วยเหลือของ JICA
8. ความร่วมมือในกรอบพหุภาคี เนื่องจากลาวจะต้องรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่าง ASEAN-EU สืบต่อจากไทย ฝ่ายไทยยินดีจะช่วยเหลือฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของลาวตามคำขอ
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำถึงความสำคัญของการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับ โดยในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ศกนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภา และหม่อมเจ้าหญิงสิริวัณวรี มหิดล จะเสด็จฯ เยือนลาวด้วย
ภายหลังการหารือกับนายกรัฐมนตรีลาวและคณะ นายกรัฐมนตรีไทยและคณะได้เข้าเยี่ยมคารวะ ฯพณฯ คำไต สีพันดอน ประธานประเทศลาว โดยฝ่ายลาวได้ขอให้ความร่วมมือสองฝ่ายในศตวรรษใหม่เป็นความร่วมมือที่ดี และจริงใจต่อกัน ฝ่ายไทยได้ย้ำถึงความสำคัญของคณะกรรมการร่วมสองฝ่ายด้านต่างๆ ในการดูแลความมั่นคงตามแนวชายแดน และปัญหายาเสพติด รวมทั้งย้ำถึงนโยบายของไทยที่จะมิให้ผู้ใดใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการโจมตีประเทศอื่น
ในระหว่างการเยือนครั้งนี้ นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีได้พบปะกับนักธุรกิจไทยและได้กล่าวสุนทรพจน์ สรุปผลการหารือข้อราชการกับฝ่ายลาวนายกรัฐมนตรีลาวให้ทราบ รวมทั้งได้กล่าวถึงความช่วยเหลือที่ไทยให้แก่ลาว อาทิ ถนนลาว-ไทย ซึ่งได้ทำพิธีมอบในวันที่ 27 พฤษภาคม 2543 และการบริจาคหอนอนให้แก่โรงเรียนชนเผ่าในไชยะบุรี สำหรับกรณีนิโคลนั้น ฝ่ายไทยได้ทำการตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีการกล่าวตามที่ปรากฏเป็นข่าว จึงขอให้ช่วยกันพยายามสร้างความเข้าใจแก่ฝ่ายลาวต่อไปด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
วันนี้ (29 พฤษภาคม 2543) นายดอน ปรมัตถ์วินัย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงต่อสื่อมวลชนเรื่องผลการเยือนลาวของนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 26-28 พฤษภาคม 2543 โดยได้มีการหารือข้อราชการกับฝ่ายลาว ซึ่งนำโดย ฯพณฯ สีสะหวาด แก้วบุนพัน นายก รัฐมนตรีลาว สรุปผลการหารือได้ดังนี้ :
1. การพัฒนาความสัมพันธ์ขั้นพื้นฐานระหว่างสองประเทศ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ขยายความร่วมมือด้านการศึกษา และวัฒนธรรมกันให้มากขึ้น เพื่อหาทางขจัดความขัดแย้งและปัญหาที่เคยมีมาในอดีต
2. การปักปันเขตแดน ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายได้ปักปันเขตแดนไปแล้วเป็นระยะทาง 450 กิโลเมตร จำนวน 104 หลัก คิดเป็นร้อยละ 64 สำหรับเขตแดนทางบกได้ตกลงที่จะดำเนินการปักปันให้แล้วเสร็จในปี 2543 และการปักปันทางน้ำจะให้แล้วเสร็จในปี 2546 ซึ่งหลังจากปักปันเขตแดนเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็จะร่วมมือกันทำให้บริเวณดังกล่าวเป็นเขตแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือและความ มั่นคงต่อไป
3. โครงการผลิตไฟฟ้า ฝ่ายไทยแสดงความยินดีที่ไทยและลาวจะมีการลงนามความ ตกลงในโครงการน้ำเทิน 2 ซึ่งเป็นโครงการไฟฟ้าพลังน้ำที่ไทยจะซื้อกระแสไฟฟ้าจากลาว ซึ่งแม้ว่าจำนวนกระแสไฟฟ้าที่ไทยซื้ออาจไม่มากเท่ากับที่ได้เคยเจรจากับฝ่ายลาวไว้ แต่ก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้นในอนาคต เนื่องจากระดับความต้องการใช้ไฟฟ้าในไทยเริ่มเพิ่มขึ้นหลังจากช่วงวิกฤติเศรษฐกิจผ่านไป
4. การค้าและการค้าชายแดน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะมีการแลกเปลี่ยนกันมากขึ้น โดยไทยได้เสนอที่จะลดภาษีสินค้าให้แก่ลาว 23 รายการ เท่ากับสมาชิกองค์การการค้าโลก
5. การท่องเที่ยว ฝ่ายลาวให้ความสนใจเรื่องนี้ เนื่องจากการท่องเที่ยวลาวเป็นอนาคตของลาวและประสงค์จะเห็นความร่วมมือในการพัฒนาการท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง รวมทั้งในโครงการมหัศจรรย์สุวรรณภูมิ
6. ยาเสพติด ฝ่ายไทยได้แจ้งถึงความห่วงกังวลของประชาคมโลกเกี่ยวกับปัญหายา เสพติด ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องมีการหารือกันในระดับเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งรัดการลดความรุนแรงของปัญหานี้
7. การหารือในกรอบการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องการพัฒนาเส้นทาง East-West Corridor และการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง แห่งที่ 2 ระหว่างมุกดาหาร — สะหวันนะเขต ซึ่งขณะนี้ ทำการออกแบบก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยความช่วยเหลือของ JICA
8. ความร่วมมือในกรอบพหุภาคี เนื่องจากลาวจะต้องรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่าง ASEAN-EU สืบต่อจากไทย ฝ่ายไทยยินดีจะช่วยเหลือฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของลาวตามคำขอ
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำถึงความสำคัญของการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับ โดยในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ศกนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภา และหม่อมเจ้าหญิงสิริวัณวรี มหิดล จะเสด็จฯ เยือนลาวด้วย
ภายหลังการหารือกับนายกรัฐมนตรีลาวและคณะ นายกรัฐมนตรีไทยและคณะได้เข้าเยี่ยมคารวะ ฯพณฯ คำไต สีพันดอน ประธานประเทศลาว โดยฝ่ายลาวได้ขอให้ความร่วมมือสองฝ่ายในศตวรรษใหม่เป็นความร่วมมือที่ดี และจริงใจต่อกัน ฝ่ายไทยได้ย้ำถึงความสำคัญของคณะกรรมการร่วมสองฝ่ายด้านต่างๆ ในการดูแลความมั่นคงตามแนวชายแดน และปัญหายาเสพติด รวมทั้งย้ำถึงนโยบายของไทยที่จะมิให้ผู้ใดใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการโจมตีประเทศอื่น
ในระหว่างการเยือนครั้งนี้ นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีได้พบปะกับนักธุรกิจไทยและได้กล่าวสุนทรพจน์ สรุปผลการหารือข้อราชการกับฝ่ายลาวนายกรัฐมนตรีลาวให้ทราบ รวมทั้งได้กล่าวถึงความช่วยเหลือที่ไทยให้แก่ลาว อาทิ ถนนลาว-ไทย ซึ่งได้ทำพิธีมอบในวันที่ 27 พฤษภาคม 2543 และการบริจาคหอนอนให้แก่โรงเรียนชนเผ่าในไชยะบุรี สำหรับกรณีนิโคลนั้น ฝ่ายไทยได้ทำการตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีการกล่าวตามที่ปรากฏเป็นข่าว จึงขอให้ช่วยกันพยายามสร้างความเข้าใจแก่ฝ่ายลาวต่อไปด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-