ข่าวการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕
ครั้งที่ ๗
วันจันทร์ที่ ๑๖ เดือนกรกฎาคม ๒๕๔๔
ณ ห้องประชุมงบประมาณ ชั้น ๓ อาคารรัฐสภา ๓
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
---------------------------------
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๕ โดยมีการพิจารณากระทรวงศึกษาธิการ ในส่วนของกรมการศาสนา กรมการศึกษานอกโรงเรียน
กรมพลศึกษา และกรมวิชาการ ซึ่งสรุปสาระสำคัญ ได้ดังนี้
กรมการศาสนา
งบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้ ๒,๒๔๒,๑๗๙,๒๐๐ บาท
ไม่มีรายการปรับลด
งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๔๕ เพิ่มขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๔๔
เป็นเงิน ๑๒๖,๙๔๕,๘๐๐ บาท
คณะกรรมาธิการได้พิจารณาและตั้งข้อสังเกตในประเด็นต่อไปนี้
คณะกรรมาธิการได้มีข้อซักถามเกี่ยวกับงานดูแลรักษาและปรับปรุงการจัดประโยชน์
ศาสนสมบัติ ในกรณีของสนามกอล์ฟ อัลไพน์ ซึ่งที่ดินส่วนนี้ นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ได้โอนให้
เป็นกรรมสิทธิ์แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงถือว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินธรณีสงฆ์
แต่มู๑นิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย ในฐานะผู้จัดการมรดกได้กระทำที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของเจ้าของมรดก
ซึ่งได้รับการชี้แจงว่า ขณะนี้การดำเนินงานอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยโดยมอบหมาย
ให้กรมที่ดินเป็นผู้ดำเนินการให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการกฤษฎีกา
นายสุวโรช พะลัง และนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ กรรมาธิการ ได้สงวนตัด ๑๐ % ในส่วนนี้
เนื่องจากไม่มีผลความคืบหน้าในการดำเนินคดี
นายโสภณ เพชรสว่าง กรรมาธิการ สงวนตัด ๕ % ของกรมการศาสนาทั้งหมด
กรมการศึกษานอกโรงเรียน
งบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้ ๓,๕๗๐,๘๐๗,๖๐๐ บาท
ไม่มีรายการปรับลด
งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๔๕ เพิ่มขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๔๔
เป็นเงิน ๑๐๑,๙๖๗,๖๐๐ บาท
คณะกรรมาธิการให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนให้มี
คุณภาพมากขึ้น และมุ่งเน้นด้านสายอาชีพให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน พร้อมทั้ง
ส่งเสริมการพัฒนาประชาธิปไตย
กรมพลศึกษา
งบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้ ๒,๐๗๑,๒๔๒,๒๐๐ บาท
มีรายการปรับลด ๑๕๒,๔๓๗,๙๐๐ บาท
ก. แผนงานบริหารการอาชีวศึกษาและวิชาชีพพิเศษ ๔๑,๕๑๖,๓๐๐ บาท
ข. แผนงานจัดการอาชีวศึกษาและวิชาชีพพิเศษ ๔๒๕,๑๙๐,๙๐๐ บาท
ค. แผนงานจัดการศึกษาพิเศษและการศึกษาสงเคราะห์ ๒๘๖,๒๐๕,๕๐๐ บาท
ง. แผนงานส่งเสริมและพัฒนาพลานามัย ๕๘๙,๑๘๐,๐๐๐ บาท
จ. แผนงานส่งเสริมและพัฒนาจริยศึกษา ๒๔๘,๘๓๕,๒๐๐ บาท
ฉ. แผนงานปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการ
อาชีวศึกษาและวิชาชีพพิเศษ ๑๒๐,๔๙๗,๘๐๐ บาท
ช. แผนงานวิจัยการศึกษา ๒๖๐,๑๐๐ บาท
ซ. แผนงานส่งเสริมและพัฒนาการกีฬา ๓๕๙,๕๕๖,๔๐๐ บาท
กรมพลศึกษา มีรายการปรับลดจำนวน ๑๕๒,๔๓๗,๙๐๐ บาท ในแผนงาน
ซ. แผนงานส่งเสริมและพัฒนาการกีฬา
๑. โครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์
หมวดค่าครุภัณฑ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง
คณะกรรมาธิการได้พิจารณาและตั้งข้อสังเกต สรุปได้ดังนี้
๑. คณะกรรมาธิการได้ซักถามถึงโครงการพัฒนางานโรงเรียนกีฬา ที่มีการส่งเสริมอยู่ใน
ขณะนี้ว่า การดำเนินงานมีความคืบหน้าเพียงใด และจากการส่งเสริมให้เกิดโรงเรียนกีฬานั้นส่งผลให้
เยาวชนมีความสามารถพิเศษทางการกีฬา ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกรมพลศึกษาหรือไม่
กรมพลศึกษาได้กล่าวว่าขณะนี้กรมพลศึกษาได้ดำเนินการจัดตั้งโรงเรียนกีฬาทั้งหมดจำนวน ๑๐ แห่ง
โดยที่จัดตั้งให้โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นโรงเรียนต้นแบบ มีการจัดการเรียนการสอนวิชาสามัญ
ภายในโรงเรียนอย่างครบวงจร ในขณะที่โรงเรียนกีฬาอีก ๙ แห่ง ยังคงจัดตั้งในลักษณะโรงเรียนกีฬา
รูปแบบประหยัด กล่าวคือ นักเรียนจะต้องไปเรียนวิชาสามัญที่โรงเรียนอื่น ซึ่งในอนาคตกรมพลศึกษา
จะพยายามส่งเสริมให้โรงเรียนกีฬาทั้งหมด ๑๐ แห่ง มีคุณภาพเช่นเดียวกัน จากการที่ส่งเสริมให้มี
โรงเรียนกีฬานั้นทำให้นักกีฬามีการพัฒนาการทางด้านการกีฬาเพิ่มมากขึ้น
๒. งานพัฒนาลูกเสือนั้น เป็นงานที่มีความจำเป็นในการส่งเสริมจริยธรรมแก่เยาวชนและ
ประชาชน คณะกรรมาธิการได้ตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันงานลูกเสือได้ถูกลดบทบาทความสำคัญลง
อย่างมาก และค่ายลูกเสือบางแห่งก็อยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม ไม่พร้อมที่จะใช้งานได้ ซึ่งคณะกรรมาธิการ
ได้มีความห่วงใยในประเด็นดังกล่าวนี้ จึงอยากให้กรมพลศึกษาได้ทำการปรับปรุงพัฒนาค่ายลูกเสือให้
อยู่ในสภาพดี เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการจัดชุมนุมลูกเสือโลก กรมพลศึกษาได้กล่าวว่าขณะนี้อยู่ใน
ขั้นตอนของการพัฒนาค่ายลูกเสือ และกรมพลศึกษายังมีความประสงค์ที่จะพัฒนาสถานที่ชุมนุมลูกเสือโลก
ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ลูกเสืออีกด้วย หลังจากการชุมนุมลูกเสือโลกได้เสร็จสิ้นแล้ว
กรมวิชาการ
งบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๔๕ ๔๒๖,๓๕๔,๑๐๐ บาท
ไม่มีรายการปรับลด
ก. แผนงานบริหารการศึกษา ๒๙,๐๑๔,๙๐๐ บาท
ข. แผนงานปรับปรุงและพัฒนาคุรภาพการศึกษา ๓๖๗,๗๙๒,๙๐๐ บาท
ค. แผนงานวิจัยการศึกษา ๒๙,๕๔๖,๓๐๐ บาท
คณะกรรมาธิการได้พิจารณาและตั้งข้อสังเกตสรุปได้ดังนี้
๑. กรมวิชาการ ควรมุ่งเน้นพัฒนาระบบการศึกษา โดยเฉพาะส่งเสริมการใช้ภาษาไทย
ให้มีประสิทธิผล พร้อมกับปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนให้มุ่งเน้นทางด้านวิชาการควบคู่ไปกับ
กิจกรรมทางด้านสันทนาการ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิรูปการศึกษาในปัจจุบัน
๒. การผลิตตำราเรียน ควรปรับเปลี่ยนรูปเล่มให้มีขนาดพอเหมาะ สะดวกต่อการพกพา
ตลอดจนมีเนื้อหาที่ถูกต้อง กระชับและทันสมัย
๓. การเรียนการสอนในระดับมัธยม ควรบรรจุหลักสูตรการวิจัยเข้าไว้ด้วย เพื่อเป็นการ
พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนให้มีประสิทธิภาพ
๔. กรณีปัญหาตำราเถื่อน กรมวิชาการควรดูแลและตรวจสอบอย่างเข้มงวด
พร้อมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันและดำเนินการแก้ไขให้ชัดเจน
งบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้ ๑,๐๒๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ปรับลด ๒๘๙,๐๓๘,๗๐๐ บาท
คงเหลือ ๑๐๒,๐๑๐,๙๖๑,๓๐๐ บาท
หมายเหตุ ยอด ณ วันจันทร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๔๔
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕
ครั้งที่ ๗
วันจันทร์ที่ ๑๖ เดือนกรกฎาคม ๒๕๔๔
ณ ห้องประชุมงบประมาณ ชั้น ๓ อาคารรัฐสภา ๓
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
---------------------------------
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๕ โดยมีการพิจารณากระทรวงศึกษาธิการ ในส่วนของกรมการศาสนา กรมการศึกษานอกโรงเรียน
กรมพลศึกษา และกรมวิชาการ ซึ่งสรุปสาระสำคัญ ได้ดังนี้
กรมการศาสนา
งบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้ ๒,๒๔๒,๑๗๙,๒๐๐ บาท
ไม่มีรายการปรับลด
งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๔๕ เพิ่มขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๔๔
เป็นเงิน ๑๒๖,๙๔๕,๘๐๐ บาท
คณะกรรมาธิการได้พิจารณาและตั้งข้อสังเกตในประเด็นต่อไปนี้
คณะกรรมาธิการได้มีข้อซักถามเกี่ยวกับงานดูแลรักษาและปรับปรุงการจัดประโยชน์
ศาสนสมบัติ ในกรณีของสนามกอล์ฟ อัลไพน์ ซึ่งที่ดินส่วนนี้ นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ได้โอนให้
เป็นกรรมสิทธิ์แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงถือว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินธรณีสงฆ์
แต่มู๑นิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย ในฐานะผู้จัดการมรดกได้กระทำที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของเจ้าของมรดก
ซึ่งได้รับการชี้แจงว่า ขณะนี้การดำเนินงานอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยโดยมอบหมาย
ให้กรมที่ดินเป็นผู้ดำเนินการให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการกฤษฎีกา
นายสุวโรช พะลัง และนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ กรรมาธิการ ได้สงวนตัด ๑๐ % ในส่วนนี้
เนื่องจากไม่มีผลความคืบหน้าในการดำเนินคดี
นายโสภณ เพชรสว่าง กรรมาธิการ สงวนตัด ๕ % ของกรมการศาสนาทั้งหมด
กรมการศึกษานอกโรงเรียน
งบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้ ๓,๕๗๐,๘๐๗,๖๐๐ บาท
ไม่มีรายการปรับลด
งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๔๕ เพิ่มขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๔๔
เป็นเงิน ๑๐๑,๙๖๗,๖๐๐ บาท
คณะกรรมาธิการให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนให้มี
คุณภาพมากขึ้น และมุ่งเน้นด้านสายอาชีพให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน พร้อมทั้ง
ส่งเสริมการพัฒนาประชาธิปไตย
กรมพลศึกษา
งบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้ ๒,๐๗๑,๒๔๒,๒๐๐ บาท
มีรายการปรับลด ๑๕๒,๔๓๗,๙๐๐ บาท
ก. แผนงานบริหารการอาชีวศึกษาและวิชาชีพพิเศษ ๔๑,๕๑๖,๓๐๐ บาท
ข. แผนงานจัดการอาชีวศึกษาและวิชาชีพพิเศษ ๔๒๕,๑๙๐,๙๐๐ บาท
ค. แผนงานจัดการศึกษาพิเศษและการศึกษาสงเคราะห์ ๒๘๖,๒๐๕,๕๐๐ บาท
ง. แผนงานส่งเสริมและพัฒนาพลานามัย ๕๘๙,๑๘๐,๐๐๐ บาท
จ. แผนงานส่งเสริมและพัฒนาจริยศึกษา ๒๔๘,๘๓๕,๒๐๐ บาท
ฉ. แผนงานปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการ
อาชีวศึกษาและวิชาชีพพิเศษ ๑๒๐,๔๙๗,๘๐๐ บาท
ช. แผนงานวิจัยการศึกษา ๒๖๐,๑๐๐ บาท
ซ. แผนงานส่งเสริมและพัฒนาการกีฬา ๓๕๙,๕๕๖,๔๐๐ บาท
กรมพลศึกษา มีรายการปรับลดจำนวน ๑๕๒,๔๓๗,๙๐๐ บาท ในแผนงาน
ซ. แผนงานส่งเสริมและพัฒนาการกีฬา
๑. โครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์
หมวดค่าครุภัณฑ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง
คณะกรรมาธิการได้พิจารณาและตั้งข้อสังเกต สรุปได้ดังนี้
๑. คณะกรรมาธิการได้ซักถามถึงโครงการพัฒนางานโรงเรียนกีฬา ที่มีการส่งเสริมอยู่ใน
ขณะนี้ว่า การดำเนินงานมีความคืบหน้าเพียงใด และจากการส่งเสริมให้เกิดโรงเรียนกีฬานั้นส่งผลให้
เยาวชนมีความสามารถพิเศษทางการกีฬา ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกรมพลศึกษาหรือไม่
กรมพลศึกษาได้กล่าวว่าขณะนี้กรมพลศึกษาได้ดำเนินการจัดตั้งโรงเรียนกีฬาทั้งหมดจำนวน ๑๐ แห่ง
โดยที่จัดตั้งให้โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นโรงเรียนต้นแบบ มีการจัดการเรียนการสอนวิชาสามัญ
ภายในโรงเรียนอย่างครบวงจร ในขณะที่โรงเรียนกีฬาอีก ๙ แห่ง ยังคงจัดตั้งในลักษณะโรงเรียนกีฬา
รูปแบบประหยัด กล่าวคือ นักเรียนจะต้องไปเรียนวิชาสามัญที่โรงเรียนอื่น ซึ่งในอนาคตกรมพลศึกษา
จะพยายามส่งเสริมให้โรงเรียนกีฬาทั้งหมด ๑๐ แห่ง มีคุณภาพเช่นเดียวกัน จากการที่ส่งเสริมให้มี
โรงเรียนกีฬานั้นทำให้นักกีฬามีการพัฒนาการทางด้านการกีฬาเพิ่มมากขึ้น
๒. งานพัฒนาลูกเสือนั้น เป็นงานที่มีความจำเป็นในการส่งเสริมจริยธรรมแก่เยาวชนและ
ประชาชน คณะกรรมาธิการได้ตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันงานลูกเสือได้ถูกลดบทบาทความสำคัญลง
อย่างมาก และค่ายลูกเสือบางแห่งก็อยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม ไม่พร้อมที่จะใช้งานได้ ซึ่งคณะกรรมาธิการ
ได้มีความห่วงใยในประเด็นดังกล่าวนี้ จึงอยากให้กรมพลศึกษาได้ทำการปรับปรุงพัฒนาค่ายลูกเสือให้
อยู่ในสภาพดี เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการจัดชุมนุมลูกเสือโลก กรมพลศึกษาได้กล่าวว่าขณะนี้อยู่ใน
ขั้นตอนของการพัฒนาค่ายลูกเสือ และกรมพลศึกษายังมีความประสงค์ที่จะพัฒนาสถานที่ชุมนุมลูกเสือโลก
ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ลูกเสืออีกด้วย หลังจากการชุมนุมลูกเสือโลกได้เสร็จสิ้นแล้ว
กรมวิชาการ
งบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๔๕ ๔๒๖,๓๕๔,๑๐๐ บาท
ไม่มีรายการปรับลด
ก. แผนงานบริหารการศึกษา ๒๙,๐๑๔,๙๐๐ บาท
ข. แผนงานปรับปรุงและพัฒนาคุรภาพการศึกษา ๓๖๗,๗๙๒,๙๐๐ บาท
ค. แผนงานวิจัยการศึกษา ๒๙,๕๔๖,๓๐๐ บาท
คณะกรรมาธิการได้พิจารณาและตั้งข้อสังเกตสรุปได้ดังนี้
๑. กรมวิชาการ ควรมุ่งเน้นพัฒนาระบบการศึกษา โดยเฉพาะส่งเสริมการใช้ภาษาไทย
ให้มีประสิทธิผล พร้อมกับปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนให้มุ่งเน้นทางด้านวิชาการควบคู่ไปกับ
กิจกรรมทางด้านสันทนาการ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิรูปการศึกษาในปัจจุบัน
๒. การผลิตตำราเรียน ควรปรับเปลี่ยนรูปเล่มให้มีขนาดพอเหมาะ สะดวกต่อการพกพา
ตลอดจนมีเนื้อหาที่ถูกต้อง กระชับและทันสมัย
๓. การเรียนการสอนในระดับมัธยม ควรบรรจุหลักสูตรการวิจัยเข้าไว้ด้วย เพื่อเป็นการ
พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนให้มีประสิทธิภาพ
๔. กรณีปัญหาตำราเถื่อน กรมวิชาการควรดูแลและตรวจสอบอย่างเข้มงวด
พร้อมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันและดำเนินการแก้ไขให้ชัดเจน
งบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้ ๑,๐๒๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ปรับลด ๒๘๙,๐๓๘,๗๐๐ บาท
คงเหลือ ๑๐๒,๐๑๐,๙๖๑,๓๐๐ บาท
หมายเหตุ ยอด ณ วันจันทร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๔๔