ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ยืนยันไม่มีความจำเป็นต้องแยกหน่วยงานกำกับออกเป็นองค์กรต่างหาก นางธาริษา วัฒนเกส
รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องการแยกหน่วยงานกำกับสถาบันการ
เงินออกจาก ธปท.ว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับ ก.คลังถึงเรื่องนี้ ซึ่งเห็นว่าในขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะแยก
หน่วยงานกำกับออกเป็นองค์กรต่างหาก เพราะการแยกหน่วยงานกำกับไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ประกอบกับ
ปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับการกำกับตรวจสอบที่มีมาทั้งก่อนและหลังวิกฤตินั้น ธปท.ได้มีการแก้ไขตลอดมา นอกจากนี้
ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นผลจากการกำกับตรวจสอบเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก
วิกฤตการณ์ค่าเงินบาทด้วย (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
2. คาดว่า ก.คลังจะพิจารณาสถาบันการเงินที่ยกระดับขึ้นเป็น ธพ.เสร็จสิ้นภายในเดือน ม.ค.48
นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการจัด
ตั้งธนาคารพาณิชย์ ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน(มาสเตอร์แพลน) ว่า ก.คลังน่าจะพิจารณาเสร็จสิ้นภายใน
สิ้นเดือน ม.ค.48 หรือตามกำหนดภายใน 2 เดือน หลังจากที่ ธปท.ส่งเรื่องให้ตั้งแต่สิ้นเดือน พ.ย.47 สำหรับ
รายชื่อสถาบันการเงินที่มีแนวโน้มว่าจะได้ยกระดับขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ ได้แก่ บง.ทิสโก้, บง.เกียรตินาคิน,
บง.สินเอเซีย ส่วนธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย ได้แก่ บง.เอไอจีไฟแนนซ์, บค.ไทยเคหะ, บง.จีดีมันนี่,
บค.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ส่วนสถาบันการเงินต่างชาติที่ยกระดับขึ้นเป็นสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ ได้แก่ ธ.สากล
พาณิชย์แห่งประเทศจีน และ ธ.โซซิเอเต้ (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
3. บสท.ปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกค้าผู้ประสบภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิ กรรมการผู้จัดการ บรรษัท
บริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยว่า บสท.ได้ลงนามในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ที่มีเงื่อนไขผ่อนปรนให้กับลูกค้า
ที่ประสบภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิในเบื้องต้นประมาณ 15 ราย มูลหนี้รวม 2,300 ล.บาท ซึ่งเป็นไปตามมาตรการช่วย
เหลือ โดยจะไม่คิดดอกเบี้ยจากลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวโดยตรงเป็นเวลา 1 ปี และลด
ดอกเบี้ยให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมเหลือ 1% เป็นเวลา 1 ปี และเปิด Call Center เพื่ออำนวยความ
สะดวกให้ลูกค้าที่เดือดร้อนติดต่อเข้ามา (โลกวันนี้)
4. ครม.เห็นชอบการปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานและผู้บริหาร ธอส. นายวิษณุ เครืองาม รองนรม.
เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบตามที่ ก.คลังเสนอให้มีการปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานและผู้บริหารของ
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยอนุมัติให้ปรับเงินเดือนพนักงานในฝ่ายปฏิบัติขึ้น 22% จากที่เสนอ 24%
และอนุมัติให้ปรับเงินเดือนของผู้บริหารขึ้น 14% จากที่เสนอ 17% โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่เดือน ก.ค.47 เป็นต้น
ไป (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
5.ครม.เห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลเพื่อทดแทนการนำเข้าน้ำมัน
รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเสนอเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาและส่งเสริม
การใช้ไบโอดีเซลจากพืชปาล์มน้ำมัน เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมัน และส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานจาก
การเป็นผู้ผลิตพลังงานใช้ได้เองในประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดรายได้และการจ้างงานในประเทศ โดยเฉพาะ
ในภาคการเกษตร ทั้งนี้ ในปี 2555 กำหนดเป้าหมายผลิตไบโอดีเซลเพื่อผสมในน้ำมันดีเซล 10% ซึ่งคาดว่าในปี
2555 จะใช้ทดแทนน้ำมันดีเซลที่มีความต้องการในประเทศสูงถึง 8.5 ล้านลิตรต่อวัน หรือประมาณ 3,100 ล้าน
ลิตรต่อปี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 54,500 ล.บาท ขณะที่ปัจจุบันปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลอยู่ที่ประมาณวันละ 50 ล้านลิตร (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เศรษฐกิจโลกปี 48 จะชะลอตัวลง ขณะที่เศรษฐกิจ สรอ. จะขยายตัวแข็งแกร่ง รายงาน
จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 18 ม.ค.48 สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนัก
เศรษฐศาสตร์กว่า 150 คน เกี่ยวกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 48 ว่า เศรษฐกิจโลกในปี 47 ได้ฟื้น
ตัวอย่างแข็งแกร่ง และคาดว่าอัตราการเติบโตในปี 48 จะขยายตัวมากเช่นกัน แต่อาจจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมาเล็ก
น้อย โดยคาดว่าเศรษฐกิจของ สรอ. ในปี 48 จะมีอัตราการขยายตัวสูงสุดที่ระดับร้อยละ 3.6 และร้อยละ 3.3
ในปี 49 สูงกว่าประเทศอื่นในกลุ่ม 7 ประเทศอุตสาหกรรม (G7) เนื่องจากได้รับผลดีจากการที่ค่าเงินดอลลาร์
สรอ. อ่อนตัวลง ทำให้การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น ตลอดจนอัตราการว่างงานที่ลดลงช่วยกระตุ้นให้มีการบริโภคเพิ่ม
ขึ้นเช่นกัน ส่วนอัตราการเติบโตของเขตยูโรนั้นนักเศรษฐศาสตร์ได้ปรับลดการคาดการณ์อัตราการเติบโตทาง
เศรษฐกิจลงเหลือร้อยละ 1.8 จากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือน ต.ค.47 ที่ระดับร้อยละ 2.0 แต่คาดว่าการฟื้น
ตัวของเศรษฐกิจในเขตยูโรจะเริ่มปรับตัวเข้าสู่ภาวะที่ดีขึ้นในปี 49 ซึ่งคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะเพิ่ม
ขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.1 โดยฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี จะมีอัตราการเติบโตสูงสุดตามลำดับ(รอยเตอร์)
2. การส่งออกของเยอรมนีในปี 47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ขณะที่ปี 48 อาจจะชะลอตัว รายงานจาก
เบอร์ลิน เมื่อ 18 ม.ค.48 สำนักงานสถิติ เปิดเผยว่า ความต้องการสินค้าจากทั่วโลกที่เฟื่องฟูสนับสนุนให้มูลค่า
การส่งออกสินค้าของเยอรมนีในปี 47 มีมูลค่าสูงถึง 731 พัน ล.ยูโร (955.1 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) หรือเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 10 จากปีก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ตามการแข็งค่าของเงินยูโร และราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงในขณะนี้ดูจะ
ส่งผลต่อภาวะการค้ากับต่างประเทศของเยอรมนีในปีนี้ รวมทั้งการลงทุนและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง
ล้วนส่งผลให้คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 48 จะชะลอลง ทั้งนี้ ในปี 46 เยอรมนีเป็นประเทศส่งออก
สินค้ามากที่สุดในโลก ตามทัน สรอ. ซึ่งในปี 47 มียอดการส่งออกรวมทั้งสิ้นกว่า 800 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ขณะ
เดียวกันสมาคมผู้ส่งออกของเยอรมนี กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาวะการส่งออกซึ่งมีสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจ
เยอรมนีจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ แต่น่าจะสูงกว่าร้อยละ 5.0 เพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ ในปี 47 เยอรมนีเกิน
ดุลการค้าจำนวน 155.6 พัน ล.ยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.2 จากปี 45 อย่างไรก็ตาม การเติบโตทางเศรษฐกิจ
ของเยอรมนีในปี 47 ขยายตัวร้อยละ 1.7 อันเป็นอัตราแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 4 ปี (รอยเตอร์)
3. อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษในเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับปีก่อนสูงสุดในรอบ
6 เดือน รายงานจากลอนดอน เมื่อ 18 ม.ค.48 สนง.สถิติแห่งชาติของอังกฤษรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคใน
เดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับปีก่อนสูงสุดในรอบ 6 เดือน หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ต่อปีใน
เดือน พ.ย.47 สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 ต่อปีและนับเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันนับ
ตั้งแต่เดือน ก.ย.47 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ต่อปี ส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภคในไตรมาสที่ 4 ปี 47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4
ต่อปีสูงกว่าที่ ธ.กลางอังกฤษคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ต่อปี โดยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากราคาเฟอร์นิเจอร์
ของเด็กเล่น เกมคอมพิวเตอร์ ก๊าซและกระแสไฟฟ้าในปีนี้มีราคาสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่นักวิเคราะห์
ให้ความเห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน ม.ค.48 อาจลดลงอันเป็นผลมาจากการลดราคาสินค้าของห้างร้านซึ่ง
มักจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค. ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้นราคาบ้านในอังกฤษกลับมีราคาลดลง โดย
ผลสำรวจของ the Royal Institution of Chartered Surveyors รายงานว่ามีจำนวนสมาชิกที่รายงาน
ราคาบ้านลดลงมากกว่าที่รายงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 ดีกว่าเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 46 โดยเป็นการลดลงของราคา
บ้านเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ตัวเลขดังกล่าวข้างต้นทำให้นักวิเคราะห์คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้
เท่าเดิมจนกว่าจะแน่ใจว่าดัชนีราคาผู้บริโภคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (รอยเตอร์)
4. จำนวนการล้มละลายของสิงคโปร์ในปี 47 สูงสุดในรอบ 19 ปี รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อวันที่
18 ม.ค. 48 ก.ยุติธรรมของสิงคโปร์เปิดเผยว่า ในปี 47 การล้มละลายของทั้งบริษัทและรายบุคคลของสิงคโปร์มี
จำนวนรวมทั้งสิ้น 4,551 ราย หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1.5 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 19 ปีนับตั้งแต่ที่สิงคโปร์เกิดภาวะ
เศรษฐกิจถดถอยเมื่อปี 28 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปัจจุบัน ส่งผลให้จำนวนการล้ม
ละลายมียอดรวมทั้งสิ้นในเดือน ธ.ค.สูงถึง 21,434 รายเพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ย.เกือบร้อยละ 1.0 นักวิเคราะห์
กล่าวว่าการล้มละลายเป็นดัชนีพ้องภาวะเศรษฐกิจและจะลดลงเมื่อตลาดแรงงานและระดับการจ้างงานปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ในปี 47 เศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวร้อยละ 8.1 นับเป็นอัตราการขยายตัวที่เร็วที่สุดในรอบ 4 ปีและขยายตัว
เร็วเป็นอันดับที่ 2 ในเอเซียรองจากจีน อย่างไรก็ตามจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อการส่ง
ออกของสิงคโปร์ที่เศรษฐกิจต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก เนื่องจากอุปสงค์ในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ของโลกลดลง
สำหรับปี 48 รัฐบาลสิงคโปร์ได้คาดการณ์แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้ที่ร้อยละ 3 — 5 ชะลอลงจากปี 47
นอกจากนั้นการว่างงานในสิงคโปร์ ณ สิ้นเดือนก.ย. 47 ลดลงที่ระดับร้อยละ 3.4 จากช่วงเดียวกันปี 46 ต่ำ
สุดในรอบ 3 ปีและลดลงจากที่เคยทำสถิติสูงสุดในรอบ 17 ปีที่ร้อยละ 5.5 คาดว่าตัวเลขการว่างงานณสิ้นเดือน
ธ.ค.จะประมาณร้อยละ 4.0 หรือน้อยกว่านั้น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 19/1/2548 18/1/2548 30/1/2547 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.501 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.3136/38.6242 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 709.55/26.80 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,750/7,850 7,750/7,850 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 39.31 40.01 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.29*/14.59 19.29*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 30 สตางค์ เมื่อ 17 ธ.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ยืนยันไม่มีความจำเป็นต้องแยกหน่วยงานกำกับออกเป็นองค์กรต่างหาก นางธาริษา วัฒนเกส
รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องการแยกหน่วยงานกำกับสถาบันการ
เงินออกจาก ธปท.ว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับ ก.คลังถึงเรื่องนี้ ซึ่งเห็นว่าในขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะแยก
หน่วยงานกำกับออกเป็นองค์กรต่างหาก เพราะการแยกหน่วยงานกำกับไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ประกอบกับ
ปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับการกำกับตรวจสอบที่มีมาทั้งก่อนและหลังวิกฤตินั้น ธปท.ได้มีการแก้ไขตลอดมา นอกจากนี้
ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นผลจากการกำกับตรวจสอบเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก
วิกฤตการณ์ค่าเงินบาทด้วย (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
2. คาดว่า ก.คลังจะพิจารณาสถาบันการเงินที่ยกระดับขึ้นเป็น ธพ.เสร็จสิ้นภายในเดือน ม.ค.48
นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการจัด
ตั้งธนาคารพาณิชย์ ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน(มาสเตอร์แพลน) ว่า ก.คลังน่าจะพิจารณาเสร็จสิ้นภายใน
สิ้นเดือน ม.ค.48 หรือตามกำหนดภายใน 2 เดือน หลังจากที่ ธปท.ส่งเรื่องให้ตั้งแต่สิ้นเดือน พ.ย.47 สำหรับ
รายชื่อสถาบันการเงินที่มีแนวโน้มว่าจะได้ยกระดับขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ ได้แก่ บง.ทิสโก้, บง.เกียรตินาคิน,
บง.สินเอเซีย ส่วนธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย ได้แก่ บง.เอไอจีไฟแนนซ์, บค.ไทยเคหะ, บง.จีดีมันนี่,
บค.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ส่วนสถาบันการเงินต่างชาติที่ยกระดับขึ้นเป็นสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ ได้แก่ ธ.สากล
พาณิชย์แห่งประเทศจีน และ ธ.โซซิเอเต้ (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
3. บสท.ปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกค้าผู้ประสบภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิ กรรมการผู้จัดการ บรรษัท
บริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยว่า บสท.ได้ลงนามในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ที่มีเงื่อนไขผ่อนปรนให้กับลูกค้า
ที่ประสบภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิในเบื้องต้นประมาณ 15 ราย มูลหนี้รวม 2,300 ล.บาท ซึ่งเป็นไปตามมาตรการช่วย
เหลือ โดยจะไม่คิดดอกเบี้ยจากลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวโดยตรงเป็นเวลา 1 ปี และลด
ดอกเบี้ยให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมเหลือ 1% เป็นเวลา 1 ปี และเปิด Call Center เพื่ออำนวยความ
สะดวกให้ลูกค้าที่เดือดร้อนติดต่อเข้ามา (โลกวันนี้)
4. ครม.เห็นชอบการปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานและผู้บริหาร ธอส. นายวิษณุ เครืองาม รองนรม.
เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบตามที่ ก.คลังเสนอให้มีการปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานและผู้บริหารของ
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยอนุมัติให้ปรับเงินเดือนพนักงานในฝ่ายปฏิบัติขึ้น 22% จากที่เสนอ 24%
และอนุมัติให้ปรับเงินเดือนของผู้บริหารขึ้น 14% จากที่เสนอ 17% โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่เดือน ก.ค.47 เป็นต้น
ไป (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
5.ครม.เห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลเพื่อทดแทนการนำเข้าน้ำมัน
รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเสนอเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาและส่งเสริม
การใช้ไบโอดีเซลจากพืชปาล์มน้ำมัน เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมัน และส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานจาก
การเป็นผู้ผลิตพลังงานใช้ได้เองในประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดรายได้และการจ้างงานในประเทศ โดยเฉพาะ
ในภาคการเกษตร ทั้งนี้ ในปี 2555 กำหนดเป้าหมายผลิตไบโอดีเซลเพื่อผสมในน้ำมันดีเซล 10% ซึ่งคาดว่าในปี
2555 จะใช้ทดแทนน้ำมันดีเซลที่มีความต้องการในประเทศสูงถึง 8.5 ล้านลิตรต่อวัน หรือประมาณ 3,100 ล้าน
ลิตรต่อปี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 54,500 ล.บาท ขณะที่ปัจจุบันปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลอยู่ที่ประมาณวันละ 50 ล้านลิตร (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เศรษฐกิจโลกปี 48 จะชะลอตัวลง ขณะที่เศรษฐกิจ สรอ. จะขยายตัวแข็งแกร่ง รายงาน
จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 18 ม.ค.48 สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนัก
เศรษฐศาสตร์กว่า 150 คน เกี่ยวกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 48 ว่า เศรษฐกิจโลกในปี 47 ได้ฟื้น
ตัวอย่างแข็งแกร่ง และคาดว่าอัตราการเติบโตในปี 48 จะขยายตัวมากเช่นกัน แต่อาจจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมาเล็ก
น้อย โดยคาดว่าเศรษฐกิจของ สรอ. ในปี 48 จะมีอัตราการขยายตัวสูงสุดที่ระดับร้อยละ 3.6 และร้อยละ 3.3
ในปี 49 สูงกว่าประเทศอื่นในกลุ่ม 7 ประเทศอุตสาหกรรม (G7) เนื่องจากได้รับผลดีจากการที่ค่าเงินดอลลาร์
สรอ. อ่อนตัวลง ทำให้การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น ตลอดจนอัตราการว่างงานที่ลดลงช่วยกระตุ้นให้มีการบริโภคเพิ่ม
ขึ้นเช่นกัน ส่วนอัตราการเติบโตของเขตยูโรนั้นนักเศรษฐศาสตร์ได้ปรับลดการคาดการณ์อัตราการเติบโตทาง
เศรษฐกิจลงเหลือร้อยละ 1.8 จากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือน ต.ค.47 ที่ระดับร้อยละ 2.0 แต่คาดว่าการฟื้น
ตัวของเศรษฐกิจในเขตยูโรจะเริ่มปรับตัวเข้าสู่ภาวะที่ดีขึ้นในปี 49 ซึ่งคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะเพิ่ม
ขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.1 โดยฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี จะมีอัตราการเติบโตสูงสุดตามลำดับ(รอยเตอร์)
2. การส่งออกของเยอรมนีในปี 47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ขณะที่ปี 48 อาจจะชะลอตัว รายงานจาก
เบอร์ลิน เมื่อ 18 ม.ค.48 สำนักงานสถิติ เปิดเผยว่า ความต้องการสินค้าจากทั่วโลกที่เฟื่องฟูสนับสนุนให้มูลค่า
การส่งออกสินค้าของเยอรมนีในปี 47 มีมูลค่าสูงถึง 731 พัน ล.ยูโร (955.1 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) หรือเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 10 จากปีก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ตามการแข็งค่าของเงินยูโร และราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงในขณะนี้ดูจะ
ส่งผลต่อภาวะการค้ากับต่างประเทศของเยอรมนีในปีนี้ รวมทั้งการลงทุนและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง
ล้วนส่งผลให้คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 48 จะชะลอลง ทั้งนี้ ในปี 46 เยอรมนีเป็นประเทศส่งออก
สินค้ามากที่สุดในโลก ตามทัน สรอ. ซึ่งในปี 47 มียอดการส่งออกรวมทั้งสิ้นกว่า 800 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ขณะ
เดียวกันสมาคมผู้ส่งออกของเยอรมนี กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาวะการส่งออกซึ่งมีสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจ
เยอรมนีจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ แต่น่าจะสูงกว่าร้อยละ 5.0 เพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ ในปี 47 เยอรมนีเกิน
ดุลการค้าจำนวน 155.6 พัน ล.ยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.2 จากปี 45 อย่างไรก็ตาม การเติบโตทางเศรษฐกิจ
ของเยอรมนีในปี 47 ขยายตัวร้อยละ 1.7 อันเป็นอัตราแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 4 ปี (รอยเตอร์)
3. อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษในเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับปีก่อนสูงสุดในรอบ
6 เดือน รายงานจากลอนดอน เมื่อ 18 ม.ค.48 สนง.สถิติแห่งชาติของอังกฤษรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคใน
เดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับปีก่อนสูงสุดในรอบ 6 เดือน หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ต่อปีใน
เดือน พ.ย.47 สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 ต่อปีและนับเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันนับ
ตั้งแต่เดือน ก.ย.47 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ต่อปี ส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภคในไตรมาสที่ 4 ปี 47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4
ต่อปีสูงกว่าที่ ธ.กลางอังกฤษคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ต่อปี โดยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากราคาเฟอร์นิเจอร์
ของเด็กเล่น เกมคอมพิวเตอร์ ก๊าซและกระแสไฟฟ้าในปีนี้มีราคาสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่นักวิเคราะห์
ให้ความเห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน ม.ค.48 อาจลดลงอันเป็นผลมาจากการลดราคาสินค้าของห้างร้านซึ่ง
มักจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค. ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้นราคาบ้านในอังกฤษกลับมีราคาลดลง โดย
ผลสำรวจของ the Royal Institution of Chartered Surveyors รายงานว่ามีจำนวนสมาชิกที่รายงาน
ราคาบ้านลดลงมากกว่าที่รายงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 ดีกว่าเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 46 โดยเป็นการลดลงของราคา
บ้านเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ตัวเลขดังกล่าวข้างต้นทำให้นักวิเคราะห์คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้
เท่าเดิมจนกว่าจะแน่ใจว่าดัชนีราคาผู้บริโภคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (รอยเตอร์)
4. จำนวนการล้มละลายของสิงคโปร์ในปี 47 สูงสุดในรอบ 19 ปี รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อวันที่
18 ม.ค. 48 ก.ยุติธรรมของสิงคโปร์เปิดเผยว่า ในปี 47 การล้มละลายของทั้งบริษัทและรายบุคคลของสิงคโปร์มี
จำนวนรวมทั้งสิ้น 4,551 ราย หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1.5 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 19 ปีนับตั้งแต่ที่สิงคโปร์เกิดภาวะ
เศรษฐกิจถดถอยเมื่อปี 28 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปัจจุบัน ส่งผลให้จำนวนการล้ม
ละลายมียอดรวมทั้งสิ้นในเดือน ธ.ค.สูงถึง 21,434 รายเพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ย.เกือบร้อยละ 1.0 นักวิเคราะห์
กล่าวว่าการล้มละลายเป็นดัชนีพ้องภาวะเศรษฐกิจและจะลดลงเมื่อตลาดแรงงานและระดับการจ้างงานปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ในปี 47 เศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวร้อยละ 8.1 นับเป็นอัตราการขยายตัวที่เร็วที่สุดในรอบ 4 ปีและขยายตัว
เร็วเป็นอันดับที่ 2 ในเอเซียรองจากจีน อย่างไรก็ตามจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อการส่ง
ออกของสิงคโปร์ที่เศรษฐกิจต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก เนื่องจากอุปสงค์ในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ของโลกลดลง
สำหรับปี 48 รัฐบาลสิงคโปร์ได้คาดการณ์แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้ที่ร้อยละ 3 — 5 ชะลอลงจากปี 47
นอกจากนั้นการว่างงานในสิงคโปร์ ณ สิ้นเดือนก.ย. 47 ลดลงที่ระดับร้อยละ 3.4 จากช่วงเดียวกันปี 46 ต่ำ
สุดในรอบ 3 ปีและลดลงจากที่เคยทำสถิติสูงสุดในรอบ 17 ปีที่ร้อยละ 5.5 คาดว่าตัวเลขการว่างงานณสิ้นเดือน
ธ.ค.จะประมาณร้อยละ 4.0 หรือน้อยกว่านั้น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 19/1/2548 18/1/2548 30/1/2547 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.501 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.3136/38.6242 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 709.55/26.80 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,750/7,850 7,750/7,850 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 39.31 40.01 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.29*/14.59 19.29*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 30 สตางค์ เมื่อ 17 ธ.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--