แท็ก
ปลาดุก
1. สถานการณ์การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (7-13 พย. 2544) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูล จำหน่าย ที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,449.09 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 680.02 ตัน สัตว์น้ำจืด 769.07 ประกอบด้วยสัตว์น้ำที่สำคัญ ได้แก่
1.1 ปลาดุก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 6.49 ตัน
1.2 ปลาช่อน ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 8.13 ตัน
1.3 กุ้งทะเล ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 65.32 ตัน
1.4 ปลาทู ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 78.02 ตัน
1.5 ปลาหมึก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 58.15 ตัน 2. สถานการณ์การตลาดกระทรวงการคลังปรับปรุงอัตราอากรศุลกากรกลุ่มสินค้าประมง
จากการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2544 คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องยกเลิกการยกเว้นอากร และการลดอัตราอากรศุลกากร (ปรับปรุงอัตราอากรศุลกากรกลุ่มสินค้าประมง) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้
กระทรวงการคลังเสนอว่ารัฐบาลมีนโยบายในการเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกและพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำภายในประเทศ จึงเห็นควรดำเนินการปรับปรุงอัตราอากรศุลกากรกลุ่มสินค้าประมง ซึ่งกระทรวงการคลังได้หารือร่วมกับกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจ การเกษตร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อตรวจสอบ ข้อมูลต่าง ๆ แล้วเห็นควรปรับเพิ่มอัตราอากรศุลกากรของปลาและสัตว์น้ำอื่น จำนวน 82 ประเภทพิกัดย่อย จากเดิมที่ได้รับยกเว้นอากรขาเข้า เป็นเก็บอัตราร้อยละ 5 โดยยังคงยกเว้น อัตราอากรศุลกากรสำหรับปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็กหรือปลาโอท้องแถบที่มีลักษณะแช่เย็นจนแข็ง เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ผลิตปลากระป๋องเพื่อขายในประเทศ สำหรับ หูฉลามและเปาฮื้อ และสัตว์น้ำที่นำเข้าทางสนามบิน ยังคงอัตราอากรไว้ที่ร้อยละ 60
การดำเนินการปรับปรุงอัตราอากรศุลกากรในครั้งนี้จะช่วยคุ้มครองผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำภายในประเทศ แต่ไม่มีผลกระทบต่อผู้ผลิตอาหารกระป๋องเพื่อส่งออก ผู้ผลิตปลากระป๋องที่จำหน่ายในประเทศและผู้บริโภคภายในประเทศ สำหรับผลการปรับปรุงอัตรา อากรศุลกากรในครั้งนี้ จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น ประมาณปีละ 4 ล้านบาท
ร่างประกาศดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ปรับเพิ่มอัตราอากรศุลกากรของปลาและสัตว์น้ำอื่นนอกจากหูฉลามและเปาฮื้อ ซึ่งปัจจุบันได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าเป็นร้อยละ 5 จำนวน 82 ประเภทพิกัดย่อย
2. คงการยกเว้นอัตราอากรศุลกากรปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็กหรือปลาโอท้องแถบ ที่มีลักษณะแช่เย็นจนแข็งตามประเภทพิกัดย่อยที่ 0303.41 0303.42 0303.43 0303.49 และ 0303.71
3. คงอัตราอากรหูฉลามและเปาฮื้อและสัตว์น้ำที่นำเข้าทางสนามบินในอัตรา ร้อยละ 60
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.38 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 27.85 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.53 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ไม่มีรายงานราคาจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.97 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 51.74 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.77 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.3 กุ้งกุลาดำ กุ้งกุลาดำสดขนาดกลางราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ219.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 232.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 13.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ361.43 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 359.29 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.14 บาท
2.4 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลาง ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.17 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 17.96 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.21 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.5 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดชาวประมงขายได้ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 57.50บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 79.29 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 75.71 บาท ของสัปดาห์ก่อน 3.58 บาท
2.6 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.92 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 2.89 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.03 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีน 58% ขึ้นไป (ระหว่างวันที่ 12-16 พย.44 ) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 17.60 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 44 ประจำวันที่ 12-18 พ.ย. 2544--
-สส-
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (7-13 พย. 2544) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูล จำหน่าย ที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,449.09 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 680.02 ตัน สัตว์น้ำจืด 769.07 ประกอบด้วยสัตว์น้ำที่สำคัญ ได้แก่
1.1 ปลาดุก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 6.49 ตัน
1.2 ปลาช่อน ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 8.13 ตัน
1.3 กุ้งทะเล ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 65.32 ตัน
1.4 ปลาทู ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 78.02 ตัน
1.5 ปลาหมึก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 58.15 ตัน 2. สถานการณ์การตลาดกระทรวงการคลังปรับปรุงอัตราอากรศุลกากรกลุ่มสินค้าประมง
จากการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2544 คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องยกเลิกการยกเว้นอากร และการลดอัตราอากรศุลกากร (ปรับปรุงอัตราอากรศุลกากรกลุ่มสินค้าประมง) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้
กระทรวงการคลังเสนอว่ารัฐบาลมีนโยบายในการเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกและพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำภายในประเทศ จึงเห็นควรดำเนินการปรับปรุงอัตราอากรศุลกากรกลุ่มสินค้าประมง ซึ่งกระทรวงการคลังได้หารือร่วมกับกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจ การเกษตร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อตรวจสอบ ข้อมูลต่าง ๆ แล้วเห็นควรปรับเพิ่มอัตราอากรศุลกากรของปลาและสัตว์น้ำอื่น จำนวน 82 ประเภทพิกัดย่อย จากเดิมที่ได้รับยกเว้นอากรขาเข้า เป็นเก็บอัตราร้อยละ 5 โดยยังคงยกเว้น อัตราอากรศุลกากรสำหรับปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็กหรือปลาโอท้องแถบที่มีลักษณะแช่เย็นจนแข็ง เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ผลิตปลากระป๋องเพื่อขายในประเทศ สำหรับ หูฉลามและเปาฮื้อ และสัตว์น้ำที่นำเข้าทางสนามบิน ยังคงอัตราอากรไว้ที่ร้อยละ 60
การดำเนินการปรับปรุงอัตราอากรศุลกากรในครั้งนี้จะช่วยคุ้มครองผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำภายในประเทศ แต่ไม่มีผลกระทบต่อผู้ผลิตอาหารกระป๋องเพื่อส่งออก ผู้ผลิตปลากระป๋องที่จำหน่ายในประเทศและผู้บริโภคภายในประเทศ สำหรับผลการปรับปรุงอัตรา อากรศุลกากรในครั้งนี้ จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น ประมาณปีละ 4 ล้านบาท
ร่างประกาศดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ปรับเพิ่มอัตราอากรศุลกากรของปลาและสัตว์น้ำอื่นนอกจากหูฉลามและเปาฮื้อ ซึ่งปัจจุบันได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าเป็นร้อยละ 5 จำนวน 82 ประเภทพิกัดย่อย
2. คงการยกเว้นอัตราอากรศุลกากรปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็กหรือปลาโอท้องแถบ ที่มีลักษณะแช่เย็นจนแข็งตามประเภทพิกัดย่อยที่ 0303.41 0303.42 0303.43 0303.49 และ 0303.71
3. คงอัตราอากรหูฉลามและเปาฮื้อและสัตว์น้ำที่นำเข้าทางสนามบินในอัตรา ร้อยละ 60
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.38 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 27.85 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.53 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ไม่มีรายงานราคาจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.97 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 51.74 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.77 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.3 กุ้งกุลาดำ กุ้งกุลาดำสดขนาดกลางราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ219.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 232.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 13.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ361.43 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 359.29 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.14 บาท
2.4 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลาง ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.17 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 17.96 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.21 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.5 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดชาวประมงขายได้ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 57.50บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 79.29 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 75.71 บาท ของสัปดาห์ก่อน 3.58 บาท
2.6 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.92 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 2.89 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.03 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีน 58% ขึ้นไป (ระหว่างวันที่ 12-16 พย.44 ) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 17.60 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 44 ประจำวันที่ 12-18 พ.ย. 2544--
-สส-