นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโมษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการคลังไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 1 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 19 ธันวาคม 2544 ณ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โดยมีนายประกอบ ตันติยาพงศ์ รองปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานร่วมกับ Mr. Vongsey Vissoth รองปลัดกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังกัมพูชา
ผู้เข้าร่วมประชุมฝ่ายกัมพูชาประกอบด้วยผู้แทนจาก กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังและธนาคารกลาง โดยฝ่ายไทยประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมศุลกากร กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นตามความตกลงระหว่างกระทรวงการคลังแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยคณะอนุกรรมการร่วมด้านการคลังไทย-กัมพูชาซึ่งได้ลงนามกันตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2544 ซึ่งในความตกลงดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายจะให้ความร่วมมือกันในด้านต่างๆ ดังนี้
(1) ส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือในการดำเนินนโยบายการคลังและตลาดทุนระหว่างสองประเทศ
(2) ส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือในการฝึกอบรมบุคลากรและการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญในสาขาการคลัง
(3) ส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือด้านภาษีอากร
(4) ส่งเสริมการจัดหาแหล่งเงิน ทางเลือกต่างๆเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
(5) ส่งเสริมความร่วมมือด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาค
ผลการประชุมสรุปได้ดังนี้
(1) ไทยและกัมพูชาเห็นความสำคัญของการจัดทำความตกลงอนุสัญญาภาษีซ้อนเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนของภาคของภาคเอกชนระหว่างสองประเทศ และตกลงที่จะให้มีการพิจารณาจัดทำข้อตกลงดังกล่าวในเร็วๆ นี้
(2) ไทยและกัมพูชาเห็นชอบในหลักการจัดตั้งด่านศุลกากรร่วม (Single Stop CustomsInspection) ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจะจัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างกรมศุลกากรของทั้งสองประเทศ เพื่อจัดตั้งด่านศุลกากรร่วมโดยเร็วต่อไป
(3) ไทยได้แจ้งให้กัมพูชาทราบมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบที่จะให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรแก่สินค้าของประเทศกัมพูชา จำนวน 46 รายการ ซึ่งเป็นการดำเนินการเพื่อกระชับการรวมกลุ่มของประเทศสมาชิกอาเซียนใหม่และประเทศสมาชิกอาเซียนเดิม ภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2545 เป็นต้นไป การให้สิทธิพิเศษฯ ในครั้งนี้จะช่วยให้กัมพูชาสามารถส่งสินค้าออกได้มากขึ้น ซึ่งจะยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
(4) ฝ่ายไทยตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือด้านการเงินการธนาคาร เพื่อปรับปรุงกระบวนการกำกับดูแลสถาบันการเงิน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยที่ประกอบธุรกิจอยู่ในกัมพูชา อนึ่ง ปัจจุบันมีธนาคารพาณิชย์ไทย ที่ประกอบการอยู่ในกัมพูชา ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย
(6) ฝ่ายไทยตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือด้านตลาดทุน แก่กัมพูชาเพื่อดำเนินการตามแผนการจัดตั้งตลาดทุนของกัมพูชาในระยะ 10 ปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2544-2553
(7) ที่ประชุมได้เห็นชอบการจัดลำดับความสำคัญของเส้นทางคมนาคมระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาเพื่อใช้เงินทุนจากสำนักงานกองทุนให้ความช่วยเหลือพัฒนาเศรษฐกิจแก่ประเทศเพื่อนบ้านโดยที่ประเทศไทยจะให้การช่วยเหลือในรูปเงินกู้แบบเงื่อนไขผ่อนปรน (Soft Loan) แก่ประเทศกัมพูชา ซึ่งมีเส้นทางที่ได้รับการจัดลำดับความสำคัญตามลำดับ 2 เส้นทาง ดังนี้
(7.1) ศรีสะเกษ - อันลองเวง - เสียมราฐ
(7.2) ตราด - เกาะกง
ทั้งนี้ เมื่อกรมทางหลวงสำรวจเส้นทางและประมาณค่าใช้จ่ายเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองฝ่ายจะได้เจรจารายละเอียดเงื่อนไขของความช่วยเหลือทางการเงินต่อไป
(8) การให้ความช่วยเหลือด้านการฝึกอบรมและดูงาน ฝ่ายไทยโดยกรมสรรพกากร กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร ธนาคารแห่งประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้ตกลงให้ความช่วยเหลือทางด้านฝึกอบรมและดูงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทางด้านการวางระบบภาษี ระบบศุลกากร การเงินการธนาคาร และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยพัฒนาระบบต่างๆ ให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ทั้งนี้จะให้การฝึกอบรมด้านการพัฒนาตลาดทุนแก่กัมพูชา เพื่อส่งเสริมให้สามารถจัดตั้งตลาดทุนได้ในปี 2
--ข่าวกระทรวงการคลัง กองกลาง สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 92/2544 20 ธันวาคม 2544--
-อน-
ผู้เข้าร่วมประชุมฝ่ายกัมพูชาประกอบด้วยผู้แทนจาก กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังและธนาคารกลาง โดยฝ่ายไทยประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมศุลกากร กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นตามความตกลงระหว่างกระทรวงการคลังแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยคณะอนุกรรมการร่วมด้านการคลังไทย-กัมพูชาซึ่งได้ลงนามกันตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2544 ซึ่งในความตกลงดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายจะให้ความร่วมมือกันในด้านต่างๆ ดังนี้
(1) ส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือในการดำเนินนโยบายการคลังและตลาดทุนระหว่างสองประเทศ
(2) ส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือในการฝึกอบรมบุคลากรและการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญในสาขาการคลัง
(3) ส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือด้านภาษีอากร
(4) ส่งเสริมการจัดหาแหล่งเงิน ทางเลือกต่างๆเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
(5) ส่งเสริมความร่วมมือด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาค
ผลการประชุมสรุปได้ดังนี้
(1) ไทยและกัมพูชาเห็นความสำคัญของการจัดทำความตกลงอนุสัญญาภาษีซ้อนเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนของภาคของภาคเอกชนระหว่างสองประเทศ และตกลงที่จะให้มีการพิจารณาจัดทำข้อตกลงดังกล่าวในเร็วๆ นี้
(2) ไทยและกัมพูชาเห็นชอบในหลักการจัดตั้งด่านศุลกากรร่วม (Single Stop CustomsInspection) ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจะจัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างกรมศุลกากรของทั้งสองประเทศ เพื่อจัดตั้งด่านศุลกากรร่วมโดยเร็วต่อไป
(3) ไทยได้แจ้งให้กัมพูชาทราบมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบที่จะให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรแก่สินค้าของประเทศกัมพูชา จำนวน 46 รายการ ซึ่งเป็นการดำเนินการเพื่อกระชับการรวมกลุ่มของประเทศสมาชิกอาเซียนใหม่และประเทศสมาชิกอาเซียนเดิม ภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2545 เป็นต้นไป การให้สิทธิพิเศษฯ ในครั้งนี้จะช่วยให้กัมพูชาสามารถส่งสินค้าออกได้มากขึ้น ซึ่งจะยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
(4) ฝ่ายไทยตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือด้านการเงินการธนาคาร เพื่อปรับปรุงกระบวนการกำกับดูแลสถาบันการเงิน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยที่ประกอบธุรกิจอยู่ในกัมพูชา อนึ่ง ปัจจุบันมีธนาคารพาณิชย์ไทย ที่ประกอบการอยู่ในกัมพูชา ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย
(6) ฝ่ายไทยตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือด้านตลาดทุน แก่กัมพูชาเพื่อดำเนินการตามแผนการจัดตั้งตลาดทุนของกัมพูชาในระยะ 10 ปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2544-2553
(7) ที่ประชุมได้เห็นชอบการจัดลำดับความสำคัญของเส้นทางคมนาคมระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาเพื่อใช้เงินทุนจากสำนักงานกองทุนให้ความช่วยเหลือพัฒนาเศรษฐกิจแก่ประเทศเพื่อนบ้านโดยที่ประเทศไทยจะให้การช่วยเหลือในรูปเงินกู้แบบเงื่อนไขผ่อนปรน (Soft Loan) แก่ประเทศกัมพูชา ซึ่งมีเส้นทางที่ได้รับการจัดลำดับความสำคัญตามลำดับ 2 เส้นทาง ดังนี้
(7.1) ศรีสะเกษ - อันลองเวง - เสียมราฐ
(7.2) ตราด - เกาะกง
ทั้งนี้ เมื่อกรมทางหลวงสำรวจเส้นทางและประมาณค่าใช้จ่ายเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองฝ่ายจะได้เจรจารายละเอียดเงื่อนไขของความช่วยเหลือทางการเงินต่อไป
(8) การให้ความช่วยเหลือด้านการฝึกอบรมและดูงาน ฝ่ายไทยโดยกรมสรรพกากร กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร ธนาคารแห่งประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้ตกลงให้ความช่วยเหลือทางด้านฝึกอบรมและดูงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทางด้านการวางระบบภาษี ระบบศุลกากร การเงินการธนาคาร และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยพัฒนาระบบต่างๆ ให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ทั้งนี้จะให้การฝึกอบรมด้านการพัฒนาตลาดทุนแก่กัมพูชา เพื่อส่งเสริมให้สามารถจัดตั้งตลาดทุนได้ในปี 2
--ข่าวกระทรวงการคลัง กองกลาง สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 92/2544 20 ธันวาคม 2544--
-อน-