กรุงเทพ--4 ก.พ.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2543 ระหว่างเวลา 10.30-11.45 น. ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ พร้อมด้วยนางอลิสา พิศสุวรรณ ภริยาได้เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตีแห่งกัมพูชากับนางบุน รานี ภริยาสมเด็จฮุน เซน ณ บ้านพักนายกรัฐมนตรีกรุงพนมเปญ ในโอกาสที่ ดร. สุรินทร์ฯ เดินทางมาร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา ดร. สุรินทร์ฯ ได้หารือข้อราชการกับสมเด็จฮุน เซน สรุปดังนี้
1. สมเด็จฮุน เซนได้กล่าวสนับสนุนประเทศไทยที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน (AMM) ครั้งที่ 33 ณ กรุงเทพฯ ในเดือนกรกฎาคม 2543 ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะฟื้นฟูบทบาทใหม่อันแข็งแกร่งของ ASEAN นอกจากนี้ สมเด็จฮุน เซนได้เห็นด้วยกับข้อเสนอของฝ่ายไทยที่จะผลักดันให้วาระการประชุมของอาเซียนครั้งนี้เป็นวาระของการพัฒนาอนุ ภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และเห็นด้วยกับการที่อาเซียนจะผลักดันให้ทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 21 นี้เป็นทศวรรษแห่งการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง โดยสมเด็จฮุน เซนเห็นด้วยกับ ดร. สุรินทร์ฯ ด้วยว่าการสนับสนุนและความร่วมมือจากองค์การระหว่างประเทศและประเทศคู่เจรจาสำคัญของอาเซียนได้แก่ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ จะเป็นกุญแจสำคัญต่อความสำเร็จของการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในอนาคต
2. สมเด็จฮุน เซน ได้กล่าวกับ ดร. สุรินทร์ฯ ว่า ตนมีความชื่นชมต่อบทบาทของไทยที่มีความจริงจังในการแก้ไขปัญหาการโจรกรรมวัตถุโบราณของกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการส่งคืนวัตถุโบราณ 122 ชิ้นที่ถูกโจรกรรมมาจากกัมพูชา ซึ่งบทบาทดังกล่าวจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับความร่วมมือในการร่วมอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมของไทยและกัมพูชา
3. สมเด็จฮุน เซน ได้ให้ความมั่นใจกับ ดร. สุรินทร์ฯ ว่า กัมพูชาจะเร่งรัดให้มีการลงนามความตกลง 2 ฉบับโดยเร็ว คือ ความตกลงว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมเกี่ยวกับวัตถุทางวัฒนธรรมและความตกลงว่าด้วยการส่งคืนรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมโดยเร็ว
4. สมเด็จฮุน เซน ได้ยืนยันกับ ดร. สุรินทร์ฯ ด้วยว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2544 รถยนต์พวงมาลัยขวาในกัมพูชา รวมถึงการประกอบกิจการดัดแปลงพวงมาลัยรถยนต์จะผิดกฎหมายกัมพูชา ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งความจริงจังของกัมพูชาที่จะร่วมแก้ไขปัญหาการโจรกรรมรถยนต์จากประเทศไทย
5. เกี่ยวกับความร่วมมือด้านชายแดน สมเด็จฮุน เซน เห็นด้วยที่ทั้งสองฝ่ายจะเร่งรัดให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการชายแดน (GBC) โดยเร็ว รวมทั้งเห็นชอบให้คณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชามีการประชุมโดยเร็วด้วย
นอกจากนี้ สมเด็จฮุน เซน ได้พ้องกับดร. สุรินทร์ฯ ด้วยว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือป้องกันและปราบปรามการลักลอบการซื้อขายอาวุธสงครามตามชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ปัญหาดังกล่าวมิใช่เป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดอันตรายเฉพาะต่อไทยและกัมพูชาเท่านั้นแต่เป็นปัญหาความมั่นคงของภูมิภาคโดยรวมด้วย
6. เกี่ยวกับความร่วมมือในการปักปันเขตแดน สมเด็จฮุน เซน เห็นด้วยที่จะให้ทั้งสองฝ่ายเร่งรัดให้มีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Committee) ครั้งที่ 2 โดยเร็ว โดยทั้งสองฝ่ายจะเจรจากันโดยอาศัยสนธิสัญญาระหว่างสยามและฝรั่งเศส พิธีสารแนบท้ายสัญญา บันทึกการประชุม แผนที่แสดงเขตแดนประกอบสนธิสัญญา ตลอดจนแผนที่และ หลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
7. เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สมเด็จฮุน เซนเห็นด้วยที่ภูมิภาคอาเซียนจะเป็นเขตปลอดยาเสพติดภายในปี ค.ศ. 2020 ด้วย
ในโอกาสที่ ดร. สุรินทร์ฯ ได้เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จฮุน เซน ครั้งนี้ ดร.สุรินทร์ฯ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทยได้มอบเงินบริจาคสมทบทุนโครงการบูรณะเจดีย์อุดน (ซึ่งเป็นเจดีย์โบราณที่บรรจุพระอัฐิของบุรพกษัตริย์ของกัมพูชา ตั้งอยู่ชานเมืองกรุงพนมเปญ) ของรัฐบาลกัมพูชา จำนวน 1 ล้านบาท และได้บริจาคคอมพิวเตอร์ 1 ชุด ให้แก่สภากาชาดกัมพูชาผ่านนางบุน รานี ประธาน สภากาชาดกัมพูชาด้วย
อนึ่ง บรรยากาศการพบปะหารือเป็นไปอย่างอบอุ่นเสมือนครอบครัวเดียวกัน และภายหลังการหารือสมเด็จฮุน เซน และภริยาได้ให้เกียรติเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ ดร. สุรินทร์ฯ และภริยาเป็นพิเศษอีกด้วย--จบ--
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2543 ระหว่างเวลา 10.30-11.45 น. ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ พร้อมด้วยนางอลิสา พิศสุวรรณ ภริยาได้เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตีแห่งกัมพูชากับนางบุน รานี ภริยาสมเด็จฮุน เซน ณ บ้านพักนายกรัฐมนตรีกรุงพนมเปญ ในโอกาสที่ ดร. สุรินทร์ฯ เดินทางมาร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา ดร. สุรินทร์ฯ ได้หารือข้อราชการกับสมเด็จฮุน เซน สรุปดังนี้
1. สมเด็จฮุน เซนได้กล่าวสนับสนุนประเทศไทยที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน (AMM) ครั้งที่ 33 ณ กรุงเทพฯ ในเดือนกรกฎาคม 2543 ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะฟื้นฟูบทบาทใหม่อันแข็งแกร่งของ ASEAN นอกจากนี้ สมเด็จฮุน เซนได้เห็นด้วยกับข้อเสนอของฝ่ายไทยที่จะผลักดันให้วาระการประชุมของอาเซียนครั้งนี้เป็นวาระของการพัฒนาอนุ ภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และเห็นด้วยกับการที่อาเซียนจะผลักดันให้ทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 21 นี้เป็นทศวรรษแห่งการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง โดยสมเด็จฮุน เซนเห็นด้วยกับ ดร. สุรินทร์ฯ ด้วยว่าการสนับสนุนและความร่วมมือจากองค์การระหว่างประเทศและประเทศคู่เจรจาสำคัญของอาเซียนได้แก่ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ จะเป็นกุญแจสำคัญต่อความสำเร็จของการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในอนาคต
2. สมเด็จฮุน เซน ได้กล่าวกับ ดร. สุรินทร์ฯ ว่า ตนมีความชื่นชมต่อบทบาทของไทยที่มีความจริงจังในการแก้ไขปัญหาการโจรกรรมวัตถุโบราณของกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการส่งคืนวัตถุโบราณ 122 ชิ้นที่ถูกโจรกรรมมาจากกัมพูชา ซึ่งบทบาทดังกล่าวจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับความร่วมมือในการร่วมอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมของไทยและกัมพูชา
3. สมเด็จฮุน เซน ได้ให้ความมั่นใจกับ ดร. สุรินทร์ฯ ว่า กัมพูชาจะเร่งรัดให้มีการลงนามความตกลง 2 ฉบับโดยเร็ว คือ ความตกลงว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมเกี่ยวกับวัตถุทางวัฒนธรรมและความตกลงว่าด้วยการส่งคืนรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมโดยเร็ว
4. สมเด็จฮุน เซน ได้ยืนยันกับ ดร. สุรินทร์ฯ ด้วยว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2544 รถยนต์พวงมาลัยขวาในกัมพูชา รวมถึงการประกอบกิจการดัดแปลงพวงมาลัยรถยนต์จะผิดกฎหมายกัมพูชา ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งความจริงจังของกัมพูชาที่จะร่วมแก้ไขปัญหาการโจรกรรมรถยนต์จากประเทศไทย
5. เกี่ยวกับความร่วมมือด้านชายแดน สมเด็จฮุน เซน เห็นด้วยที่ทั้งสองฝ่ายจะเร่งรัดให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการชายแดน (GBC) โดยเร็ว รวมทั้งเห็นชอบให้คณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชามีการประชุมโดยเร็วด้วย
นอกจากนี้ สมเด็จฮุน เซน ได้พ้องกับดร. สุรินทร์ฯ ด้วยว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือป้องกันและปราบปรามการลักลอบการซื้อขายอาวุธสงครามตามชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ปัญหาดังกล่าวมิใช่เป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดอันตรายเฉพาะต่อไทยและกัมพูชาเท่านั้นแต่เป็นปัญหาความมั่นคงของภูมิภาคโดยรวมด้วย
6. เกี่ยวกับความร่วมมือในการปักปันเขตแดน สมเด็จฮุน เซน เห็นด้วยที่จะให้ทั้งสองฝ่ายเร่งรัดให้มีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Committee) ครั้งที่ 2 โดยเร็ว โดยทั้งสองฝ่ายจะเจรจากันโดยอาศัยสนธิสัญญาระหว่างสยามและฝรั่งเศส พิธีสารแนบท้ายสัญญา บันทึกการประชุม แผนที่แสดงเขตแดนประกอบสนธิสัญญา ตลอดจนแผนที่และ หลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
7. เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สมเด็จฮุน เซนเห็นด้วยที่ภูมิภาคอาเซียนจะเป็นเขตปลอดยาเสพติดภายในปี ค.ศ. 2020 ด้วย
ในโอกาสที่ ดร. สุรินทร์ฯ ได้เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จฮุน เซน ครั้งนี้ ดร.สุรินทร์ฯ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทยได้มอบเงินบริจาคสมทบทุนโครงการบูรณะเจดีย์อุดน (ซึ่งเป็นเจดีย์โบราณที่บรรจุพระอัฐิของบุรพกษัตริย์ของกัมพูชา ตั้งอยู่ชานเมืองกรุงพนมเปญ) ของรัฐบาลกัมพูชา จำนวน 1 ล้านบาท และได้บริจาคคอมพิวเตอร์ 1 ชุด ให้แก่สภากาชาดกัมพูชาผ่านนางบุน รานี ประธาน สภากาชาดกัมพูชาด้วย
อนึ่ง บรรยากาศการพบปะหารือเป็นไปอย่างอบอุ่นเสมือนครอบครัวเดียวกัน และภายหลังการหารือสมเด็จฮุน เซน และภริยาได้ให้เกียรติเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ ดร. สุรินทร์ฯ และภริยาเป็นพิเศษอีกด้วย--จบ--