กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2544 ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงผลการหารือกับนาย Francois Huwart รัฐมนตรีการค้าต่างประเทศของฝรั่งเศสในเรื่องต่างๆ ดังนี้
1. ในด้านเศรษฐกิจทวิภาคีไทย-ฝรั่งเศส
1.1 ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้แจ้งให้ทราบว่า รัฐบาลไทยพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยจะระดมทรัพยากรทางด้านการเงิน การคลัง ไปสู่เศรษฐกิจระดับฐานราก โดยจะเพิ่มการอุปโภค บริโภค ของประชาชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มมาตรการช่วยเหลืออุตสหากรรมขนาดกลางและย่อม (SME) การจัดตั้งธนาคาร SME และการตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC)
1.2 ในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลไทยไม่มีนโยบายกีดกันต่างชาติ โดยจะให้ซื้อหุ้นได้ในรัฐวิสาหกิจต่างๆ ฝรั่งเศส แสดงความยินดีในเรื่องนี้ และแจ้งว่าเอกชนและรัฐบาล ฝรั่งเศสสนใจจะเข้ามาร่วมลงทุนในกิจการรัฐวิสาหกิจของไทย อาทิ รถไฟฟ้ามหานคร พลังงาน และโทรคมนาคม
1.3 ลู่ทางการลงทุนในไทย ไทยแสดงความยินดีต้อนรับการลงทุนของฝรั่งเศส ในกิจการ SME โดย ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้เสนอให้มีความร่วมมือในด้านเสื้อผ้าแฟชั่นร่วมกันในตลาดระดับกลางเพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านและจีนตอนใต้และในประเทศตะวันออก เนื่องจาก ฝรั่งเศสมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบเสื้อผ้า
1.4 นโยบายการนำเข้าของสหภาพยุโรปในเรื่องสินค้าเกษตร เนื่องจาก EU จะมีการปรับนโยบายการนำเข้าในเรื่องสินค้าเกษตร ฝ่ายไทยจึงได้ขอให้ฝรั่งเศสช่วยเหลืออย่าให้การปฏิรูปนโยบายเกษตรดังกล่าวมีผลกระทบในการลบต่อสินค้าเกษตรของไทยและเกษตรกรของไทย โดยเฉพาะข้าว นอกจากนั้น ฝ่ายไทยได้แจ้งว่า ปากีสถานและอินเดียได้รับการประติบัติเป็นพิเศษในการเสียภาษีนำเข้าข้าวต่ำกว่าข้าวของไทย ดังนั้น ขอให้ฝรั่งเศสพิจารณาปฏิบัติให้เท่าเทียมกันกับไทยด้วย ซึ่งฝรั่งเศสแสดงความสนใจในเรื่องนี้ และรับที่จะนำไปพิจารณาต่อไป นอกจากนั้นฝ่ายไทย ได้แจ้งให้ฝรั่งเศสช่วยนำเรื่องขึ้นหารือโน้มน้าวกับสมาชิก EU ประเทศอื่นๆ ด้วย ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยก็ต้องติดตามล็อบบี้กับแต่ละประเทศสมาชิก EU ต่อไปด้วย
1.5 โดยภาพรวม ในความสัมพันธ์ทวิภาคี ไทยและฝรั่งเศสจะเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจใหม่ และฝรั่งเศสจะใช้ไทยเป็นประตู่สู่เอเชีย 2. ในด้านเศรษฐกิจพหุภาคี ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้แจ้งฝ่ายฝรั่งเศสว่า
2.1 กรอบความร่วมมือ ASEAN กับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน (ASEAN+3) นั้น ไทยสนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว โดยขอให้ 3 ประเทศ เพิ่มความช่วยเหลือด้านวิชาการ/การพัฒนาแก่ประเทศสมาชิกอาเซียนในลุ่มแม่น้ำโขง (Great Mekong Subregional-GMS)
2.2 ในเรื่องการเจรจาการค้าโลก (WTO) ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้ย้ำกับฝ่ายฝรั่งเศสใน 2 เรื่อง ได้แก่ 1. จะต้องสร้างความพร้อมให้ประเทศกำลังพัฒนาที่ประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจก่อนที่จะเริ่มเจรจาการค้ารอบใหม่ 2. จะต้องเน้นการนำมาตรการเดิมไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ที่ผ่านมาประเทศพัฒนาแล้วยังไม่ได้นำเอาพันธะกรณีต่างๆ ไปดำเนินการให้ลุล่วง หากไม่มีการดำเนินการ ในเรื่องนี้จะมีผลกระทบต่อความมั่นคงในประเทศกำลังพัฒนา ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้เปิดเผยให้ตอนท้ายว่า ฝ่ายฝรั่งเศสแสดงความเห็นออกมาอย่างชัดเจนว่า การเปิดการค้าเสรีนั้นเป็นความจำเป็นแต่ยังไม่เพียงพอ ทั้งนี้ ฝรั่งเศสรับที่จะนำไปหารือต่อไป โดยจะต้องหาทางเชื่อมโยงประเด็นการเจรจาในรอบเดิมกับรอบใหม่ โดยในการเจรจารอบใหม่จะต้องเน้น 2 แนวทาง กล่าวคือ ต้องสะท้อนผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนา และต้องมีมาตรการช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาเช่น ไทย ให้มีการเตรียมความพร้อมต่อการเปิดเสรี อาทิ ในเรื่องกฎหมายการค้า กลไกการรับการเปิดเสรีทางการค้า การธนาคาร การค้าปลีก เป็นต้น หากประเทศต่างๆ ไม่หารือกันในประเด็นดังกล่าวการเจรจาการค้ารอบใหม่จะเป็นไปด้วยความลำบาก
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2544 ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงผลการหารือกับนาย Francois Huwart รัฐมนตรีการค้าต่างประเทศของฝรั่งเศสในเรื่องต่างๆ ดังนี้
1. ในด้านเศรษฐกิจทวิภาคีไทย-ฝรั่งเศส
1.1 ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้แจ้งให้ทราบว่า รัฐบาลไทยพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยจะระดมทรัพยากรทางด้านการเงิน การคลัง ไปสู่เศรษฐกิจระดับฐานราก โดยจะเพิ่มการอุปโภค บริโภค ของประชาชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มมาตรการช่วยเหลืออุตสหากรรมขนาดกลางและย่อม (SME) การจัดตั้งธนาคาร SME และการตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC)
1.2 ในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลไทยไม่มีนโยบายกีดกันต่างชาติ โดยจะให้ซื้อหุ้นได้ในรัฐวิสาหกิจต่างๆ ฝรั่งเศส แสดงความยินดีในเรื่องนี้ และแจ้งว่าเอกชนและรัฐบาล ฝรั่งเศสสนใจจะเข้ามาร่วมลงทุนในกิจการรัฐวิสาหกิจของไทย อาทิ รถไฟฟ้ามหานคร พลังงาน และโทรคมนาคม
1.3 ลู่ทางการลงทุนในไทย ไทยแสดงความยินดีต้อนรับการลงทุนของฝรั่งเศส ในกิจการ SME โดย ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้เสนอให้มีความร่วมมือในด้านเสื้อผ้าแฟชั่นร่วมกันในตลาดระดับกลางเพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านและจีนตอนใต้และในประเทศตะวันออก เนื่องจาก ฝรั่งเศสมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบเสื้อผ้า
1.4 นโยบายการนำเข้าของสหภาพยุโรปในเรื่องสินค้าเกษตร เนื่องจาก EU จะมีการปรับนโยบายการนำเข้าในเรื่องสินค้าเกษตร ฝ่ายไทยจึงได้ขอให้ฝรั่งเศสช่วยเหลืออย่าให้การปฏิรูปนโยบายเกษตรดังกล่าวมีผลกระทบในการลบต่อสินค้าเกษตรของไทยและเกษตรกรของไทย โดยเฉพาะข้าว นอกจากนั้น ฝ่ายไทยได้แจ้งว่า ปากีสถานและอินเดียได้รับการประติบัติเป็นพิเศษในการเสียภาษีนำเข้าข้าวต่ำกว่าข้าวของไทย ดังนั้น ขอให้ฝรั่งเศสพิจารณาปฏิบัติให้เท่าเทียมกันกับไทยด้วย ซึ่งฝรั่งเศสแสดงความสนใจในเรื่องนี้ และรับที่จะนำไปพิจารณาต่อไป นอกจากนั้นฝ่ายไทย ได้แจ้งให้ฝรั่งเศสช่วยนำเรื่องขึ้นหารือโน้มน้าวกับสมาชิก EU ประเทศอื่นๆ ด้วย ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยก็ต้องติดตามล็อบบี้กับแต่ละประเทศสมาชิก EU ต่อไปด้วย
1.5 โดยภาพรวม ในความสัมพันธ์ทวิภาคี ไทยและฝรั่งเศสจะเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจใหม่ และฝรั่งเศสจะใช้ไทยเป็นประตู่สู่เอเชีย 2. ในด้านเศรษฐกิจพหุภาคี ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้แจ้งฝ่ายฝรั่งเศสว่า
2.1 กรอบความร่วมมือ ASEAN กับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน (ASEAN+3) นั้น ไทยสนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว โดยขอให้ 3 ประเทศ เพิ่มความช่วยเหลือด้านวิชาการ/การพัฒนาแก่ประเทศสมาชิกอาเซียนในลุ่มแม่น้ำโขง (Great Mekong Subregional-GMS)
2.2 ในเรื่องการเจรจาการค้าโลก (WTO) ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้ย้ำกับฝ่ายฝรั่งเศสใน 2 เรื่อง ได้แก่ 1. จะต้องสร้างความพร้อมให้ประเทศกำลังพัฒนาที่ประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจก่อนที่จะเริ่มเจรจาการค้ารอบใหม่ 2. จะต้องเน้นการนำมาตรการเดิมไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ที่ผ่านมาประเทศพัฒนาแล้วยังไม่ได้นำเอาพันธะกรณีต่างๆ ไปดำเนินการให้ลุล่วง หากไม่มีการดำเนินการ ในเรื่องนี้จะมีผลกระทบต่อความมั่นคงในประเทศกำลังพัฒนา ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้เปิดเผยให้ตอนท้ายว่า ฝ่ายฝรั่งเศสแสดงความเห็นออกมาอย่างชัดเจนว่า การเปิดการค้าเสรีนั้นเป็นความจำเป็นแต่ยังไม่เพียงพอ ทั้งนี้ ฝรั่งเศสรับที่จะนำไปหารือต่อไป โดยจะต้องหาทางเชื่อมโยงประเด็นการเจรจาในรอบเดิมกับรอบใหม่ โดยในการเจรจารอบใหม่จะต้องเน้น 2 แนวทาง กล่าวคือ ต้องสะท้อนผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนา และต้องมีมาตรการช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาเช่น ไทย ให้มีการเตรียมความพร้อมต่อการเปิดเสรี อาทิ ในเรื่องกฎหมายการค้า กลไกการรับการเปิดเสรีทางการค้า การธนาคาร การค้าปลีก เป็นต้น หากประเทศต่างๆ ไม่หารือกันในประเด็นดังกล่าวการเจรจาการค้ารอบใหม่จะเป็นไปด้วยความลำบาก
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-