กรุงเทพ--10 ส.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ในโอกาสที่นายเอโมมาลี ราคโมนอฟ (Emomali Rahmonov) ประธานาธิบดีทาจิกิสถานมีกำหนดเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit) ระหว่างวันที่ 8 — 12 สิงหาคม 2548 และในวันอังคารที่ 9 สิงหาคม ศกนี้ ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จะมีพิธีลงนามความตกลงและบันทึกความเข้าใจระหว่างสองประเทศจำนวน 6 ฉบับ รวมทั้ง ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐทาจิกิสถาน (Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of Tajikistan for the Promotion and Protection of Investments) โดยมีนายกันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทย และนาย Khakim Soliev รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการค้า เป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐทาจิกิสถาน ทั้งนี้ ในพิธีดังกล่าวจะมี นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีทาจิกิสถาน เป็นประธานและสักขีการลงนามไทยและสาธารณรัฐทาจิกิสถานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยสาธารณรัฐทาจิกิสถานเป็นมิตรประเทศของไทยในภูมิภาคเอเชียกลางที่สนับสนุนไทยในเวทีระหว่างประเทศต่าง ๆ อาทิ การสนับสนุนไทยในการเข้าเป็นสมาชิกการประชุมว่าด้วยการปฎิสัมพันธ์และการแสวงหามาตรการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia - CICA) และการสนับสนุนดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี ในการสมัครเพื่อดำรงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ
สาธารณรัฐทาจิกิสถานเป็นหนึ่งในประเทศอดีตสหภาพโซเวียตที่มีสภาพภูมิประเทศ ส่วนใหญ่ เป็นภูเขา ไม่มีทางออกทะเล มีประชากรประมาณ 7 ล้านคน มีทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญคือ พลังงานน้ำ ฝ้ายและสินแร่ต่างๆ โดยทาจิกิสถานสามารถผลิตพลังงานน้ำได้ 21.08 พันล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี (ร้อยละ 4 ของผลการผลิตพลังงานน้ำโลกทั้งหมด) แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถผลิตได้เต็มที่ทั้งที่มีศักยภาพที่จะผลิตได้อีก 14 เท่าของระดับปัจจุบัน สำหรับรายได้หลักของประเทศ คือ การส่งออกฝ้าย อลูมิเนียมและไฟฟ้าพลังน้ำ
การจัดทำความตกลงดังกล่าวจะเป็นกรอบและกลไกที่ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศ โดยผู้ลงทุนจะได้รับการประติบัติที่เป็นธรรมและการคุ้มครองอย่างเต็มที่ อันจะส่งผลให้เกิดความมั่นใจแก่นักลงทุนของทั้งสองฝ่ายที่จะไปลงทุนทำธุรกิจในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่งมากขึ้น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
ในโอกาสที่นายเอโมมาลี ราคโมนอฟ (Emomali Rahmonov) ประธานาธิบดีทาจิกิสถานมีกำหนดเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit) ระหว่างวันที่ 8 — 12 สิงหาคม 2548 และในวันอังคารที่ 9 สิงหาคม ศกนี้ ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จะมีพิธีลงนามความตกลงและบันทึกความเข้าใจระหว่างสองประเทศจำนวน 6 ฉบับ รวมทั้ง ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐทาจิกิสถาน (Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of Tajikistan for the Promotion and Protection of Investments) โดยมีนายกันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทย และนาย Khakim Soliev รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการค้า เป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐทาจิกิสถาน ทั้งนี้ ในพิธีดังกล่าวจะมี นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีทาจิกิสถาน เป็นประธานและสักขีการลงนามไทยและสาธารณรัฐทาจิกิสถานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยสาธารณรัฐทาจิกิสถานเป็นมิตรประเทศของไทยในภูมิภาคเอเชียกลางที่สนับสนุนไทยในเวทีระหว่างประเทศต่าง ๆ อาทิ การสนับสนุนไทยในการเข้าเป็นสมาชิกการประชุมว่าด้วยการปฎิสัมพันธ์และการแสวงหามาตรการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia - CICA) และการสนับสนุนดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี ในการสมัครเพื่อดำรงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ
สาธารณรัฐทาจิกิสถานเป็นหนึ่งในประเทศอดีตสหภาพโซเวียตที่มีสภาพภูมิประเทศ ส่วนใหญ่ เป็นภูเขา ไม่มีทางออกทะเล มีประชากรประมาณ 7 ล้านคน มีทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญคือ พลังงานน้ำ ฝ้ายและสินแร่ต่างๆ โดยทาจิกิสถานสามารถผลิตพลังงานน้ำได้ 21.08 พันล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี (ร้อยละ 4 ของผลการผลิตพลังงานน้ำโลกทั้งหมด) แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถผลิตได้เต็มที่ทั้งที่มีศักยภาพที่จะผลิตได้อีก 14 เท่าของระดับปัจจุบัน สำหรับรายได้หลักของประเทศ คือ การส่งออกฝ้าย อลูมิเนียมและไฟฟ้าพลังน้ำ
การจัดทำความตกลงดังกล่าวจะเป็นกรอบและกลไกที่ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศ โดยผู้ลงทุนจะได้รับการประติบัติที่เป็นธรรมและการคุ้มครองอย่างเต็มที่ อันจะส่งผลให้เกิดความมั่นใจแก่นักลงทุนของทั้งสองฝ่ายที่จะไปลงทุนทำธุรกิจในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่งมากขึ้น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-