นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช อธิบดีกรมการประกันภัย แจ้งว่าตามที่ปรากฏเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ว่า บริษัทประกันภัยไม่รับประกันภัยรถยนต์ที่ใช้ก๊าซ NGV และแก๊สโซฮอล์ นั้น น่าจะเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ตามข้อเท็จจริงการประกันภัยรถยนต์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. การประกันภัยรถตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 (ภาคบังคับ) บริษัทประกันภัยรถทุกบริษัทจะปฏิเสธการรับประกันภัยไม่ได้ หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมายปรับตั้งแต่ 50,000 — 250,000 บาท
2. การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ การรับประกันภัยขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท บางบริษัทอาจเน้นที่การรับประกันภัยรถยนต์นั่ง รถยนต์โดยสาร แต่ไม่เน้นการรับประกันภัยรถยนต์รับจ้างสาธารณะ เป็นต้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความถนัดและความชำนาญของแต่ละบริษัทเอง
นอกจากนี้การรับประกันภัยรถยนต์ของบริษัทไม่ได้คำนึงถึงว่ารถยนต์คันนั้นๆ ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง หรือเชื้อเพลิงใดในการขับเคลื่อน แต่จะพิจารณาจากประเภทและลักษณะการใช้รถเป็นสำคัญ ซึ่งหากรถยนต์ที่ใช้ก๊าซ NGV ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์การใช้ก๊าซ NGV ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยก็ไม่มีปัญหาที่บริษัทประกันภัยจะรับประกันภัย และในขณะนี้ก็มีหลายบริษัทที่รับประกันภัยรถที่ใช้ก๊าซ NGV ซึ่งส่วนใหญ่เป็น “รถแท็กซี่” โดยจากจำนวนรถแท็กซี่ทั้งหมดประมาณ 80,000 คัน เป็นรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซ LPG (ก๊าซหุงต้ม) ประมาณ 80% ซึ่งมีการใช้มานานแล้ว และการติดตั้งอุปกรณ์มีราคาอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท ส่วนรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซ NGV มีประมาณ 20% การใช้ยังไม่แพร่หลาย การติดตั้งอุปกรณ์มีราคาอยู่ที่ประมาณ 40,000 - 50,000 บาท ซึ่งจากประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากการที่มีบางบริษัทซึ่งไม่เคยรับประกันภัยรถแท็กซี่มาก่อน ได้ปฏิเสธการรับประกันภัย ทำให้ผู้เอาประกันภัยเข้าใจว่าบริษัทปฏิเสธเพราะเป็นรถที่ใช้ก๊าซ NGV แต่อย่างไรก็ตามบริษัทที่รับประกันภัยรถแท็กซี่อยู่ในขณะนี้สามารถรองรับความต้องการทำประกันภัยได้อย่างพอเพียงกับจำนวนรถแท็กซี่ที่มีอยู่แล้ว
นางสาวพจนีย์ฯ กล่าวย้ำว่าการรับประกันภัยของบริษัทประกันภัย ไม่ได้คำนึงถึงว่าเป็นรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงชนิดใดในการขับเคลื่อน แต่จะพิจารณาจากประเภท และลักษณะการใช้รถเป็นสำคัญ ดังนั้น หากประชาชนท่านใดถูกบริษัทประกันภัยปฏิเสธการรับประกันภัยเนื่องจากการใช้ก๊าซ NGV LPG หรือแก๊สโซฮอล์ก็ตาม ขอความกรุณาแจ้งให้กรมการประกันภัยทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการประกันภัยรถภาคบังคับหากมีบริษัทใดปฏิเสธการรับประกันภัย กรมการประกันภัยจะได้ลงโทษตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ต่อไป
หากมีปัญหาและข้อสงสัยเกี่ยวกับการประกันภัยรถ สามารถสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่กรมการประกันภัย โทร. 0-2547-4524 หรือสายด่วนประกันภัย 1186
ที่มา: http://www.doi.go.th