คุณถาม : ประเทศใดเป็นคู่แข่งสำคัญของสินค้าไทยในตลาดญี่ปุ่น
EXIM ตอบ : ในบรรดาสินค้า 10 อันดับแรกที่ไทยส่งออกไปญี่ปุ่น สินค้าแต่ละรายการมีคู่แข่งที่สำคัญ พอสรุปได้ดังนี้
1. เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์
2. ยางพารา
3. เฟอร์นิเจอร์และส่วนประกอบ
4. พลาสติกและผลิตภัณฑ์
5. อาหารทะเลสำเร็จรูป
6. เสื้อผ้าสำเร็จรูป
7. กุ้งและปูสดแช่เย็น
8. ไก่สดแช่เย็น/แช่แข็ง
9. โทรทัศน์และส่วนประกอบ
10. ปลาหมึกแช่เย็น/แช่แข็ง
11. อื่น ๆ
เป็นที่น่าสังเกตว่า "ยางพารา" เป็นสินค้าเพียงรายการเดียวเท่านั้น ที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดในญี่ปุ่นมากเป็นอันดับ 1 และมีสินค้าอีก 2
รายการ คือ "อาหารทะเลแปรรูป" และ "ไก่สดแช่เย็น/แช่แข็ง" ที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดในญี่ปุ่นมากเป็นอันดับ 2 ส่วนสินค้ารายการอื่นๆ ของ
ไทยมีส่วนแบ่งตลาดในญี่ปุ่นไม่สูงนัก
โดยสรุปแล้วประเทศที่เป็นคู่แข่งสำคัญของสินค้าไทยในตลาดญี่ปุ่นคือ สหรัฐฯ จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญ 5
อันดับแรกของญี่ปุ่น ส่วนไทยเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 11 ของญี่ปุ่นโดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับญี่ปุ่น 2.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรก
ของปี 2543
คุณถาม : Oeko-Tex Standard คืออะไร EXIM ตอบ: Oeko-Tex Standard คือมาตรฐานที่ประเทศในแถบยุโรปร่วม
กันกำหนดขึ้นเพื่อใช้รับรองสิ่งทอที่ประสงค์จะวางจำหน่ายในยุโรป ทั้งที่ผลิตจากประเทศในและนอกกลุ่มยุโรปว่ามี
ความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยสิ่งทอที่ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐาน Oeko-Tex
จะได้รับอนุญาตให้ติดเครื่องหมาย Oeko-Tex บนสินค้าเพื่อเป็นการรับรองความปลอดภัย ปัจจุบันเครื่องหมาย
Oeko-Tex เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพสิ่งทอที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก
การพิจารณาความปลอดภัยของสิ่งทอตามมาตรฐาน Oeko-Tex จะคำนึงทั้งวัสดุที่ใช้ในขณะเดียวกันการผลิตเป็นหลัก
ว่าต้องใช้เส้นใยหรือสารเคมีที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน กรรมวิธีการผลิตสิ่งทอนั้น
ต้องไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนการผลิต นอกจากนี้ ผู้ประกอบการผลิตต้องมีระบบการจัดการเกี่ยว
กับเศษวัสดุเหลือทิ้งอย่างถูกต้องและ เหมาะสมโดยต้องไม่มีสารอันตรายปะปนออกมาภายหลังการนำเศษเหลือทิ้ง
ไปกำจัดหรือการ แปรสภาพเพื่อใช้ใหม่
คุณถาม : ข้าวนึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการส่งออกข้าวของไทยอย่างไร
EXIM ตอบ : ข้าวนึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ข้าวที่ได้จากการนำข้าวเปลือกมาผ่านการนึ่งด้วยไอน้ำเพื่อให้แป้งในข้าวบางส่วนสุก แล้วจึงนำไป
ทำให้แห้งเพื่อลดความชื้นก่อนนำไปสีเอาเปลือกออก ข้าวนึ่งที่ได้มีสีขาวออกเหลือง มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเพราะ
สารอาหารจากเปลือกข้าวได้ซึมเข้าสู่เนื้อข้าวในขั้นตอนของการนึ่ง เมื่อนำข้าวนึ่งไปหุง ข้าวจะร่วนไม่เกาะติดกัน
ข้าวที่นิยมนำมาทำข้าวนึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวคุณภาพต่ำ มีความชื้นสูงและเมล็ดหักมาก จึงต้องนำไปนึ่งก่อนนำไปสี
เอาเปลือกออก
การผลิตข้าวนึ่งของไทยเป็นการผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลักเนื่องจากคนไทยไม่นิยมรับประทานข้าวนึ่ง เพราะถือเป็นข้าว
คุณภาพต่ำ การส่งออกข้าวนึ่งทวีบทบาทสำคัญต่อการส่งออกข้าวของไทยมากขึ้นเป็นลำดับ โดยอัตราการขยายตัวเฉลี่ย
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2539-2543) สูงถึงกว่าร้อยละ 20 ต่อปี เทียบกับการส่งออกข้าวรวมที่ขยายตัวเฉลี่ย
ประมาณร้อยละ 8 ต่อปีเท่านั้น สำหรับในปี 2543 ไทยสามารถส่งออกข้าวนึ่งเป็นมูลค่าสูงประมาณ 14,450 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 22 ของมูลค่าส่งออกข้าวทั้งหมดของไทย โดยมีตลาดส่งออกสำคัญคือ ประเทศในแถบแอฟริกา เช่น ไนจีเรีย
แอฟริกาใต้ เซเนกัล เบนิน โซมาเลีย และประเทศในแถบตะวันออกกลาง เช่น เยเมน ซาอุดีอาระเบีย และ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
คาดว่าการส่งออกข้าวนึ่งของไทยในปี 2544 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับผลดีจากราคาน้ำมันเชื้อ
เพลิงที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง ทำให้กำลังซื้อของประเทศในแถบตะวันออกกลางซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญขยับสูงขึ้น
นอกจากนี้ การที่อินเดียซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวนึ่งรายใหญ่ในแอฟริกาเริ่มเสียเปรียบการแข่งขันด้านราคากับไทยหลังจาก
อินเดียมีการประกันราคาข้าว ในประเทศ ทำให้ราคาส่งออกข้าวนึ่งของอินเดียสูงกว่าไทย จึงเป็นโอกาสดีของไทย
ในการส่ง ออกข้าวนึ่งในปี 2544 นี้
คุณถาม : อุตสาหกรรมใดบ้างที่รัฐบาลเวียดนามส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในเวียดนาม
EXIM ตอบ : ตามกฎหมายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศฉบับล่าสุดของเวียดนาม (Law 18-2000-QH10) ซึ่งมีผลบังคับใช้
ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2543 รัฐบาลเวียดนามกำหนดประเภทของโครงการลงทุนที่ส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติ
เข้าไปลงทุนรวม 5 ประเภท คือ
โครงการลงทุนที่เน้นการผลิตเพื่อการส่งออก อาทิ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป ฯลฯ โครงการลงทุนด้าน
การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ปศุสัตว์ ป่าไม้ และการประมง อาทิ อุตสาหกรรมไม้อัด อาหารทะเลแช่เย็น/แช่แข็ง
ผักและผลไม้กระป๋อง ฯลฯ โครงการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงและทันสมัย ปกป้องสิ่งแวดล้อม และโครงการ
ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา อาทิ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์ ฯลฯ โครงการลงทุนที่
เน้นการใช้แรงงาน วัตถุดิบ และทรัพยากรธรรมชาติภายในเวียดนาม อาทิ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมเหล็กกล้า
ฯลฯ โครงการลงทุนด้านการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ รวมทั้งการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม อาทิ
การก่อสร้างระบบโทรคมนาคม ฯลฯ นอกจากโครงการลงทุนประเภทต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นแล้ว นักลงทุนต่างชาติที่
เข้ามาลงทุนในท้องถิ่นทุรกันดาร อาทิ บริเวณเทือกเขา ที่ราบสูง และชนบทที่ห่างไกลความเจริญ ฯลฯ จะได้รับการ
ส่งเสริมการลงทุนเป็นพิเศษจากกระทรวงวางแผนและการลงทุน (Ministry of Planning and Investment :
MPI) ของเวียดนามอีกด้วย
ข้อมูลจาก : ฝ่ายวิชาการและแผนงาน
--Exim News ปีที่ 7 ฉบับที่ 3 ประจำเดือนมีนาคม 2544--
-อน-
EXIM ตอบ : ในบรรดาสินค้า 10 อันดับแรกที่ไทยส่งออกไปญี่ปุ่น สินค้าแต่ละรายการมีคู่แข่งที่สำคัญ พอสรุปได้ดังนี้
1. เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์
2. ยางพารา
3. เฟอร์นิเจอร์และส่วนประกอบ
4. พลาสติกและผลิตภัณฑ์
5. อาหารทะเลสำเร็จรูป
6. เสื้อผ้าสำเร็จรูป
7. กุ้งและปูสดแช่เย็น
8. ไก่สดแช่เย็น/แช่แข็ง
9. โทรทัศน์และส่วนประกอบ
10. ปลาหมึกแช่เย็น/แช่แข็ง
11. อื่น ๆ
เป็นที่น่าสังเกตว่า "ยางพารา" เป็นสินค้าเพียงรายการเดียวเท่านั้น ที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดในญี่ปุ่นมากเป็นอันดับ 1 และมีสินค้าอีก 2
รายการ คือ "อาหารทะเลแปรรูป" และ "ไก่สดแช่เย็น/แช่แข็ง" ที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดในญี่ปุ่นมากเป็นอันดับ 2 ส่วนสินค้ารายการอื่นๆ ของ
ไทยมีส่วนแบ่งตลาดในญี่ปุ่นไม่สูงนัก
โดยสรุปแล้วประเทศที่เป็นคู่แข่งสำคัญของสินค้าไทยในตลาดญี่ปุ่นคือ สหรัฐฯ จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญ 5
อันดับแรกของญี่ปุ่น ส่วนไทยเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 11 ของญี่ปุ่นโดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับญี่ปุ่น 2.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรก
ของปี 2543
คุณถาม : Oeko-Tex Standard คืออะไร EXIM ตอบ: Oeko-Tex Standard คือมาตรฐานที่ประเทศในแถบยุโรปร่วม
กันกำหนดขึ้นเพื่อใช้รับรองสิ่งทอที่ประสงค์จะวางจำหน่ายในยุโรป ทั้งที่ผลิตจากประเทศในและนอกกลุ่มยุโรปว่ามี
ความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยสิ่งทอที่ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐาน Oeko-Tex
จะได้รับอนุญาตให้ติดเครื่องหมาย Oeko-Tex บนสินค้าเพื่อเป็นการรับรองความปลอดภัย ปัจจุบันเครื่องหมาย
Oeko-Tex เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพสิ่งทอที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก
การพิจารณาความปลอดภัยของสิ่งทอตามมาตรฐาน Oeko-Tex จะคำนึงทั้งวัสดุที่ใช้ในขณะเดียวกันการผลิตเป็นหลัก
ว่าต้องใช้เส้นใยหรือสารเคมีที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน กรรมวิธีการผลิตสิ่งทอนั้น
ต้องไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนการผลิต นอกจากนี้ ผู้ประกอบการผลิตต้องมีระบบการจัดการเกี่ยว
กับเศษวัสดุเหลือทิ้งอย่างถูกต้องและ เหมาะสมโดยต้องไม่มีสารอันตรายปะปนออกมาภายหลังการนำเศษเหลือทิ้ง
ไปกำจัดหรือการ แปรสภาพเพื่อใช้ใหม่
คุณถาม : ข้าวนึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการส่งออกข้าวของไทยอย่างไร
EXIM ตอบ : ข้าวนึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ข้าวที่ได้จากการนำข้าวเปลือกมาผ่านการนึ่งด้วยไอน้ำเพื่อให้แป้งในข้าวบางส่วนสุก แล้วจึงนำไป
ทำให้แห้งเพื่อลดความชื้นก่อนนำไปสีเอาเปลือกออก ข้าวนึ่งที่ได้มีสีขาวออกเหลือง มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเพราะ
สารอาหารจากเปลือกข้าวได้ซึมเข้าสู่เนื้อข้าวในขั้นตอนของการนึ่ง เมื่อนำข้าวนึ่งไปหุง ข้าวจะร่วนไม่เกาะติดกัน
ข้าวที่นิยมนำมาทำข้าวนึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวคุณภาพต่ำ มีความชื้นสูงและเมล็ดหักมาก จึงต้องนำไปนึ่งก่อนนำไปสี
เอาเปลือกออก
การผลิตข้าวนึ่งของไทยเป็นการผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลักเนื่องจากคนไทยไม่นิยมรับประทานข้าวนึ่ง เพราะถือเป็นข้าว
คุณภาพต่ำ การส่งออกข้าวนึ่งทวีบทบาทสำคัญต่อการส่งออกข้าวของไทยมากขึ้นเป็นลำดับ โดยอัตราการขยายตัวเฉลี่ย
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2539-2543) สูงถึงกว่าร้อยละ 20 ต่อปี เทียบกับการส่งออกข้าวรวมที่ขยายตัวเฉลี่ย
ประมาณร้อยละ 8 ต่อปีเท่านั้น สำหรับในปี 2543 ไทยสามารถส่งออกข้าวนึ่งเป็นมูลค่าสูงประมาณ 14,450 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 22 ของมูลค่าส่งออกข้าวทั้งหมดของไทย โดยมีตลาดส่งออกสำคัญคือ ประเทศในแถบแอฟริกา เช่น ไนจีเรีย
แอฟริกาใต้ เซเนกัล เบนิน โซมาเลีย และประเทศในแถบตะวันออกกลาง เช่น เยเมน ซาอุดีอาระเบีย และ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
คาดว่าการส่งออกข้าวนึ่งของไทยในปี 2544 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับผลดีจากราคาน้ำมันเชื้อ
เพลิงที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง ทำให้กำลังซื้อของประเทศในแถบตะวันออกกลางซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญขยับสูงขึ้น
นอกจากนี้ การที่อินเดียซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวนึ่งรายใหญ่ในแอฟริกาเริ่มเสียเปรียบการแข่งขันด้านราคากับไทยหลังจาก
อินเดียมีการประกันราคาข้าว ในประเทศ ทำให้ราคาส่งออกข้าวนึ่งของอินเดียสูงกว่าไทย จึงเป็นโอกาสดีของไทย
ในการส่ง ออกข้าวนึ่งในปี 2544 นี้
คุณถาม : อุตสาหกรรมใดบ้างที่รัฐบาลเวียดนามส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในเวียดนาม
EXIM ตอบ : ตามกฎหมายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศฉบับล่าสุดของเวียดนาม (Law 18-2000-QH10) ซึ่งมีผลบังคับใช้
ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2543 รัฐบาลเวียดนามกำหนดประเภทของโครงการลงทุนที่ส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติ
เข้าไปลงทุนรวม 5 ประเภท คือ
โครงการลงทุนที่เน้นการผลิตเพื่อการส่งออก อาทิ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป ฯลฯ โครงการลงทุนด้าน
การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ปศุสัตว์ ป่าไม้ และการประมง อาทิ อุตสาหกรรมไม้อัด อาหารทะเลแช่เย็น/แช่แข็ง
ผักและผลไม้กระป๋อง ฯลฯ โครงการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงและทันสมัย ปกป้องสิ่งแวดล้อม และโครงการ
ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา อาทิ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์ ฯลฯ โครงการลงทุนที่
เน้นการใช้แรงงาน วัตถุดิบ และทรัพยากรธรรมชาติภายในเวียดนาม อาทิ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมเหล็กกล้า
ฯลฯ โครงการลงทุนด้านการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ รวมทั้งการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม อาทิ
การก่อสร้างระบบโทรคมนาคม ฯลฯ นอกจากโครงการลงทุนประเภทต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นแล้ว นักลงทุนต่างชาติที่
เข้ามาลงทุนในท้องถิ่นทุรกันดาร อาทิ บริเวณเทือกเขา ที่ราบสูง และชนบทที่ห่างไกลความเจริญ ฯลฯ จะได้รับการ
ส่งเสริมการลงทุนเป็นพิเศษจากกระทรวงวางแผนและการลงทุน (Ministry of Planning and Investment :
MPI) ของเวียดนามอีกด้วย
ข้อมูลจาก : ฝ่ายวิชาการและแผนงาน
--Exim News ปีที่ 7 ฉบับที่ 3 ประจำเดือนมีนาคม 2544--
-อน-